มีผู้หนึ่งที่สามารถเปิดไฟได้
ให้พวกเราก้มศีรษะของพวกเราลงในเวลานี้ พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณพระองค์ในเช้าวันนี้เพราะพระคุณความดีของพระองค์และพระเมตตาที่ทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายมีสิทธิพิเศษในการประชุมที่นี่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง-วันหนึ่งแห่งชีวิตนิรันดร์อันยิ่งใหญ่นี้-เพื่อนมัสการพระองค์พระเยซูคริสต์เจ้าผู้ทรงเป็นที่รัก ข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณที่พระองค์เสด็จมาในโลกเพื่อทรงไถ่ข้าพระองค์ทั้งหลายจากชีวิตของความบาปและประทานมรดกอันยิ่งใหญ่แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายโดยความชอบธรรมของพระองค์ และในเช้านี้ข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ที่นี่เป็นทูตทั้งหลายของพระองค์ที่จะหักขนมปังแห่งชีวิตนี้สำหรับที่ประชุมซึ่งกำลังรอคอยอยู่นี้ ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจทุกถ้อยคำและทรงวางไว้ในจิตใจของคนทั้งหลายเช่นเดียวกับที่ข้าพระองค์ทั้งหลายปรารถนา ข้าพระองค์ทั้งหลายทูลขอสิ่งนี้ในพระนามพระเยซู อาเมน เชิญนั่งครับ
แน่นอนครับด้วยผมเห็นว่าครั้งนี้เป็นสิทธิพิเศษอันดีอีกครั้งหนึ่งในเช้าวันนี้ที่จะยืนอยู่ที่นี่กับพวกคุณ ขออภัยที่พวกเราไม่ได้มีพื้นที่มากพอที่พวกเราจะดูแลผู้คนได้ คริสตจักรของพวกเรามีขนาดที่ไม่ใหญ่มากพอครับ และพวกเรารู้สึกขอบคุณมากที่จะอยู่ที่นี่ตลอดวันหยุดนี้จากการลงไปที่บ้านของพวกเราที่เมืองทูซอน และสภาพอากาศก็เลวร้าย แต่พวกเราก็มีความสุขที่จะอยู่ที่นี่และเพื่อมีการประชุม
ตอนนี้ผมอยากจะประกาศในคืนนี้ว่า จะมีการประชุมการเยียวยารักษาโรคในคืนนี้หรือการอธิษฐานเผื่อผู้คนที่เจ็บป่วย และผมเพิ่งบอกบิลลี่ตอนนี้ ... เขากล่าวว่า "ดีล่ะครับ ท่านจะทำอะไรครับ?"
ผมบอกว่า "ดีล่ะครับ บางทีคุณควรจะแจกบัตรบางส่วนคืนนี้ประมาณ 6.30 น. เพื่อผู้คนจะไม่ ... ดูเถิดครับ ผู้คนเยอะมากในที่นี่ครับ พวกเราอาจจะรู้เพียงวิธีการที่จะนำพวกเขามาทีละคน ดังนั้นคุณอาจจะถูกเรียกได้จากหมายเลขบัตรของคุณ และเพื่อจะไม่ให้มีการแออัดใดๆ พวกเราอาจจะเรียกพวกเขาทีละคนและให้พวกเขาเข้าแถวในขณะที่พวกเราอธิษฐานเผื่อพวกเขา
ดังนั้นพวกคุณ ... ถ้าหากพวกคุณเจ็บป่วยหรือมีผู้ที่พวกคุณรักกำลังเจ็บป่วยและต้องการที่จะนำพวกเขามา มาถึงประมาณ 6.30 น. ใกล้เคียงเวลานั้น 7.00 น. และรับบัตรอธิษฐาน เขาจะอยู่ที่ประตูหรือ-อย่างไรก็ตามเขาจะแจกพวกมัน-เมื่อพวกคุณเข้ามาครับ
แล้วจากนั้นครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้กลับมาบางครั้ง เพราะผมมีตารางเวลาที่แน่นมากตอนนี้ ยังคงอยู่ในสหรัฐอเมริกาจนถึงปลายฤดูใบไม้ผลินี้ ดังนั้นพวกเราอาจจะได้กลับมาอีกครั้งหนึ่งในภายหลังช่วงฤดูร้อนนี้ ถ้าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า ผมยินดีครับ ผมอยากจะไป ถ้าพวกเราได้สถานที่ที่นี่ถ้ามันได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ผมกำลังจะขอให้บิลลี่; ผมอยากจะพูดเรื่อง แตรทั้งเจ็ด มีการประชุมหนึ่งที่นี่สำหรับแตรทั้งเจ็ดแตรถ้าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า สำหรับการที่ ... คริสตจักรเจ็ดยุค และตราประทับทั้งเจ็ด และตอนนี้แตรทั้งเจ็ด และอาจจะมีเวลาบ้างในเดือนมิถุนายนที่ผู้คนมีวันหยุดของพวกเขา ให้เวลาพวกเขาที่พวกเขาจะสามารถ-พวกเขาจะเข้ามาได้ครับ
และผมยินดีที่ได้พบบราเดอร์เชพเพอร์ดที่นี่ตอนเช้าวันนี้จากโรงพยาบาล ผมได้ไปพบเขาในวันก่อน และซิสเตอร์เชพเพอร์ด ผมไม่ได้โทรหาพวกคุณเมื่อวานนี้ ความฝันที่พวกคุณส่งมาให้ผมนั้นดีมากๆ ครับ พวกคุณได้เห็นดั่งที่มันเป็น พระคริสต์ในท้องฟ้าบนม้าสีขาวตัวนี้ แต่ยังไม่ได้ถูกผูกไว้ พวกคุณเห็นไหมครับ? แต่ก่อนที่จะจางหายไป ทุกคนในครอบครัวของพวกคุณได้เห็นมัน การตีความหมายความฝันนั่นก็คือ ครอบครัวของพวกคุณจะได้เห็นการเคลื่อนของพระองค์ในยุคสุดท้ายนี้ก่อนที่มันได้ผ่านไปในขณะที่มัน ... ดังนั้นมันเป็นจะฝ่ายวิญญาณจริงๆ และเป็นพระพรมากสำหรับครอบครัวของพวกคุณ ครอบครัวที่ออกมาจากกลียุคใหญ่ยิ่งที่จะมาถึงที่ที่พวกเขาอยู่ในยุคนี้ครับ
และตอนนี้พวกเรามีบางสิ่งบางอย่างเล็กน้อยในด้านที่น่าโศกเศร้าในเช้าวันนี้ครับ ตั้งแต่ผมได้พบที่นี่ คุณหนึ่งในเพื่อนที่มีคุณค่าของพวกเราและผู้คนที่มาคริสตจักรแห่งนี้ ครอบครัวโค้ตส์ที่พวกเราทุกคนรักพวกเขา พวกเขาลงมาจากทางทิศตะวันออกและ ... หรือจากรอบๆ เมืองชิคาโก และซิสเตอร์บิลลี่ ฮาบิบ และซิสเตอร์อาร์มสตรองและพวกผู้หญิงทุกคน พวกเขา ... ผมคิดว่าพวกเขาเป็นพวกนาซารีนมาก่อนและได้มาถึงพระเจ้า และพวกเขาก็เป็นเพื่อนที่มีคุณค่ามากของพวกเรา และบราเดอร์และซิสเตอร์โค้ตส์ คุณพ่อและคุณแม่ของพวกเขา บนถนนที่กลับบ้านไปในวันก่อนจากฝั่งตะวันตกและคนขับรถลื่นบนท้องถนนและทำให้ซิสเตอร์โคตส์เสียชีวิตทันที และในขณะที่พวกเขาโทรศัพท์มาหาผมในเมืองทูซอนและผมได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่นั่นกับกล่องขนมที่นางได้ทำให้ผมวางอยู่บนโต๊ะครับ และพวกคุณไม่รู้ใช่ไหมครับว่า มันทำให้ผมรู้สึกอย่างไร แต่ผมคิดว่า ... ขอบพระคุณพระเจ้าในเช้าวันนี้ที่นางไม่ต้องทนทุกข์ยากลำบาก นางเริ่มชราและนางไม่ต้องทนทุกข์แล้ว และนางได้กลับบ้านไปอยู่กับพระเจ้า
ผมก็แค่คิดและสนทนากับลูกสาวสองคนของนางเพิ่งจะตอนนี้ในห้องที่นั่น บราเดอร์โค้ตส์อยู่ที่นี่ในเช้าวันนี้ เขามีกระดูกซี่โครงที่หักบางส่วน และผมได้โทรศัพท์หาเขาในโรงพยาบาลซึ่งเขาได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลในรัฐมิสซูรี่และซี่โครงของเขาและสิ่งต่างๆ ก็หัก แต่แน่นอนครับ เขามีความกล้าหาญจริงๆ คริสเตียนแท้ที่รู้ว่าราชินีน้อยๆ ของเขาไม่ตาย นางมีชีวิตอยู่ตลอดกาลกับพระคริสต์และจะมีช่วงเวลาที่เป็นหนึ่งเดียวกันครับ
โยบได้กล่าวไว้ครั้งหนึ่งว่า "โอ้ อยากให้พระองค์ซ่อนข้าพระองค์ไว้ในแดนคนตาย และปกปิดข้าพระองค์ไว้จนพระพิโรธของพระองค์พ้นไป"
พวกคุณเคยสังเกตเห็นพระเจ้าทรงกระทำสิ่งเดียวกันในธรรมชาติหรือไม่ครับ? เช่นเดียวกับน้ำเลี้ยงต้นไม้ที่อยู่ในต้นไม้ที่นี่ เกาะอยู่บนใบไม้และก่อนฤดูหนาวจะมา บ่วงพระพิโรธที่เทลงมาบนแผ่นดินโลก ... ดูเถิดครับ ครั้งหนึ่งโลกไม่มีฤดูหนาว และในยุคพันปีจะไม่มีฤดูหนาวอีกเลย พวกคุณเห็นไหมครับ? ดังนั้นจึงเป็นบ่วงพระพิโรธในแผ่นดิน จากนั้นเมื่อมันได้เกิดขึ้น ... ดูเถิดครับ ก่อนที่บ่วงพระพิโรธจะมา พระเจ้าในพระเมตตาของพระองค์ทรงส่งน้ำเลี้ยงต้นไม้ลงไปที่... ใต้พื้นดินในรากของต้นไม้นั้นและเก็บรักษามันไว้ที่นั่นจนกระทั่งบ่วงพระพิโรธของฤดูหนาวจะผ่านไป จากนั้นยกมันกลับขั้นมาอีกครั้งหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ “โอ อยากให้พระองค์ซ่อนข้าพระองค์ไว้ในแดนคนตาย และปกปิดข้าพระองค์ไว้จนพระพิโรธของพระองค์พ้นไป” นั่นคือสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำเพื่อพี่น้องหญิงของพวกเรา นั่นคือสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อคริสเตียนทุกคน
บราเดอร์โค้ตส์ ขอพระเจ้าอวยพรคุณ ผมมีความสุขที่ได้รู้ว่า ตราประทับของพระเจ้าทรงอยู่ในเวลาแห่งปัญหา ผมรู้ถึงสิ่งที่เขากำลังจะผ่านไปครับ เพราะผมก็ผ่านสิ่งที่คล้ายกันในปีที่ผ่านมา แต่ผม... พวกเราจะต้องข้ามแม่น้ำใหญ่นี้ทีละคน และมันจะเป็นเวลาของผมเวลาหนึ่งในวันเหล่านี้ และเวลาของพวกคุณทุกคนวันหนึ่งในวันเหล่านี้ นอกจากนั้นดั่งที่ดาวิดกล่าวไว้ว่า “ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์ คทาและธารพระกรของพระองค์ทรงปลอบโยนข้าพระองค์”
ตอนนี้ในงานไว้อาลัยของซิสเตอร์โค้ตส์ พี่น้องหญิงที่มีคุณค่าของพวกเราที่จากไปหาพระเจ้า ในงานไว้อาลัยเล็กๆ เพื่อนางในเช้าวันนี้ผมอยากจะให้ที่ประชุมยืนอยู่เพียงสักครู่หนึ่ง ขอให้พวกเราก้มศีรษะของพวกเราลงและรำลึกถึงคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอยู่ไม่กี่วันที่ผ่านมา เดินเข้ามาในคริสตจักรนี้ เข้ามาและออกไปท่ามกลางพวกเรา จับมือพวกเรา คริสเตียนที่น่ารัก ในเวลานี้อยู่ในสถานที่ที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้ผมเห็นไม่นานที่ผ่านมา ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังรอคอยครอบครัวของนางที่กำลังจะมาถึงอีกครั้งหนึ่ง
พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับความทรงจำทั้งหลายของ ซิสเตอร์โค้ตส์ พี่น้องหญิงผู้เป็นที่รักซึ่งช่างมีคุณค่าเหลือเกิน และตอนนี้เวลาที่มาถึงเมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจากไปในช่วงอายุในชีวิตของข้าพระองค์ทั้งหลายที่ได้รับการจัดสรร ข้าพระองค์ทั้งหลายจะต้องข้ามแม่น้ำ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับนางที่ไม่ต้องทนทุกข์ ไม่มีสิ่งใดที่ต่อต้านนางที่นี่ที่นางต้องทนทุกข์ นางเพิ่งได้เดินตรงเข้าไปในอ้อมแขนของพระเจ้าเพียงสักครู่หนึ่งที่ผ่านมา
สามีของนาง, บุตรทั้งหลายของนางอยู่ที่นี่แล้วในเช้าวันนี้ พระบิดา กลับไปยัง ณ ตำแหน่งหน้าที่ในการทำงานของพวกเขา ข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับความเชื่อที่กล้าหาญ ความเชื่อของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายที่ดำรงอยู่ แทนที่คุกปราสาท, เปลวไฟ, และดาบ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่งเหล่านี้
ขอทรงให้จิตวิญญาณอันมีคุณค่าของนางได้พักเถิด พระบิดา นางเป็นพี่น้องหญิงของข้าพระองค์ทั้งหลาย ความเศร้าโศกน้ำตาตกในจิตใจของข้าพระองค์ทั้งหลายสำหรับการไม่มีนาง แต่ความสุขงอกงามขึ้นมาจากน้ำตาที่ตกลงไปที่ให้ข้าพระองค์ทั้งหลายรับรู้ด้วยความมั่นใจของพระวจนะพระองค์ที่นางจะพำนักอยู่ในชีวิตที่เป็นอมตะที่ไม่ตาย และจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกเลยในสถานที่ที่นางอยู่ในเวลานี้ กำลังรอคอยบรรดาผู้ที่มาหลังจากนั้นที่จะอยู่กับนาง
ขอทรงอวยพรบราเดอร์โค้ตส์และขอทรงอวยพรพวกนางลูกสาวทั้งหลายในครอบครัวของนาง พระบิดา และผู้ที่เป็นที่รักเหล่านั้นและทุกคนที่รักนาง และบางวัน พระบิดา ข้าพระองค์ทั้งหลายไว้วางใจว่าจะพบนางที่นั่น ในที่ที่ดีเลิศที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บความเศร้าโศกหรือความตาย จนกว่าจะถึงเวลานั้น ขอให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทุกคนมีสุขภาพดีและรับใช้พระองค์และมองไปข้างหน้าเพื่อวันนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายทูลขอในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ทรงกระทำการกับข้าพระองค์ทั้งหลายที่นี่ ณ คริสตจักรในการเปิดเผยพระวจนะของพระองค์ ขอพระองค์ประทานจิตใจที่กล้าหาญของนางอยู่ในความสงบจนกว่าข้าพระองค์ทั้งหลายจะพบนาง
ตอนนี้มันอบอุ่นในช่วงเช้าวันนี้ที่นี่เพราะร่างกายทั้งหลาย พวกคุณรู้ไหมครับว่า ... ความร้อนของร่างกายมนุษย์นั้นมีมากครับ
ตอนนี้พวกเราอยากจะประกาศในเวลานี้ บางครั้งการประชุมของพวกเราที่นี่ยาวนานในตอนเช้า เหตุผลคือมันไม่ถูกต้องจริงๆ ที่จะยืดการประชุมไว้นานๆ เพราะ ... ชั่วโมง, หนึ่งชั่วโมงครึ่ง, บางครั้งสองชั่วโมง แต่สิ่งที่ผมกำลังกระทำอยู่ ผมกำลังบันทึกเทปกลับมาที่นี่ ดูเถิดครับ และเทปนี้ก็ออกไปทั่วทุกมุมโลก และนั่นคือสิ่งที่ผม ... พวกเราประชุมนานมากในตอนเช้าเพราะผมมาที่นี่เพื่อบันทึกเทปเหล่านี้ นั่นคือ ... ดูเถิดครับ พวกคุณสามารถดูในห้องมีเทปทั้งหลายที่กำลังถูกบันทึก ตอนนี้ ... และพวกมันออกไปทุกหนแห่งทั่วโลกครับ
ตอนนี้เร็วๆ นี้ น้ำพระทัยพระเจ้า การมาที่นี่ทันทีทันใดที่ผมออกจากที่นี่ ... ผมกำลังจะจากไป น้ำพระทัยพระเจ้าเช้าวันพรุ่งนี้บางครั้งเวลากลับไปรัฐแอริโซนาเพราะผมจะมีการประชุม และจากนั้นก็ไปทั่วภาคใต้ และพวกคุณคนภาคใต้ลงไปตั้งแต่รัฐจอร์เจียและมิสซิสซิปปีและเท็กซัสและอลาบามาและฟลอริด้าและทั่วพื้นที่ที่นั่น ดังนั้นพวกเรากำลังจะลงไปพบพวกคุณผู้คนที่นั่นโดยทันทีตามน้ำพระทัยพระเจ้า
ผมจะไปจากที่นี่ไปยังเมืองฟินิกซ์ จากนั้นไปรัฐแคลิฟอร์เนีย และกลับไปยังเมืองดัลลัส และบางทีอาจจะแวะไปที่เมืองซาน อันโตนิโอ ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นครับ และกลับไปสู่รัฐอลาบามาและฟลอริด้าและตลอดที่นั่น ดังนั้นพวกเรากำลังจะลงไปพบพวกคุณผู้คนที่นั่นโดยทันทีตามน้ำพระทัยพระเจ้า
และจากนั้นขอให้พวกคุณอธิษฐานสำหรับพวกเราต่อไปเถิดครับ และพวกเราจะแจ้งให้พวกคุณทราบเมื่อ ... ถ้าหากพระเจ้าทรงดลใจพวกเราในครั้งนี้ที่จะอยู่สองสามวันที่นี่ในฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง ...
ผมมีกลุ่มของการประชุมที่กำหนดเวลาไว้แล้วครับ ... และหลายคุณในนิวยอร์กทราบครับว่า เมื่อมีนิมิตมาถึงได้กล่าวว่า การประชุมเหล่านั้นในประเทศสแกนดิเนเวีย..พวกคุณจำหมายกำหนดการที่นั่นได้หรือไม่ครับ? และจากนั้นในขณะที่ผมอยู่ในนิวยอร์ก นิมิตได้มาถึงว่า ทุกคุณของการประชุมเหล่านั้นอาจจะยกเลิกด้วยเหตุผลบางอย่าง และจำครับว่า ผมได้บอกบางคุณที่นี่เมื่อพวกเราอยู่ในนิวยอร์ก นั่นเป็นสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นจริงๆ เพราะพวกเขาทั้งหมดต้องการในวันเดียวกันและไม่สามารถใช้อาคารนั้นได้ ดังนั้นแล้วอาจจะมีเวลาบ้างในเดือนมิถุนายน อาจจะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ผมคิดว่าจะกลับมาสำหรับแตรเหล่านั้น ณ ที่นี่ก่อนที่จะสายเกินไป ดูเถิดครับ ดังนั้นพวกเราทราบว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำงานอย่างเหมาะสม ดังนั้นสิ่งนั้นอยู่ในใจของผมเพราะมันอาจจะเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ให้พวกเราทำ
ตอนนี้ผมเห็นว่าพวกคุณกำลังจะเปลี่ยนที่นั่งกันและข้างนอกในห้องโถงและอื่นๆ พวกเราหวังว่าพวกเราจะมีที่นั่งครับ และตอนนี้เมื่อพวกเรามีแตรเหล่านั้น พวกเราอยากจะใช้โรงยิมของโรงเรียนมัธยมปลาย-ผมคิดว่า 5,500 ที่นั่ง และจากนั้นพวกเราอาจจะมีโอกาสที่จะ ... ทุกคุณจะมีที่นั่งและนั่งลงและฟังอย่างเงียบๆ ในขณะที่พวกเราเทศนา ... เรื่องแตร ดีมากๆ ครับ ผม ... ในการมองดูที่มันในวันก่อนครับ ...
ดูเถิดครับ ในตราประทับที่หก แตรทั้งเจ็ดทั้งหมดเหมือนจะอยู่ที่ตราประทับที่หก (ดูเถิดครับ) เพียงแค่ก่อนที่ตราประทับที่เจ็ดจะเปิดเมื่อการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์
และคืนนี้ผมมีคำเทศนาที่สำคัญมากที่ผมอยากจะพูดก่อนการประชุมการเยียวยารักษาโรคครับ และถ้าพวกคุณที่อยู่ที่นี่และที่จะอยู่ต่อ ดีล่ะครับ พวกเราจะพยายามถ้ามันเป็นไปได้ที่จะเริ่มเร็วหน่อยในช่วงต้น เพราะจะมีแถวอธิษฐาน ผมจะไม่เทศนานานเกินไปครับ แต่มีบางอย่างที่ผมอยากจะบอกกับคริสตจักรว่า บางครั้งและชนิดของตำแหน่งหน้าที่ของพวกคุณว่าสิ่งทั้งหลายกำลังทำงานอยู่ในขณะนี้อย่างไร และพวกเรากำลังยืนอยู่ที่ใด และความรู้ที่ดีที่สุดของผมผ่านข้อพระคัมภีร์
ตอนนี้ผมอยากจะให้พวกคุณเปิดพระคัมภีร์ไบเบิลเช้านี้กับผมถ้าพวกคุณอยากจะทำเครื่องหมายหรือจดบันทึกลงที่ที่พวกเราจะอ่านจากหนังสือพระธรรมอิสยาห์ และผมอยากจะอ่านจากพระธรรมอิสยาห์ บทที่ 42 ของอิสยาห์
พวกเรามีความสุขมากในเช้าวันนี้ที่มีบราเดอร์เด๊าช์นั่งอยู่ด้วยกันกับพวกเราที่นี่ ในขณะที่พวกคุณกำลังเปิด ... พวกคุณรู้ไหมครับ พวกเขาคิดว่าเขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ในเมืองเชรฟพอร์ตในวันก่อน และทันใดนั้นเขาก็มีความเชื่อ ใช่ครับท่าน! เขาก้าวออกมาจากมันครับ พระเจ้าทรงอวยพรเขา ผมไม่ได้ ... ดูเถิดครับ บราเดอร์เด๊าช์ในวัยเก้าสิบเอ็ดปีและมีภาวะโรคหัวใจล้มเหลวและนอกจากนั้นก็มีโรคหัวใจวายด้วย และแพทย์บอกว่าเขาไม่เห็นมีวิธีใดสำหรับเขาที่จะมีชีวิตรอดอยู่ บราเดอร์เด๊าช์มีชีวิตอยู่และแพทย์ผู้นั้นเสียชีวิตแล้ว ดูเถิดครับ เพียงแค่ ... บราเดอร์เด๊าช์กำลังนั่งอยู่ที่นี่ครับ
และจากนั้นชายวัยเก้าสิบเอ็ดปีผู้หนึ่งกับโรคหัวใจล้มเหลวและโรคหัวใจวาย และที่นั่นเมื่อผมกำลังจะไปที่นั่น ผมเห็นเขาเดินลงมาที่ถนน ผมเห็นเขาในคริสตจักร และผมได้เดินไปและบอกเขาขณะที่อยู่ภายใต้กระโจมออกซิเจน "ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้าที่ผมจะจับมือของคุณใน ... ผมจะพบคุณในคริสตจักรอีกครั้งหนึ่งและจับมือของคุณบนถนน" การประชุมถัดไปเขาอยู่ที่นี่นั่งอยู่ด้านหลังที่นี่ในคริสตจักร และผมไปเมืองหลุยส์วิลล์ที่พวกเรารับประทานอาหารที่บลูโบอาร์ที่นั่น และขณะที่ผมลงจากรถของผม เริ่มเดินขึ้นไปที่ถนน ที่นี่บราเดอร์เด๊าช์กำลังเดินอยู่บนถนน นั่นมันสมบูรณ์แบบครับ และพระเจ้าได้ทรงอวยพรเขาอย่างไรเล่าครับ
ตอนนี้พวกเรากำลังจะเทศนาเกี่ยวกับการเยียวยารักษาโรคในคืนนี้และสิ่งทั้งหลาย และมีบางสิ่งบางอย่างที่โดดเด่นจริงๆ ที่จะบอกพวกคุณสำหรับคืนนี้ครับ
แต่ตอนนี้เพื่อที่ผมจะได้รับเทปทั้งหลายในขณะนี้ และพวกเขาจะได้รับพร้อมที่จะเปิดพวกมัน ผมอยากจะเริ่มการอ่านจากพระธรรมอิสยาห์ บทที่ 42 และข้อ 1 ถึงข้อ 7 และพระธรรมมัทธิว บทที่ 4 เริ่มครับ ผมเชื่อว่าข้อ 15 และข้อ 16 ครับ
ตอนนี้ในบทที่ 42 พระธรรมอิสยาห์ที่พวกเรากำลังจะอ่านครับ
จงดูผู้รับใช้ของเรา ผู้ซึ่งเราเชิดชู ผู้เลือกสรรของเรา ผู้ซึ่งใจเราปีติยินดี เราเอาวิญญาณของเราใส่ไว้บนท่าน ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปยังบรรดาประชาชาติ
ท่านจะไม่ร้องเสียงดังหรือเปล่งเสียงของท่าน หรือทำให้เสียงของท่านได้ยินตามถนน
ไม้อ้อช้ำแล้ว ท่านจะไม่หัก และไส้ตะเกียงริบหรี่นั้น ท่านจะไม่ดับ ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความซื่อสัตย์
ท่านจะไม่อ่อนล้าหรือชอกช้ำ จนกว่าท่านจะสถาปนาความยุติธรรมไว้ในโลก และแผ่นดินชายทะเลรอคอยธรรมบัญญัติของท่าน
พระยาห์เวห์ พระเจ้า ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และทรงขึงมันไว้ ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสิ่งที่บังเกิดออกมาจากโลก ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนบนโลก และประทานวิญญาณแก่ผู้ดำเนินอยู่บนโลก ตรัสดังนี้ว่า
“เราคือยาห์เวห์ เราเรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม เราฉวยมือเจ้าและรักษาเจ้าไว้ เราให้เจ้าเป็นเหมือนพันธสัญญาแก่มนุษยชาติ และเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
เพื่อเปิดตาคนตาบอดทั้งหลาย เพื่อนำผู้ถูกจำจองออกจากคุก นำผู้นั่งในความมืดออกจากเรือนจำ
ตอนนี้ในพระกิตติคุณมัทธิว บทที่ 4 ผมอยากจะอ่านคำเผยพระวจนะของพระองค์ที่สำเร็จแล้วจากพระธรรมอิสยาห์ ในบทที่ 4 ของพระธรรมมัทธิว ผมจะเริ่มอ่าน ถ้าเป็นไปได้ขอเริ่มที่ข้อ 12 แทนข้อ 15 ครับ
เมื่อพระเยซูทรงทราบข่าวว่ายอห์นถูกจองจำแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปยังแคว้นกาลิลี
แล้วทรงย้ายที่ประทับจากเมืองนาซาเร็ธไปที่เมืองคาเปอรนาอุม ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบในเขตของเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี
เพื่อที่จะให้สำเร็จตามพระวจนะ ซึ่งตรัสผ่านทางอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะว่า
“แคว้นเศบูลุนและแคว้นนัฟทาลี ที่อยู่บนทางไปยังทะเล และฝั่งแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น กาลิลีของพวกต่างชาติ
ประชาชนผู้นั่งอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ และผู้ที่นั่งอยู่ในแดนและเงาแห่งความตาย ก็มีความสว่างส่องถึงพวกเขาแล้ว”
ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูทรงตั้งต้นประกาศว่า “จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว”
ขอพระเจ้าทรงเพิ่มเติมพระพรทั้งหลายของพระองค์ในการอ่านพระวจนะของพระองค์
และตอนนี้ข้อความแปลกๆ ข้อหนึ่งที่ ... ผมได้ยินบางคนกำลังพูดอยู่นี้ครับ แต่ผมอยากจะใช้เวลานี้สำหรับคำเทศนาเรื่อง "มีผู้หนึ่งที่สามารถเปิดไฟได้"
และตอนนี้พวกเรากำลังจะเทศนาถึงเรื่องแสงสว่างเรื่องนี้ตามสามเรื่องที่พวกเราเพิ่งจะเทศนา ครั้งหนึ่งที่เมืองทูซอนหรือที่เมืองฟีนิกซ์ เรื่อง เหตุใดพระเยซูมาที่เมืองเบธเลเฮม ที่พระองค์จะต้องทรงเป็น เพราะพระองค์ทรงเป็นเบธเลเฮม เบธเลเฮม, B-e-t-h คือ "ที่ประทับ"; e-l "พระเจ้า"; e-h-a-m คือ "ขนมปัง, ขนมปัง-ขนมปังที่ประทับของพระเจ้า" และคริสเตียนแต่ละคุณที่เกิดในพระคริสต์เกิดในเบธเลเฮม ขนมปังที่ประทับของพระเจ้า
และจากนั้นมีประเภทของดาวิดซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยในช่วงเวลาของการตัดขาดจากศาสนาของเขาจากประชาชนของเขา เขาถูกปฏิเสธและเมืองเบธเลเฮมถูกปิดล้อมและพวกคนคนฟิลิสเตียมาล้อมรอบเมืองเบธเลเฮม และดาวิดผู้ลี้ภัยเป็นประเภทของคริสตจักรในยุคนี้-ของพระคริสต์ ดูเถิดครับ พระคริสต์ทรงเป็นผู้ลี้ภัยที่คริสตจักรของพระองค์เองในวันนี้ พวกเขามี ... ผู้ลี้ภัยเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ถูกปฏิเสธ และดาวิดได้ถูกปฏิเสธ แต่เขาก็ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ แต่ ... ผู้เผยพระวจนะได้เจิมเขา
และในช่วงเวลานี้การเป็นผู้ลี้ภัยจากประชาชนของเขา เขาได้เลือกคนต่างชาติที่กล้าหาญจำนวนมาก คนหนึ่งของพวกเขาได้สังหารผู้คนตายแปดร้อยคนในหนึ่งวันด้วยหอก ... หรือดาบ และอีกคนหนึ่งกระโดดลงไปในบ่อและฆ่าสิงโตในวันที่หิมะตกหนัก และพวกเขาได้รวบรวมถั่ว-ซึ่งเป็นถั่วหรือถั่วหรือบางสิ่งบางอย่างและทุกคนก็วิ่งหนีไปและเขายืนอยู่และฆ่าคนหลายคนจนแขนของเขาก็เริ่มเมื่อย พวกเขายังฆ่าพี่น้องยักษ์เหล่านั้นของโกลิอัท พวกคนที่กล้าหาญนับถือดาวิดเพราะพวกเขารู้ว่าเขามาในอำนาจ พวกเขารู้ว่าไม่ว่าใครพูดอะไรก็ตาม พระเจ้าได้ทรงเจิมดาวิดและพวกเขารู้จักมัน พวกเขาเป็นคนต่างชาติ ไม่ว่าพวกเขาได้ปฏิเสธเขาเพียงใด พวกเขายังรู้ว่าเขากำลังเข้ามาสู่อำนาจ และวันหนึ่งมี ...
พระคริสต์ทรงเป็นแบบใดในยุคนี้ ผู้ลี้ภัยหรือครับ? พวกคุณจะพูดว่า "พระคริสต์ผู้ลี้ภัยหรือครับ?" ตามพระคัมภีร์ไบเบิลที่พวกเรา ... พระเจ้าได้ทรงดำเนินการอย่างกล้าหาญทรงนำพวกเราผ่านคริสตจักรทั้งเจ็ดยุคเหล่านั้น ... คริสตจักรยุคเลาดีเซีย พระคริสต์ทรงเป็นผู้ลี้ภัยภายนอกของคริสตจักรของพระองค์ ทรงถูกปฏิเสธ ทรงพยายามที่จะได้กลับมาข้างในอีกครั้งหนึ่ง ดูเถิดครับ พระองค์ทรงเป็นผู้ลี้ภัยในคริสตจักรของพระองค์เอง และเหตุผลที่พระองค์ทรงเป็นผู้ลี้ภัยเป็นเพราะพระองค์ทรงเป็นพระวจนะและพวกเขาจะไม่ยอมให้พระวจนะเข้าไปข้างใน-พวกเขายอมรับลัทธิแทน
และพวกเราพบจากนั้นว่า ในการฝ่าฟันที่ยิ่งใหญ่นี้พวกผู้คนที่กล้าหาญรอบๆ ดาวิดเหล่านั้นเป็นพวกคนต่างชาติ ...
ถ้าหากพวกคุณสังเกตเห็นว่า เมืองเบธเลเฮมถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร? ไม่อยากที่จะไปในเรื่องนั้นครับ แต่วิธีการที่เมืองเบธเลเฮม ... ที่จริงนางราหับหญิงโสเภณี ลูกชายของนางเป็นผู้ก่อตั้งเมืองเบธเลเฮม มันเป็นศูนย์กลางข้าวสาลีและน้ำที่ดีจำนวนมากที่นั่นครับ และเขาได้พบเมืองเล็กๆ นี้ และมันก็เล็กที่สุดของเมืองทั้งหมด เพราะผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า "บ้านเบธเลเฮม ในแผ่นดินยูเดีย จะไม่เป็นบ้านที่เล็กน้อยที่สุดในสายตาของพวกผู้ครองกรุงเยรูซาเล็ม... หรือแผ่นดินยูเดีย เพราะว่าเจ้านายองค์หนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองชนชาติของเรา" ออกจากบ้านที่เล็กน้อย
ดาวิด เมื่อเขาได้รับเลือกขึ้นที่นั่นจากพวกพี่น้องที่ดูดีมาก เมื่อผู้เผยพระวจนะซามูเอลได้เดินทางขึ้นไปเพื่อเจิมตั้ง พวกเขาทั้งหมดกำลังยืนอยู่ที่นั่นครับ พวกผู้กล้าหาญที่ยิ่งใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะ ... เหล่ากษัตริย์ที่หน้าตาดี แต่ผู้ที่โดนปฏิเสธมากคือ ดาวิดผู้ที่มีน้ำมันเทลงมาบนเขา เมืองที่ถูกปฏิเสธว่าเป็นผู้หนึ่งที่พระคริสต์ ... มันได้ปฏิเสธว่าพระคริสต์ผู้ทรงได้รับการเลือก (เห็นไหครับ) คนทั้งหลายที่ถูกปฏิเสธ
จากนั้นพวกเราพบว่า หลังจากโอเบดเข้ามา และหลังจากโบอาส เข้ามา และมีคนต่างชาติอื่นๆ เข้ามา-ซึ่งเขาเข้ามาโดยนางรูธ-และนอกจากนั้นมาเจสซี่, และจากเจสซีมาดาวิด และเนินเขาเล็กๆ ที่มั่นคงที่นั่นนำมาซึ่งจอมกษัตริย์ของบรรดากษัตริย์ พระเยซูคริสต์บุตรของดาวิดบุตรฝ่ายวิญญาณของเขา
ตอนนี้จากนั้นเขา ... ดาวิดตัวเขาเองเกิดในเมือง เขาต้องมาถึงจุดเล็กๆ นี้และมันถูกเรียกว่า เมืองเบธเลเฮม ซึ่งหมายถึง "พระนิเวศน์แห่งขนมปังของพระเจ้า" และพระองค์ทรงเป็นพระนิเวศน์แห่งขนมปังของพระเจ้า
และดาวิดกำลังนั่งพักอยู่ที่นั่นบนเนินเขาในวันนั้นและเขามองลงไปเห็นและพวกคนคนฟิลิสเตียรักษาการณ์อยู่รอบๆ เช่นนั้น คงจะร้อนและกระหายน้ำ เขากล่าวว่า "โอ้ ถ้าผมจะมีน้ำดื่มจากบ่อน้ำนั้นเพียงอีกสักครั้งเดียว" เหตุใดอย่างน้อยของความคิดของเขาเป็นคำสั่งแก่พวกเขาผู้ที่รักเขา
ดังนั้นมันจึงเป็นวันนี้ ความคิดของพระเยซูอย่างน้อยที่สุด-หรือเกี่ยวกับพระวจนะของพระองค์-ควรจะเป็นพระบัญชาเพื่อพวกเราพวกคนต่างชาติที่รักพระองค์ เพราะพวกเรารู้ว่าพระองค์กำลังเสด็จเข้ามาในอำนาจไม่ว่าพระองค์จะทรงถูกปฏิเสธอย่างไรก็ตาม ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกจะล่วงไปแต่สิ่งนี้จะยังคงครอบครองอยู่เหมือนเดิมเมื่อฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกจะล่วงไป และพวกเรารู้ว่าพระองค์กำลังเสด็จเข้ามาในอำนาจ เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะดูแลรักษามันให้เกิดขึ้นได้ นี่คือพระคริสต์ การเปิดเผยสำแดงของพระองค์ และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพียงวิธีที่พระวจนะกล่าวว่ามันเป็น เพราะพระองค์ทรงเป็นพระวจนะ และพระบัญชาอย่างน้อยที่สุดของพระองค์คือ ... ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม... ถ้ามันจะเป็นการรับบัพติศมาอีกครั้งหนึ่งหรือสิ่งใดก็ตามที่มันเป็น อย่างไรก็ตามพวกเราจะทำมัน มันเป็นพระบัญชาของพระองค์
และอย่างน้อยที่สุดความคิดของดาวิดก็เป็นคำสั่งแก่พวกคนต่างชาติเหล่านั้นครับ สำหรับพวกเขา-ประเภทหนึ่งของคริสตจักรต่างชาติยุคนี้ ผู้กล้าหาญ ดูเถิดครับ พวกคนเหล่านั้นที่ยืนอยู่กับดาวิดเป็นพวกคนต่างชาติ แต่เป็นพวกผู้กล้าหาญ พวกเขาไม่มีความกลัว พวกเขาไม่รู้จักว่าสิ่งใดคือความกลัว
ชายคนหนึ่งเอาดาบและฆ่าคนแปดร้อยคน พวกเขาทั้งหมดอยู่รอบๆ ตัวเขา ชายผู้นั้นเป็นผู้ใดเล่าครับ ผู้หนึ่งในพวกเขาเป็น ... ผู้หนึ่งในพวกผู้ชายพวกนั้น ... มีนักรบคนฟิลิสเตียวิ่งขึ้นด้วยหอกยาว เขามีเพียงไม้หนังสติ๊กยิงลูกหินในมือของเขา เขาใช้ไม้นั้นและเคาะหอกออกจากมือของเขา ใช้หอกนั้นและฆ่าเขาด้วยหอกของเขาเอง ดูเถิดครับ
ผู้หนึ่งในพวกยักษ์เหล่านั้นมีนิ้วมือสิบสี่นิ้วอย่างนั้นครับ ตอนนี้สิบสี่นิ้วมือ ... นิ้วมือของพวกคุณยาวเท่าๆ กับมือของพวกคุณที่ปิดอยู่ เปิดขึ้นครับ นั่นจะเป็นมือที่มียี่สิบแปดนิ้วมือ และด้วยหอก ... และเขากระโดด ณ ที่นั่นและสังหารเขา ดูเถิดครับ ทำไมเล่าครับ? เขาเป็นผู้กล้าหาญเป็นคนต่างชาติคนหนึ่งที่กำลังมองผู้ที่ได้รับการเจิมว่าเขากำลังมาสู่อำนาจ
พวกคุณไม่ได้สังเกตเห็นครับว่า พวกเขาที่กล้าหาญมากกับดาวิด เมื่อในที่สุดดาวิดก็มาอยู่ในอำนาจ เขาทำให้พวกเขาเป็นผู้ปกครองเมืองทั้งหลาย พระเยซูไม่ได้ทรงสัญญาสิ่งเดียวกันไว้หรือครับ? สิ่งเดียวกันที่ทำให้พวกเขาเป็นผู้ปกครอง
จากนั้นในที่นั่นเมื่อความปรารถนาของดาวิดก็คือ จะมีน้ำดื่มสดใหม่ ... เขาอาจจะมีน้ำเก่า, อุ่นๆ ที่ไม่ไหลรินอยู่บ้างที่นั่นที่เขากำลังดื่มอยู่ แต่เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าจะดื่มน้ำสดใหม่ ณ ที่นั่นที่เมืองเบธเลเฮม "พระนิเวศน์แห่งขนมปังของพระเจ้า" และเขากล่าวว่า "ถ้าหากข้าพเจ้าเพียงได้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำนั้น ... " และพวกคนเหล่านั้นชักดาบของพวกเขาและต่อสู้สิบห้าไมล์ของพวกคนคนฟิลิสเตีย ไม่ใช่เพราะเขาขอให้พวกเขาทำ แต่เพราะพวกเขารู้ว่าเขาต้องการมัน และพวกเขาต่อสู้กับพวกคนคนฟิลิสเตียทุกวิธีที่จะไปยังบ่อน้ำนั้น ในขณะที่สองคนของพวกเขาต่อสู้ คนอื่นก็ได้ถังน้ำของเขาและได้ต่อสู้พวกเขากลับมา ตลอดทางกลับมาและมอบให้ดาวิด พูดเกี่ยวกับผู้กล้าหาญ!
ดาวิดบุรุษของพระเจ้านั้นกล่าวว่า "พระเจ้าทรงห้ามข้าพเจ้าที่จะดื่มมันจากสหายเหล่านี้ที่วางชีวิตของพวกเขาอยู่ในอันตราย" และเขาได้ทำการถวายเครื่องดื่มบูชา เทมันลงบนพื้นดินแด่พระเจ้า "ขอมอบถวายมันแด่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้หนึ่งที่ทรงสมควรกับสิ่งนั้น ไม่ใช่ข้าพระองค์" พวกเขาวาง ...
แบบอย่างที่แท้จริงของพระคริสต์พระองค์เองกับชีวิตนิรันดร์ของพระองค์ในพระองค์เอง นอกจากศิลาที่ถูกโบยตีอย่างแรง ทรงเทชีวิตของพระองค์ลงบนพื้นดินเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปแก่พวกเรา เพื่อพระวจนะนี้จะดำรงอยู่ได้
โอ้ พวกคนต่างชาติ ผมได้กล่าวว่า ใครจะชักดาบนั้นกับผม? เขาต้องการน้ำดื่มสดใหม่ในเช้าวันนี้ ไม่ใช่คำสอนเก่าๆ และสิ่งต่างๆ ของคริสตจักรนี้ที่พวกเรากำลังถูกหลอกลวงอยู่รอบๆ เขาปรารถนาความเชื่อแท้ในพระวจนะของพระองค์ ผู้ที่จะเชื่อทุกถ้อยคำ ขอให้ไปที่บ่อน้ำและนำน้ำดื่มกลับมา เครื่องดื่ม การนมัสการที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาไม่ใช่บนลัทธิและคณะนิกาย แต่เป็นการนมัสการด้วยพระวิญญาณที่เที่ยงแท้กับพระคริสต์ท่ามกลางพวกเราที่กำลังดำรงอยู่ในชีวิตของพระองค์ในทางที่พระองค์ทรงปรารถนาท่ามกลางพวกเรา นั่นไม่ได้อยู่กับลัทธิและสิ่งที่แตกต่างกัน ขอให้เพียงมีพระองค์ในทางนั้นครับ
ตอนนี้ต่อไปคือ การที่พระเจ้าทรงกระทำกับประชาชนผ่านความฝันในยุคของโยเซฟ พวกคุณสังเกตเห็นความฝันเป็นลำดับที่สอง มันเป็นลำดับที่สองของการงานของพระเจ้า บางคนสามารถมีความฝันได้ไม่มีความหมายอะไรครับ พวกคุณอาจจะรับประทานมากเกินไปและมีฝันร้าย และความฝันเป็นวิธีที่สอง ดูเถิดครับ ดีล่ะครับ เหตุใดพระเจ้าจะทรงปกป้องบุตรของพระองค์เองผ่านวิธีที่สองเล่าครับ? พระองค์ได้ทรงปรากฏแก่โยเซฟ ความผาสุกของพระบุตรของพระองค์เองพระองค์ได้ทรงส่งมาในวิธีที่สอง พวกคุณเคยคิดถึงมันหรือไม่ครับ? เพราะว่าไม่มีผู้เผยพระวจนะในแผ่นดิน พระองค์ทรงต้องกระทำการผ่านความฝัน และมันก็ไม่ใช่ความฝันที่จะต้องมีการตีความ ทูตสวรรค์ของพระเจ้ากล่าวว่า โยเซฟ อย่ากลัวเลยที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่าน เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิในครรภ์ของนางเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์"
มันเป็นสิ่งผิดปกติที่จะเกิดขึ้นครับ โยเซฟเป็นเพียงผู้เดียว ... มันเป็นเรื่องผิดปกติ พระเจ้าทรงกระทำสิ่งผิดปกติ และสิ่งผิดปกติเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้ นั่นเป็นเหตุผลที่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจความจริงวันนี้ มันเป็นเรื่องผิดปกติมาก ผู้หญิงคนหนึ่งที่จะมีบุตรโดยปราศจากชายคนหนึ่งเป็นเรื่องผิดปกติมากครับ แต่ถ้าคุณสัตย์ซื่อและจริงใจ พระเจ้าจะยังทรงปรากฏแก่คุณในความฝัน จะทรงสำแดงว่าสิ่งใดก็ตามที่คุณมีไม่ว่าจะเป็นความคิดของคุณ, ไม่ว่าคุณจะเป่านกหวีด, ร้องเพลง, เป็นพยาน, หรือสิ่งใดก็ตามที่คุณสามารถกระทำได้ ถ้าหากทุกสิ่งทุกอย่างทั้งปวงทั้งหมดของคุณถูกมอบถวายแด่พระเจ้า พระเจ้าทรงสามารถใช้มันได้ถ้าหากคุณเพียงแค่ปล่อยให้พระองค์ทรงกระทำ
จากนั้นในคืนต่อมาที่นี่ บราเดอร์เนวิลล์ได้เทศนาในเรื่องของการหลบหนีว่ามนุษย์หลบหนีอย่างไร และผมคิดว่ามันเป็นชนิดที่โดดเด่นและในเช้าวันนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ดูเหมือนว่าจะมีผมที่จะจัดการในเรื่องแสงสว่าง เป็นหัวข้อเรื่องถัดไป ต่อไปในตอนเริ่มต้นว่า ชีวิตของพระคริสต์เริ่มต้นได้อย่างไรที่รางหญ้า พวกเรากำลังกลับมาผ่านมันอีกครั้งหนึ่งในคำเทศนาของพวกเราครับ และเขาไม่รู้ ผมก็ไม่รู้ครับ และนี่ก็เป็นสิ่งเดียวกัน ดูเถิดครับ บนนั้น สิ่งถัดไปเป็นสถานที่ที่พระองค์ได้ทรงเข้ามาในพันธกิจของพระองค์ และคืนนี้พวกเรามีบางสิ่งบางอย่างที่จะผสมผสานกับสิ่งนั้น ให้ดำเนินต่อไปในคืนนี้ตามน้ำพระทัยพระเจ้า
ตอนนี้แสงสว่างอันยิ่งใหญ่ พวกคนต่างชาติผู้ซึ่งนั่งอยู่ในพื้นที่ของเงาของความตาย แสงสว่างอันยิ่งใหญ่ผุดขึ้นท่ามกลางพวกเขา ในเศบูลุน, และนัฟทาลี, ใน ... ตลอดทางของแคว้นกาลิลีของพวกคนต่างชาติ แสงสว่างอันยิ่งใหญ่-พวกเขาเห็นแสงสว่างอันยิ่งใหญ่
ตอนนี้แสงสว่าง แสงสว่างครั้งแรกที่พวกเราพบในพระคัมภีร์ไบเบิลถูกพบในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 1 ข้อ 3 มันเป็นถ้อยคำของพระเจ้าทำให้เกิดแสงสว่าง พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง!" – พระธรรมปฐมกาล บทที่ 1 ข้อ 3 และความสว่างก็เกิดขึ้น
ตอนนี้จำครับ ดังนั้นความสว่างมาจากพระวาทะของพระเจ้าที่ได้ทรงกล่าวออกไป และความสว่างคือการพิสูจน์ให้เห็น หรือเรื่องที่พระองค์ได้ตรัสคือความสว่าง เมื่อความสว่างโบยบินแสดงให้เห็นว่า ... พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง!" ไม่มีความสว่างมาก่อนและพระองค์ตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง!" และความสว่างก็เกิดขึ้น นั่นเป็นเครื่องพิสูจน์ ความสว่างเป็นเครื่องพิสูจน์ของพระวาทะของพระองค์ สิ่งเดียวกันวันนี้คือ การพิสูจน์พระวาทะของพระองค์
ตอนนี้เมื่อพวกคุณเห็นพระวจนะของพระองค์กำลังถูกพิสูจน์ให้เห็นหรือคำอื่นๆ คือ ทำให้เป็นที่รู้จัก, ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความสว่างของพระวาทะของพระองค์และถ้าหากปราศจากความสว่างก็ไม่มีสิ่งใดสามารถมีชีวิตอยู่ได้ปราศจาก ความสว่างไม่มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกในวันนี้ นอกจากสิ่งที่ต้องมาด้วยแสงสว่างของดวงอาทิตย์, ในชีวิตพฤกษศาสตร์และอื่นๆ และไม่มีชีวิตนิรันดร์ภายนอกของพระบุตรของพระเจ้า ดูเถิดครับ พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง
ตอนนี้พวกเราพบว่า ผมเชื่อว่าในขณะที่พวกเราเรียนตอนนี้ ... และแสงสว่างนี้ ... แผ่นดินโลกก็ปราศจากรูปร่าง
ตอนนี้บางคนโต้เถียงวันนี้ในโรงเรียนของพวกเขาและอื่นๆ เกี่ยวกับโลกนี้หลายล้านปีและพยายามที่จะประณามพระคัมภีร์ไบเบิล และบอกว่ามันผิด พวกเขาไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลเลย นั่นแหล่ะครับ เพราะพระคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกให้พวกเรารู้ว่าโลกมีอายุเท่าใด พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า "ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน" เมื่อใด, อย่างไรนั้น ... พวกเราไม่ทราบครับ ตอนนี้นั่นเป็นสิ่งแรกและนั่นเป็นระยะเวลา นั่นเป็นส่วนปลายของประโยคนั้น
"ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน" มันอาจจะเป็นร้อยล้านหรือพันล้านหรืออะไรก็ตามที่มันเป็น และพระองค์ได้ทรงกระทำอย่างไรกับมัน นั่นขึ้นอยู่กับพระองค์ที่จะทรงทราบ (ดูเถิดครับ) ไม่ใช่กับผม แต่โลก ... แผ่นดินโลกไม่เคยมีรูปร่างและถือเป็นโมฆะ, และน้ำบนแผ่นดินโลก และพระเจ้าตรัสว่า ... อยู่เหนือน้ำและกล่าวว่า "จงเกิดความสว่าง!"
ตอนนี้ผมเชื่อว่าดวงอาทิตย์และอื่นๆ มีอยู่แล้วในการดำรงอยู่ ผมเชื่อว่าดวงจันทร์ขณะที่มันเป็นไปในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 3 ที่จะอธิบายมัน ... แต่ผมเชื่อว่าเป็นที่นี่ ... ที่โลก พวกเรากำลังจะใช้มัน และนอกจากนั้นขณะที่มันเคลื่อนเข้ามาใน มีหมอก, ไอน้ำปกคลุมอยู่ทั่วโลกทำให้มันมืด และพระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง!" และความมืดก็จางหายไปและมีท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆ
ผมเชื่อว่า นั่นเป็นวิธีการของพระเจ้าในการกระทำสิ่งทั้งหลาย ในพระคัมภีร์ไบเบิล ข้อถัดไปกล่าวว่า- ข้อ 4 กล่าวว่า "และพระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน" และพระวาทะของพระเจ้าทรงแยกความสว่างออกจากความมืดเสมอ ดูเถิดครับ มันเป็นพระวาทะะที่เป็นการแบ่งแยก (เห็นไหมครับ), ความสว่างจากความมืด
พระเจ้าเคยทรงกระทำสิ่งเดียวกัน เมื่อพระองค์ทรงพร้อมที่จะใช้อะไรเหมือนอย่างที่พระองค์ได้ทรงพร้อมที่จะใช้ดวงดาวดวงเดิมหรือสิ่งใดก็ตามที่มันเป็นในโลกนี้-พระองค์ทรงต้องแยกความสว่างออกจากความมืด เมื่อพระองค์ทรงพร้อมที่จะใช้กลุ่มคน พระองค์ทรงต้องแยกความสว่างออกจากความมืด ดูเถิดครับ
ความสว่างมาจากพระเจ้าและ ... จำได้ไหมครับว่า ความสว่างมาโดยพระวาทะของพระองค์ พระวาทะของพระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง!" เมื่อไม่มีความสว่างมาก่อน และพระองค์ได้ทรงส่งความสว่างมาเพื่อจะแยกความมืดออกจากความสว่าง
พระวาทะของพระบัญชานี้ทำให้ท้องฟ้ากระจ่างชัด ดังนั้นดวงอาทิตย์จึงส่องแสงเข้ามา และพระวจนะของพระองค์ในวันนี้คือ สิ่งที่ทำให้บรรยากาศทั้งหมดของความไม่เชื่อกระจ่างชัด
ผมได้เทศนาครับ ... ผมมี ผมคิดว่าการสัมภาษณ์สิบเอ็ดคุณก่อนที่ผมได้ไปที่ธรรมาสน์ในเช้าวันนี้ในที่นั่น เลวร้ายมากครับ...
วันก่อนเพื่อนเล็กๆ ของผม จิม พูล ลูกชายเล็กๆ ของเขาที่พวกเขาคิดว่าเขามีอาการโรคหัวใจวาย รีบพาเขาไปโรงพยาบาล มันเป็นอาการหืดหอบ ที่โยนให้เพื่อนเล็กๆ ... เขาไม่อาจ ... กระโดดหัวใจเล็กๆ ของเขากำลังกระโดดและการหายใจ เขาร้องและไม่เสียงดังและไม่สามารถหายใจได้และเพื่อนเล็กๆ ดูเหมือนว่าเขากำลังจะตาย เมื่อเขามาถึงที่นี่ ... และผมก็กำลังเตรียมที่จะไปโรงพยาบาล พวกเขานำเขามาที่นี่ และจับมือเล็กๆ ของเขาไว้ ผมบอกว่า "สิ่งที่ทำมัน โรคหัดได้ปะทะกับเด็ก และโรคหัด, ไข้ได้ปะทะกับเด็กน้อยผู้นี้ พวกคุณเฝ้าดูเขา... ในสองสามวัน ผมอยากจะเห็นเขาอีกครั้งหนึ่ง เขาจะเป็นโรคหัดเต็มไปหมด" และที่นี่เขาเต็มไปด้วยโรคหัด เห็นไหมครับคุณ?
ตอนนี้สิ่งที่ ... พระเจ้าทรงแยกความมืดออกจากความสว่าง ... หรือความสว่างออกจากความมืด และพระองค์ทรงแยกความตายออกจากชีวิต และพระองค์ทรงกระทำมันด้วยพระวาทะของพระองค์ พระวาทะของพระองค์คือ สิ่งที่จะทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมาเสมอ
ตอนนี้ความสว่าง ... ในเวลานี้เมล็ดพืชอยู่บนแผ่นดินโลกเรียบร้อยแล้วครับ ผมเชื่อว่าพระเจ้าได้ทรงปลูกเมล็ดพืชและเพียงตราบนานเคุณานที่ดวงอาทิตย์จะได้รับเมล็ดพืชนั้น มันก็เริ่มที่จะเติบโต และนั่นคือเหตุผลที่นำมาเพียงไม่กี่วันที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาเพราะเมล็ดพืชมีอยู่แล้วในแผ่นดินโลก แต่สิ่งที่มันต้องการคือ แสงสว่าง
และนั่นคือวิธีที่พระเจ้าทรงมีวันนี้ เมล็ดพืชของพระองค์ทรงอยู่แล้วที่นี่พระวจนะของพระองค์ สิ่งเดียวที่มันต้องการคือแสงสว่างบนมัน และพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างนั้น พระวจนะและแสงสว่างเป็นสิ่งเดียวกัน ชีวิตในที่นั่นเป็นแสงสว่างของพระวจนะ (เห็นไหมครับ) เป็นชีวิต เชื้อของชีวิตวางอยู่ภายในเมล็ดข้าวและเมล็ดข้าว ... ชีวิตคือสิ่งที่งอกออกมาและทำให้เกิดชีวิตขึ้นมาจากเมล็ดข้าว นั่นเป็นวิธีที่พระคริสต์ในพระวจนะทรงกระทำให้พระวจนะทำในสิ่งที่ควรจะกระทำ เช่นเดียวกับชีวิตในเมล็ดของข้าวสาลีหรือสิ่งใดก็ตามที่มันเป็น มันทำให้ข้าวสาลีทำสิ่งที่มันควรจะทำเพราะมันเป็นชีวิตที่อยู่ในนั้น
ชีวิตทั้งหมด ... ดังนั้นชีวิตเป็นโดยพระวจนะของพระเจ้าที่ได้รับการสำแดงเพียงเท่านั้นครับ ชีวิตเกิดขึ้นมาโดยพระวจนะของพระเจ้าที่ได้รับการสำแดงเพียงเท่านั้นครับ ตราบใดที่มันเป็นเพียงตัวหนังสือเช่นนี้มันก็ยังคงเป็นคำถาม แต่เมื่อมันได้รับการสำแดง จากนั้นคุณจะเห็นผลของสิ่งที่มันพูดถึงสิ่งที่ได้รับการสำแดง ดังนั้นนั่นคือ แสงสว่างในพระวจนะ, ดูเถิดครับ นั่นคือสิ่งที่นำ ... พระวจนะกล่าวเช่นนั้น และจากนั้นเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วนั่นคือ ชีวิตในความสว่าง แสงสว่างนำมาซึ่งชีวิต
แสงสว่างทำให้เกิดชีวิต ปลูกข้าวสาลีข้างนอกที่นี่ มันจะ ... วางมันในชั้นใต้ดิน, ปกคลุมมันให้ทั่ว และมันจะไม่มีอะไรงอกออกมาเลย เพราะมันไม่สามารถครับ ไม่มีแสงสว่าง แต่ทันทีที่แสงสว่างปะทะมันจากนั้นมันจะทำให้เกิดชีวิต ถ้าหากมันเป็นเมล็ดที่เน่าเปื่อยแล้ว นั่นเป็นสิ่งเดียวกันมันอยู่ในพระวจนะ ดูเถิดครับ พระวจนะเป็นพระเจ้า และเมื่อชีวิตปะทะมัน มันนำ ... แสงสว่างปะทะมัน มันนำพระวจนะมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ทุกยุคทุกสมัยเป็นมาอย่างนั้นเสมอมา
โอ้ พวกเราจะชื่นชมสิ่งยิ่งใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้อย่างไรครับ พระวจนะได้รับการพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นแสงสว่างของพระวาทะที่ทรงกล่าวออกไปได้อย่างไรครับ พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" ตอนนี้อะไรเล่าครับถ้าหากพระองค์เพียงได้ทรงกล่าว และไม่มีความสว่างเกิดขึ้นมา? จากนั้นพวกเราไม่รู้ว่ามันเป็นจริงหรือไม่ พวกเราไม่รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นจริง พวกเราไม่รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าหรือไม่ เพราะพระองค์เพียงตรัสว่า "จงเกิด ... " และไม่เกิด ดูเถิดครับ ดังนั้นแล้วเมื่อพระเจ้าตรัสและพวกเราเห็นว่ามันเป็น จากนั้นนั่นเป็นแสงสว่างที่ส่องออกมา ความจริงของพระวจนะ ดูเถิดครับ มีแสงสว่างและชีวิต
ชีวิตฝ่ายธรรมชาติทั้งหมดมาจากพระวาทะของพระองค์ และดวงอาทิตย์เป็นพระวาทะของพระองค์ พระองค์ตรัสว่าพระองค์ทรงสร้างความสว่างอันยิ่งใหญ่ในฟ้าสวรรค์สำหรับกลางวันและความสว่างที่น้อยกว่าในเวลากลางคืน ดูเถิดครับ และชีวิตธรรมชาติทั้งหมดต้องเกิดขึ้นมาด้วยพระวาทะของพระเจ้า ดอกไม้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้โดยปราศจากแสงสว่างของพระวจนะของพระเจ้าที่ส่องแสงอยู่บนมัน เพราะดวงอาทิตย์คือ s-u-n เป็นพระวาทะของพระเจ้าเมื่อพระองค์ตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง!" ดูเถิดครับ มันเป็นชีวิตที่พระเจ้าตรัส และไม่ว่าอย่างไรก็ตามที่ผู้คนพยายามที่จะพูดสิ่งนี้มากเพียงใด, สิ่งนั้น, หรือสิ่งอื่นๆ มันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือ คุณต้องมีดวงอาทิตย์นั้น ดังนั้นชีวิต, ธรรมชาติ สามารถเกิดขึ้นมาจากพระวาทะของพระเจ้าเท่านั้น
และชีวิตฝ่ายวิญญาณ, ชีวิตนิรันดร์ สามารถมาจากพระวาทะแห่งชีวิตของพระเจ้าเท่านั้น ชีวิตเป็น S-o-n พระบุตรในครั้งนี้ ในพระองค์ทรงเป็นความสว่าง และในพระองค์ไม่ทรงเป็นความมืด และพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างที่ได้ทรงกล่าวไว้ของพระเจ้า (ใช่ไหมครับ?) พระวาทะของพระเจ้า สำหรับ "ในปฐมกาลเป็นพระวาทะ และพระวาทะทรงดำรงอยู่กับพระเจ้าและพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า" และทรงเป็นพระเจ้าสืบๆ ไปเป็นนิตย์ ดูเถิดครับ และมันนำแสงสว่างของพระเจ้าที่จะปะทะกับพระวจนะที่จะทำให้มันมีชีวิต นี่เป็นสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้ ตอนนี้ขอให้แสงสว่างส่องสว่างเถิด อาเมน! ขอให้แสงสว่างส่องสว่างเถิด และแสงสว่างจะนำทุกถ้อยคำไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องของมันในฤดูกาลของมัน อาเมน!
ไม่ครับ! ดูเถิดครับท่าน เมื่อมันมาถึงเวลาบางครั้งเมล็ดข้าวที่วางในดินอยู่เฉยๆ ทั้งหมดผ่านฤดูหนาว เช่นเมล็ดพืช, ข้าวสาลีฤดูหนาวที่ถูกหว่านในพื้นดิน แต่เมื่อดวงอาทิตย์ที่เพิ่งส่งแสงไป โอ้ มันก็มีจะมีชีวิต ดูเถิดครับ และมันไม่อาจจะดำรงอยู่ได้โดยปราศจากดวงอาทิตย์ และพระเจ้าได้ทรงทำพระสัญญาสำหรับทุกยุคทุกสมัยและทุกวัน และเมื่อแสงสว่างมาถึงและส่องสว่างสิ่งนั้น มันจะผลิตเพียงสิ่งที่พระวจนะตรัสไว้ เพราะพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างและชีวิต
พระวจนะของพระเจ้ามาจากพระคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น พระคัมภีร์ไบเบิลของพระเจ้าได้ถูกเขียนขึ้นมาจากพระบุตรของพระเจ้า เพราะพระคัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามันเป็นการเปิดเผยสำแดงของพระเยซูคริสต์ มันเป็นการปรากฏของพระเจ้าพระองค์เองผ่านทางพระคริสต์และพระคริสต์ทรงเป็นพระวจนะ และมันใช้แสงสว่างของพระเจ้าที่จะส่องสว่างบนพระวจนะที่จะพิสูจน์ให้เห็น ที่จะพิสูจน์ว่าพระเจ้ายังคงทรงกล่าวถึงชีวิต-ชีวิตนิรันดร์ พระองค์ตรัส ... แสงสว่างธรรมชาติทำให้เกิดชีวิต ชีวิตเกิดขึ้นมาโดยแสงสว่าง พระวาทะทรงได้รับการสำแดง-หรือได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ... เมื่อพระสัญญาทั้งหมดกลายเป็น-ในพระคัมภีร์ไบเบิลกลายเป็นที่ประจักษ์คือ เมื่อพระเยซูคริสต์พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ท่ามกลางพวกเรา พระเจ้าทรงกระทำการผ่านมนุษย์ มนุษย์เป็นเรื่องของพระเจ้า
ตอนนี้ถ้าหากจะได้รับความอบอุ่นบ้างในที่นี่สำหรับพวกคุณ พวกคุณสามารถดึงหน้าต่างลงหรือสิ่งใดก็ตามที่พวกคุณต้องการที่จะทำ หรี่เตาลง ภารโรงอาจจะหรี่เตาลงเล็กน้อยครับ ผมเห็นหลายคนอบอุ่นและก็ยืนอยู่ที่นี่อย่างอบอุ่นด้วย ดังนั้นจำครับว่า ... ผมดีใจที่มันอบอุ่นแทนที่จะหนาวเย็น เพราะว่าผมชอบอบอุ่น ความอบอุ่นนำความสว่าง-ชีวิตมาเสมอ ใช้แสงสว่าง ...
ให้สังเกตครับ! ตอนนี้ทรงเป็นมนุษย์ เมื่อพระวาทะทรงกลายเป็นมนุษย์ จะกลายเป็นที่ประจักษ์ เหมือนใช้พระวจนะและวางไว้ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ชนิดของดินที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิด ... เมล็ดพืชจะงอกชนิดของมันออกมา และพระวจนะนำชนิดที่ถูกต้องของจิตใจเข้ามาก็จะสำแดงตนเอง มันจะนำไปสู่ความสว่าง มันจะพุ่งออกมากับมัน ใช่ครับ
ไม่มีสิ่งใดที่เป็นฝ่ายธรรมชาติหรือฝ่ายวิญญาณสามารถดำรงอยู่ได้โดยปราศจากแสงสว่างของพระเจ้า ชีวิตสามารถเกิดขึ้นมาได้โดยแสงสว่างเท่านั้นครับ มีสิ่งใดที่เป็นฝ่ายธรรมชาติหรือไม่มีสิ่งใดที่เป็นฝ่ายวิญญาณสามารถดำรงอยู่ได้โดยปราศจากแสงสว่างของพระเจ้า คิดถึงสิ่งนั้น ใช่ครับ แต่เมื่อพระองค์ทรงส่งแสงสว่างมาให้พวกเรา (เห็นไหมครับ) และกระทำสิ่งเหล่านี้และจากนั้นพวกเราปฏิเสธมัน ... ตอนนี้นั่นเป็นส่วนที่น่าสงสารคือเมื่อแสงสว่างถูกปฏิเสธเมื่อมันถูกส่งมาให้พวกเรา
ตอนนี้พวกคุณบางคุณสามารถจินตนาการในวันนี้กล่าวว่า "ผมเพิ่งปฏิเสธที่จะบอกว่ามีสิ่งดังกล่าวที่เป็นดั่งดวงอาทิตย์ ผมไม่เชื่อว่ามีดวงอาทิตย์ "และเขาวิ่งลงไปในชั้นใต้ดิน และปิดประตูทุกบาน และกลับมานั่งอยู่ในความมืด และกล่าวว่า "ไม่มีสิ่งดังกล่าวที่เป็นดวงอาทิตย์ ไม่มีสิ่งดังกล่าวที่เป็นแสงสว่าง" คุณจะทราบทันทีว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติกับจิตใจของคนๆ นั้น มีบางอย่างผิดปกติเมื่อเขาวิ่งกลับเข้ามาในห้องใต้ดินที่มืดและปฏิเสธที่จะยอมรับประโยชน์ของแสงสว่างที่พระเจ้าได้ประทานให้ มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติกับเขา เขาไม่ต้องการแสงสว่างอันอบอุ่น เขาไม่ต้องการสุขภาพของมัน-สสารที่ให้ เขาไม่ต้องการที่จะเดินในความสว่าง; เขาอยากจะนั่งอยู่ในความมืด มันแสดงให้เห็นจิตใจบางอย่างผิดปกติธรรมชาติกับคนๆ นั้น
และผมพูดสิ่งนี้ด้วยความรักและความนับถือทั้งหมด ดังนั้นจะมีบางสิ่งบางอย่างฝ่ายวิญญาณที่ผิดปกติกับคนที่จะวิ่งกลับเข้าไปในคณะนิกายของความเชื่อของเขาและปฏิเสธที่จะเห็นพระคัมภีร์ไบเบิลส่องสว่างเมื่อมันกำลังฉายแสงต่อหน้าเขา มีบางอย่างผิดปกติกับเขาครับ! เขาก็กลับเข้ามาในลัทธิและรูปแบบของเขาและปิดประตูและพูดว่า "ไม่มีสิ่งดังกล่าวนั้นที่เป็นการเยียวยารักษาโรคอย่างอัศจรรย์ ไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย นั่นเป็นสำหรับอัครสาวก" คนๆ นั้นเป็นบ้าฝ่ายวิญญาณ ดูเถิดครับ มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติกับเขา เขาดึงผ้าม่านลงและปฏิเสธพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงสามารถเสด็จมาถึงเขาได้ ถ้าหากพระองค์ทรงสามารถ ... "ถ้าพวกคุณติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับคุณแล้ว [การส่องสว่างของแสงสว่างแห่งพระวจนะนี้] คุณจะขอสิ่งใดที่คุณปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น ดูเถิดครับ เห็นไหมครับ?
มีบางอย่างผิดปกติว่า เขาจะปฏิเสธแหล่งที่พระเจ้าประทานที่พระเจ้าได้ให้กับพวกเราที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยพระวจนะของพระองค์ "ผู้ชอบธรรมจะดำรงอยู่ด้วยความเชื่อ และมนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดำรงชีวิตด้วย พระวจนะทุกคำ [ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของพระวจนะ] พระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า" และเมื่อชายคนหนึ่งเพิ่งจะปฏิเสธว่า มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติกับคนนั้น บางสิ่งบางอย่างผิดปกติกับประสบการณ์ของเขาที่เขาอ้างว่ารักพระเจ้าและจากนั้นปฏิเสธพระเจ้า มีบางสิ่งบางอย่างที่เคยผิดปกติกับคนนั้น พวกเรารู้ว่าปราศจากเงาของความสงสัย เขาปฏิเสธมัน วิ่งเข้าไปในสถานที่แห่งนี้และกล่าวว่า "ตอนนี้ผมเพียงแค่ ... ผมไม่ต้องการที่จะรู้อะไรเกี่ยวกับมัน อย่าบอกผมไม่มีอะไรเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ผมไม่เชื่อว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับมัน ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่พวกคุณพูด ..."
คนๆ หนึ่งบอกว่าไม่นานมานี้-ผมได้บอกพวกคุณเกี่ยวกับ-เขากล่าวว่า "ผมไม่สนใจว่าถ้าหากพวกคุณอาจจะนำผู้ป่วยโรคมะเร็งห้าสิบคนและนำแพทย์ห้าสิบคนมาเป็นพยานของพวกเขา ผมไม่เชื่อครับ ผมไม่สนใจถ้าหากพวกคุณอาจจะทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ต่อหน้าผม ผมไม่เชื่อครับ" ดูเถิดครับ มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติกับบุคคลคนนั้น และยังกับคนที่เป็นพันธกร (ดูเถิดครับ) –น่าจะเป็นพันธกร แต่เพียงเพราะองค์กรนั้นที่ไม่เชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า, ไม่เชื่อว่าพระวจนะมีความหมายว่าอะไรตามที่บอก คนนั้นวิ่งเข้าไปในห้องใต้ดินนี้, เก่าอับ, สกปรก, ชั้นใต้ดินที่โสโครกขององค์กรและปฏิเสธความอบอุ่นและแสงที่ให้ชีวิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์, พระเยซูคริสต์ ซึ่งทรงเป็นเหมือนเดิมเช่นเดียวกับเมื่อวานนี้, วันนี้และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ จากนั้นก็มีสิ่งผิดปกติกับคนๆ นั้น ดูเถิดครับ เขาอยากจะอาศัยอยู่ในที่ๆ มีกลิ่นอับ, มืด, และอื่นๆ มากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างของพระเจ้าและของพระคัมภีร์ไบเบิลที่กล่าวว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นเหมือนเดิมเช่นเมื่อวานนี้, วันนี้, และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ "การงานที่เราทำนั้นพวกท่านจะทำการงานนั้นด้วย และพวกท่านจะทำการงานที่มากกว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปหาพระบิดาของเรา" มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติกับคนๆ นั้น ไม่มีคำถามใดๆ เลย มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ
และสำหรับพวกคุณผู้ที่กำลังฟังอยู่ทั่วโลกนี้ครับ ไม่ว่าพวกคุณอาจจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม มีอะไรบางสิ่งบางอย่างผิดปกติกับประสบการณ์ของพวกคุณเมื่อพวกคุณบอกว่าพวกคุณรักพระเจ้าและปฏิเสธพระวจนะของพระองค์ มีบางสิ่งบางอย่าง ... พวกคุณปฏิเสธ ... ไม่น่าแปลกใจสิ่งทั้งหลายไม่สามารถ ... คริสตจักรที่อยู่ในสภาพของมันและสิ่งทั้งหลายที่ไม่สามารถทำได้ตามที่พระเจ้าทรงสัญญา เป็นเพราะพวกคุณจะไม่ได้แม้แต่รับพระวจนะหรือเดินในความสว่าง พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า "แต่ถ้าเราเดินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น" บาปคือ ความไม่เชื่อ
จากนั้นถ้าหากพวกเรากำลังเดิน ณ เวลา ที่มีแสงสว่างที่พระเจ้าประทาน จากนั้นพระเจ้าทรงใช้พระวจนะนั้นที่ได้ประทานสำหรับ ณ เวลานั้น และทรงพิสูจน์ให้เห็นเหมือนที่พระองค์ได้ทรงกระทำในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 1 ข้อ 3 พระองค์ตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง!" และความสว่างก็เกิดขึ้น พระวาทะของพระองค์ได้ทรงกล่าวออกไปแล้ว และแสงสว่างตามมาและมันล้างหมอกออกไป และความมืดก็ไปอยู่ที่มุมหนึ่ง และแสงสว่างส่องสว่างในด้านอื่นๆ
นั่นคือวิธีที่พระเจ้าทรงกระทำในวันนี้ พระองค์ทรงส่งพระวจนะของพระองค์มา ณ เวลานี้ และพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาและทรงกระทำให้พระวจนะมีชีวิต และความมืดไปสู่ลัทธิและคณะนิกายของพวกเขา แต่แสงสว่างส่องสว่าง เพราะมันเป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นว่าพระวจนะของพระองค์เป็นความจริง ตอนนี้ไม่มีอะไรที่โกหกเกี่ยวกับสิ่งนั้นที่เป็นเพียงเกี่ยวกับข้อพระคัมภีร์ ใช่ครับ
ตอนนี้พวกเราพบว่า คนมีปัญญา คนมีปัญญาในพันธสัญญาเดิมที่ติดตามสาระที่พระเจ้าประทานให้ พวกเขาติดตามพระวจนะของพระเจ้าในความสว่าง เพราะมันเป็นพระวจนะที่นำมาซึ่งชีวิต
ตอนนี้พวกคุณจะพูดว่า "พวกเขาติดตามได้อย่างไร?" ดีล่ะครับ พวกเขาเป็นชนิดของนักเวทย์มนต์อาคมที่พวกเราเข้าใจครับ และจากนั้นพวกเราพบว่า บาลาอัมผู้เผยพระวจนะย้อนกลับไปในพระธรรมกันดารวิถี บทที่ 24 ข้อ 17 บาลาอัมเป็นชนิดของนักเวทย์มนต์อาคมของตนเอง จริงๆ แล้วเขาเป็นผู้เผยพระวจนะ และเขาได้เผยพระวจนะที่นี่และบอกว่า ดาวดวงหนึ่งจะออกมาจากยาโคบ และเมื่อคนมีปัญญาเหล่านี้เห็นว่าพระวจนะของพระเจ้ากล่าวว่า ดาวดวงหนึ่งจะออกมาจากยาโคบ พวกเขาได้ติดตามสิ่งที่เล็กน้อยนั้น เครื่องหมายสำคัญที่พระเจ้าประทานให้สำหรับแหล่งที่มาของแสงสว่างนิรันดร์ ดังนั้นคนมีปัญญาในวันนี้ที่ไม่ได้ตาบอดด้วยลัทธิทั้งหลายจะติดตามพระวจนะที่พระเจ้าประทานให้จนกว่าพวกเขาจะได้เห็นความไพบูลย์ของฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่เฟื่องฟูขึ้นมา ณ เวลานี้ ดูเถิดครับ พวกเขาเห็นมัน และพวกเขารู้ว่ามันอยู่ที่นี่ในข้อพระคัมภีร์ พระเจ้าทรงสัญญามันสำหรับในยุคนี้
ไม่ว่าการสังเกตการณ์กี่ครั้งก็ตาม สิ่งอื่นๆ กี่อย่างที่ได้บอกพวกคนมีปัญญา "ทำไมพวกท่านเสียสติ!" สองปีที่พวกเขาอยู่ในการเดินทาง พวกเขาเดินทางผ่านไปหลายประเทศและพวกเขากล่าวว่า "พวกท่านจะไปไหน?"
"โอ้ พวกเราได้เห็นดวงดาวของเขาในทางทิศตะวันออกและพวกเรามาเพื่อนมัสการพระองค์" และเมื่อพวกเขาเรียงรายขึ้นมาในกรุงเยรูซาเล็มสำนักงานใหญ่ของคณะนิกายทั้งหลาย พวกเขาไม่ได้มีคำตอบ พวกเขาเดินขึ้นและลงไปที่ถนนร้องไห้ "พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน?" พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพระองค์ ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกร้องพระวจนะเพื่อค้นหา พวกเขาได้ติดตามรู้ว่า ดวงดาวนั้นกำลังนำพวกเขาไปสู่แสงสว่างนิรันดร์ "นำพวกเราไปสู่ความสว่างที่ไพบูลย์ของพระองค์" และพระวจนะคือสิ่งที่จะนำพวกท่านไปสู่ความสว่าง และแสงสว่างเป็นสิ่งที่ทำให้พระวจนะได้รับการพิสูจน์ให้เห็น อาเมน!
สังเกตไหมครับว่า พวกเขาเป็นคนมีปัญญาและคนมีปัญญาในวันนี้ไม่ฉลาด ... ภูมิปัญญาของโลกนี้เป็นความโง่เขลาสำหรับพระเจ้า นักวิทยาศาสตร์ทั้งหมดของพวกคุณและพวกคุณผู้ที่ขึ้นอยู่กับทุนการศึกษาที่ดีหรือบางสิ่งบางอย่างอื่นๆ ที่กำลังบอกพวกคุณถึงวิธีการแยกอะตอม มันไม่สามารถให้ชีวิตแก่พวกคุณได้ ไม่มีอะไรที่สามารถให้ชีวิตแก่พวกคุณได้ นอกจากพระเจ้า มันเป็นวิธีเดียวที่ชีวิตเกิดขึ้นมาได้คือ ผ่านทางพระวจนะของพระองค์
นั่นดีครับที่จะรู้วิธีการแยกอะตอม ผมหวังว่าพวกเขาไม่เคยพบมัน แต่พวกเขาจะต้องพบมันเพราะโลกนี้กำลังอยู่วันนี้ ... มันก็จะเกิดขึ้นที่จะระเบิดหลุมขนาดใหญ่เหล่านี้ในโลกที่จะปล่อยให้ลาวาออกมาและฟื้นฟูโลกนี้อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้แผ่นดินโลกใหม่ที่ที่ผู้ชอบธรรมจะเดินออกไปเมื่อผงคลีของคนชั่วที่มีบาปจะถูกลืม ทุกอย่างมีวิธีการฟื้นตนเอง และคนที่ได้รับจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้โดยภูมิปัญญาของตนเอง-การใช้ต้นไม้แห่งความรู้แทนต้นไม้แห่งชีวิต-เขาจะทำลายโลกที่พระเจ้าให้เขาอาศัยอยู่ แต่บรรดาผู้ที่ยังคงอยู่บนต้นไม้แห่งชีวิตจะมาถึงฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บหรือเสียชีวิต แสงสว่าง, แสงสว่าง! พระเจ้า ทรงส่งความสว่างให้พวกเรา
มันเป็นเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าที่แสดงให้เห็นแสงสว่างบนเนินเขาเพื่อนำทางบรรดาผู้เลี้ยงแกะสำหรับแสงสว่างนิรันดร์ ดูเถิดครับ เพียงมาโดยแสงสว่างเท่านั้น ชีวิตเกิดขึ้นมาด้วยแสงสว่างเท่านั้น พวกผู้เลี้ยงแกะต้องการที่จะรู้ว่า ... พวกคุณจะทราบว่า เมื่อกษัตริย์ประสูติ พวกเขามีการร้องเพลงอย่างยิ่งใหญ่ต่อไปเมื่อกษัตริย์ประสูติ ตอนนี้พระองค์ประสูติอย่างลับๆ และได้ประสูติในคอกสัตว์ในรางหญ้าที่เป็นสถานที่ที่เลี้ยงวัวควายและม้า แต่พระองค์ยังคงทรงเป็นกษัตริย์ และเหล่าทูตสวรรค์ลงมาและร้องเพลงสรรเสริญแก่พวกผู้เลี้ยงแกะในความสว่างนั้น เหล่าทูตสวรรค์เองก็เป็นแสงสว่างที่ได้แสดงพร้อมกับพระวจนะของพระเจ้า ... พวกเขามีพระวจนะของพระเจ้าและบอกพวกเขาว่า "วันนี้ในเมืองของดาวิดในเมืองเบธเลเฮม พระคริสต์ได้ทรงบังเกิดเป็นพระผู้ช่วยให้รอด" เหล่าทูตสวรรค์มีพระวจนะและพระวจนะมาโดยแสงสว่างเพื่อนำทาง และพวกเขาติดตามพระวจนะของเหล่าทูตสวรรค์เพื่อความสว่างนิรันดร์ พวกเขาพบทารกที่มีผ้าห่อตัวขณะที่พวกเขาได้บอกกล่าว เพื่อพวกคุณเห็นว่า ชีวิตเกิดขึ้นมาได้โดยแสงสว่างเท่านั้น
สังเกตไหมครับว่า พระองค์ทรงเป็นพระวจนะที่ทำให้เกิดความสว่าง หรือกลายเป็นความสว่าง พระวจนะ ... ในคนรุ่นนั้นพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างพระวจนะของคนรุ่นนั้น เพราะบรรดาผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิมได้พูดถึงพระองค์และที่นี่พระองค์เสด็จมาและทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างของพระวจนะของพระเจ้า ดูเถิดครับ บรรดาผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ได้กระทำให้สำเร็จในพระองค์ ดูเถิดครับ บรรดาผู้เผยพระวจนะกลับมาที่นี่กับพระวจนะ-เหมือนพระเจ้าทรงเป็นเมื่อปฐมกาล เมื่อพระองค์ตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง!" และความสว่างก็เกิดขึ้น-ตอนนี้ผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า หญิงพรมจารีจะตั้งครรภ์ให้กำเนิดพระบุตร พวกเขาจะเรียกพระนามของพระองค์ว่า อิมมานูเอล เพราะจะเป็นพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพวกเรา" ตอนนี้พวกเขาได้กล่าวไว้ พระวจนะได้ออกไปแต่พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง พระองค์ทรงเป็นผู้ใดเล่าครับ? ผู้ที่กระทำให้สำเร็จ สรรเสริญพระเจ้า! พระองค์ทรงเป็นผู้ที่กระทำให้พระวจนะของพระเจ้าสำเร็จ พระองค์ทรงเป็นการสำแดงของพระวจนะนั้น
ดังนั้นจึงเป็นวันนี้ พระวจนะของพระเจ้าได้ถูกกระทำให้สำเร็จ ณ เวลานั้น นั่นเป็นแสงสว่าง พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์เอง พระองค์ทรงเป็นความสว่างของโลก
และเมื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะได้รับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์กล่าวว่า "ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายผู้หนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน และเขาจะขนานนามของคุณว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช" จึงเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงเป็น? แสงสว่างที่กระทำให้พระวจนะนั้นสำเร็จ (อาเมน!) แสงสว่างที่กระทำให้พระวจนะนั้นสำเร็จ
ในมัทธิว ... ในพระธรรมมัทธิวบทที่ 28 พวกเราพบว่า เมื่อพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาจากการสิ้นพระชนม์ พระองค์ยังคงทรงเป็นแสงสว่างของถ้อยคำของดาวิดซึ่งกล่าวว่า "เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนคนตาย หรือให้ผู้จงรักภักดีของพระองค์ต้องเห็นหลุมมรณะนั้น" ความตายอยู่ในความมืด แต่พระองค์ได้ทรงหักเปิดผนึกของความตายและได้ทรงเดินเข้าไปในนั้นและทรงกลับออกมาอีกครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง พระวจนะที่ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกคนที่ตายแล้วสามารถมีชีวิตอยู่หลังจากที่พวกเขาตายแล้วได้ พระองค์ทรงเป็น!
ในยุคของเพนเทคอสต์ที่เป็นแสงสว่างซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เสด็จมา อิสยาห์กล่าวในบทที่ 28 ของพระธรรมอิสยาห์ อิสยาห์กล่าวว่า "คำสั่งสอนต้องตั้งอยู่บนคำสั่งสอน แถวต้องตั้งอยู่บนแถว ที่นี่มีสิ่งเล็กน้อยคือ จงยึดถือสิ่งที่ดี โดยริมฝีปากของคนต่างภาษา และด้วยลิ้นของคนต่างด้าว พระองค์จะตรัสกับชนชาตินี้ คือกับพวกที่พระองค์ตรัสว่า “นี่คือการหยุดพัก-และนี่คือสะบาโต การพักผ่อนที่เราให้แก่ท่านทั้งหลาย" ในทั้งหมดนี้พวกเขาจะไม่ฟัง, เดินออกไปและส่ายศีรษะของพวกเขา และเมื่อในยุคของเพนเทคอสต์ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมายังผู้คนเหล่านั้นและพวกเขาชายและหญิงก็มีอาการเหมือนพวกคนเมาตุปัดตุเป๋ภายใต้ผลกระทบของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้เดินออกไปและส่ายศีรษะของพวกเขาและกล่าวว่า "พวกคนเหล่านี้เมาเหล้าที่เต็มไปด้วยเหล้าองุ่นใหม่" และอื่นๆ มันเป็นแสงสว่างอย่างแน่นอนครับ พระวจนะที่ได้พยากรณ์ไว้ได้รับการสำแดงแล้ว
ดังนั้นมันมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย พระวจนะที่ได้รับการสำแดงเกิดชีวิตขึ้นมาคือ แสงสว่างของยุคนั้น-พระวจนะที่ได้รับการสำแดงเช่นเดียวกับที่มันเป็นในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 1 เมื่อพระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" และความสว่างก็เกิดขึ้น เมื่อพระเจ้าตรัสว่า จงเกิดพระบุตรผู้หนึ่ง และพระบุตรผู้หนึ่งก็ทรงบังเกิด
เมื่อพระเจ้าตรัสในพระธรรมโยเอล บทที่ 2 ข้อ 28 "ต่อมาภายหลังจะเป็นอย่างนี้ คือเราจะเทวิญญาณของเรามาเหนือมนุษย์ทุกคน ลูกชายลูกสาวของท่านทั้งหลายจะเผยพระวจนะ เราจะเทวิญญาณของเรา มาเหนือแม้กระทั่งผู้รับใช้ชายหญิง คนหนุ่มของพวกเจ้าจะเห็นนิมิต คนชราของท่านทั้งหลายจะฝัน!” และทุกสิ่งเหล่านี้ที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาเป็นแสงสว่างมายังพระวจนะนั้น เมื่อพระวจนะได้รับการสำแดงแล้วมันจะกลายเป็นแสงสว่าง พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างที่พวกเราต้องติดตาม พระองค์เพียงเท่านั้นที่ทรงเป็นแสงสว่าง เหล่าทูตสวรรค์พบแสงสว่างและติดตามมาถึงพระองค์
ตอนนี้ในทุกยุคทุกสมัยพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้มากมายสำหรับพระวจนะของพระองค์เพื่อแต่ละยุค พระเจ้าทรงส่งใครบางคนที่สามารถนำพระวจนะเข้าไปและแสดงความสว่างของมัน ในทุกยุคทุกสมัยมันจะเป็นสิ่งเดียวกันเสมอ
เขาก็ปฏิบัติตามที่เรากล่าวถึงฤทธิ์อำนาจศักดิ์สิทธิ์ของบรรดาผู้เผยพระวจนะ พวกเขาเป็นพระเล็กๆ เมื่อพระวจนะของพระเจ้ามาถึงชายผู้หนึ่ง พระเยซูตรัสว่าพระองค์เองทรงเป็นพระ พวกคุณทราบเรื่องนั้นครับ พระองค์ตรัสว่า "ถ้าพระบัญญัติของท่านมีคำเขียนไว้ และบรรพบุรุษของท่านย้อนกลับไปที่นั่น ได้เรียกพวกเขาที่พระวจนะของพระเจ้าได้มาถึง-ได้เรียกพวกเขาว่าเป็นพระ พวกท่านจะกล่าวหาผู้ที่พระบิดาทรงตั้งไว้เป็นพิเศษและทรงใช้เข้ามาในโลกว่า ‘ท่านกล่าวคำหมิ่นประมาทพระเจ้า’ เพราะเรากล่าวว่า ‘เราเป็นบุตรของพระเจ้า’ อย่างนั้นหรือ?” เห็นไหมครับ? เมื่อพระเจ้าพระองค์เองแท้ๆ ผู้ตรัสพระวจนะผ่านบรรดาผู้เผยพระวจนะ พระองค์ทรงเป็นการสำแดงของพระวจนะนั้น และถ้าผู้เผยพระวจนะถูกเรียกว่าพระ เพราะพระองค์ทรงเป็นการสำแดงของถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะท่านอื่น พวกท่านสามารถกล่าวโทษพระองค์เมื่อพระองค์ทรงเป็นสิ่งเดียวกันได้อย่างไรเล่า? พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์จะต้องทรงถูกเรียกว่า พระบุตรของพระเจ้า
พระองค์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์แห่งพระสัญญาอันยาวนานที่โลกได้รอคอยอยู่ พระองค์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์แห่งพระสัญญาที่ทรงได้รับการสำแดง
มองดูที่พระองค์เมื่อพระองค์ทรงยืนอยู่ที่นั่นครับ พระองค์ตรัสว่า "ถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติพระราชกิจของพระบิดาของเราก็อย่าวางใจเราเลย (เห็นไหมครับ?) แม้ว่าท่านไม่วางใจในเรา ก็จงวางใจในพระราชกิจเหล่านั้นเถิด พวกมันเป็นพยานว่าเราเป็นผู้ใด พวกมันบอกพวกท่านว่าเราเป็นผู้ใด” พวกคุณจะเห็นว่า ในเวลาที่มืดมิดคนตาบอดพวกเขาอาศัยอยู่พวกเขาไม่สามารถเห็นมันได้ พวกเขาไม่สามารถเข้าใจว่า พระองค์ทรงเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรว่า “พระองค์จะทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าได้อย่างไร เมื่อเขาเกิดที่นี่ในเมืองเบธเลเฮม?” ถ้าหากพวกเขารู้เท่านั้น ได้รู้พระวจนะที่กล่าวไว้ว่าพระองค์จะเสด็จมาโดยวิธีนั้น
“เหตุใดบิดาของพระองค์, โยเซฟเป็นช่างไม้ มารดาของพระองค์
เหตุใดพี่น้องทั้งหลายของพวกเราจึงเชื่อจริงๆ ว่าพระองค์ทรงบังเกิดอย่างไม่ถูกต้อง" ดูเถิดครับ แต่พระวจนะของพระเจ้ากล่าวไว้เช่นนั้น
พระองค์ตรัสว่า "ค้นดูในพระคัมภีร์เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา พวกมันนั้นเองเป็นพยานให้กับเรา" ข้อพระคัมภีร์นี้ จากนั้นพระองค์ทรงเป็นผู้ใดเล่าครับ? แสงสว่างของพระเจ้า ไม่น่าแปลกใจที่พระองค์ตรัสว่า "เราเป็นความสว่างของโลก"
ไม่เพียงเท่านั้นพระองค์ตรัสว่า "เราเป็นความสว่าง" แต่พระองค์ตรัสว่า "ท่านทั้งหลายเป็นความสว่าง" ถ้าพระวจนะของพระองค์อยู่ในพวกคุณที่ดำรงอยู่ในบันทึกของตนเองแล้วพวกคุณเป็นความสว่างของโลก
สังเกตไหมครับว่า พวกเราพบแสงสว่างของแต่ละยุคที่ที่ได้รับการสำแดงเป็นเหมือนกัน จากนั้นผมก็อยากจะถามคำถามเป็น ... ก่อนที่เวลาของพวกเราจะหมดลง เหตุใดพวกเขาจึง ... พวกเขาปฏิเสธมันหรือ? พวกเขาสามารถทำมันได้อย่างไรเมื่อพระคัมภีร์ไบเบิลแท้ๆ ของพวกเขาที่พวกเขาอ่านอยู่ได้รับการสำแดงต่อหน้าพวกเขา คราวนี้ศึกษาอย่างจริงจังในเวลานี้
ตอนนี้จำไว้ครับว่า ผมกำลังพูดกับคนทั้งหลายจำนวนมากในเวลานี้ (พวกคุณเห็นไหมครับ?) ไม่ได้เป็นเพียงสี่หรือห้าร้อยคนที่นี่ แต่ผมพูดต่อคนหลายพันคนครับ
หยุดแค่เพียงหนึ่งนาทีครับ หยุดเทปบันทึกเสียงของพวกคุณและถามคำถาม: ทำไมคนเคร่งศาสนา, คนดี ... ทำไมโยเซฟมีคำถาม? เห็นไหมครับ? ทำไมจะ...? เพราะเขาไม่เคยค้นดูข้อพระคัมภีร์ ทำไมปุโรหิตจึงถามเล่าครับ? เหตุผลหนึ่งที่พวกเขาไม่ได้ พวกเขารู้มัน นิโคเดมัสได้แสดงมันเป็นอย่างดี เขากล่าวว่า "คุณอาจารย์ เราทราบว่าคุณเป็นครูที่มาจากพระเจ้า เพราะไม่มีใครทำหมายสำคัญที่คุณทำนั้นได้ นอกจากพระเจ้าสถิตกับเขา" แต่สิ่งใดที่มันเป็น? ประเพณีของพวกเขาเก็บพวกเขาไว้จากการกระทำมัน
แล้วทำไมพวกเขาจึงไม่ ... พวกเขาได้ปฏิเสธพระเจ้าหรือ? เหตุใดพวกเขาจึงปฏิเสธแสงสว่าง? นี่เป็นพระวจนะที่พวกเขารู้จักกำลังจะผ่านไป แต่เมื่อพระวจนะได้รับการสำแดงให้เห็นว่าพระวจนะของพระเจ้าได้ถูกกระทำให้สำเร็จ ... เปรียบเทียบกับวันนี้ ดูเถิดครับ เมื่อมีการเขียนไว้ในพระวจนะว่าจะเกิดขึ้น ... แล้วเหตุใดผู้คนเหล่านั้นจึงปฏิเสธมันเล่าครับ อาจารย์? เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในแสงจ้าของอีกแสงหนึ่ง นั่นแหล่ะครับ พวกเขาอาศัยอยู่ในแสงจ้า นั่นคือสิ่งที่พวกเขากำลังกระทำในวันนี้ พวกเขากำลังอาศัยอยู่ ... เหตุผลที่พวกเขาปฏิเสธมันเพราะพวกเขากำลังอาศัยอยู่ในแสงจ้าของแสงในยุคอื่น ดูเถิดครับ ตอนนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในแสงจ้าของสิ่งที่โมเสสกล่าวว่าพวกเขาได้กล่าวอ้าง พวกเขาอาศัยอยู่ในแสงจ้าของอีกยุคหนึ่งที่ผ่านมา และนั่นคือเหตุผลจริงๆ ในวันนี้ที่คำเทศนานี้กล่าวว่า พระเยซูคริสต์ยังคงทรงเป็นเช่นเดียวกับที่มีการปฏิเสธเพราะผู้คนที่อาศัยอยู่ในแสงจ้าทั้งหลายของยุคอื่นๆ ด้วยเหตุผลเดียวกันที่พวกเขาปฏิเสธ
ตอนนี้พวกเราสังเกตไหมครับ และเว็บสเตอร์กล่าวว่า แสงจ้าเป็นชนิดของแสงที่ไม่จริง แสงจ้าเป็นแสงที่ไม่จริงเป็นสิ่งเดียวกับแสงจ้าทั้งหลาย เช่นเดียวกับภาพลวงตาบนท้องถนนที่พวกคุณจะลงไปที่ถนน คนหลายคนขับรถและมองลงไปข้างหน้าของพวกคุณเมื่อพวกคุณเห็นดวงอาทิตย์นั้นอยู่บนพื้นดินมันสะท้อนแสงและเหมือนภาพลวงตา-ดูเหมือนว่ามีน้ำทั่วถนน แต่เมื่อพวกคุณไปถึงที่นั่นก็ไม่มีอะไรที่นั่น มันเป็นเพียงภาพลวงตาเทียมเท็จ แสงจ้าของแสงสว่างที่แท้จริง นั่นเป็นสิ่งที่มารร้ายกำลังกระทำอยู่ในยุคนี้คือ การแสดงให้คนเห็นภาพลวงตา, สภาของคริสตจักรทั้งหลาย, กลุ่มของคณะนิกายซึ่งจะเปิดออกเพื่อเป็นเท็จ เพราะมันเป็นเพราะมีแสงสว่างแท้กำลังส่องแสงอยู่ ถ้าว่าแสงสว่างแท้นั้นไม่ได้ส่องอยู่ ภาพลวงตาก็จะไม่อยู่ที่นั่น แสงสว่างแท้ส่องสว่าง และพวกเขากำลังอาศัยอยู่ในแสงจ้าของอีกยุคหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งที่มันได้ปะทะและผ่านไป
ตอนนี้แสงจ้า, ภาพลวงตานี้เป็นเท็จ มันเป็นแสงจ้าของดวงอาทิตย์ และนั่นคือวิธีที่พวกเขากระทำในสิ่งเดียวกัน แสงจ้าอันเทียมเท็จของแสงสว่างที่แท้จริง ...
ตอนนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างแท้จริง พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง เหตุใดพวกเขาจึงทราบว่าพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างเล่าครับ? พวกคุณสามารถทราบว่าพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างได้อย่างไรครับ? เพราะพระวจนะที่ได้สัญญาไว้ได้รับการสำแดงผ่านพระองค์ ดังนั้นพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างของพระวจนะนั้น อาเมน! โอ้ นั่นเกือบจะทำให้ผมเป็นแบ๊บติสต์-เพนเทคอสต์ที่ต้องตะโกน
สังเกตไหมครับ คิดว่ามันเป็นแสงจ้า ดูเถิดครับ กำลังอาศัยอยู่ในแสงจ้า แต่เมื่อพระวจนะที่แท้จริงดำรงอยู่ นั่นเป็นแสงสว่างสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นเล่าครับถ้าหากพระเจ้าตรัสไว้ในปฐมกาลว่า "จงเกิดความสว่าง!" ดีล่ะครับ และมีอย่างอื่นปรากฏ (ดูเถิดครับ) เพียงภาพลวงตา ดูเถิดครับ มันจะไม่ได้เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกล่าวไว้ ไม่ครับ มันก็จะไม่เป็น เกิดอะไรขึ้นเล่าครับถ้าหากพระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง!" และมีหมอกเกิดขึ้นมามาก? เห็นไหมครับ? มันจะไม่ได้เป็นความสว่าง แต่เหตุผลที่ความสว่างเกิดขึ้นมา มันก็เป็นพระวจนะของพระองค์ที่ได้รับการสำแดง และในวันนี้เมื่อพระเจ้าทรงกล่าวว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นในเวลานี้และพวกคุณห็นมันกำลังกระทำอยู่ มันคืออะไรเล่าครับ? มันเป็นความสว่างบนพระวจนะของพระเจ้า มันเป็นพระวจนะที่ถูกกระทำให้เป็นแสงสว่าง กำลังสำแดงตนเองอยู่
ตอนนี้พวกเขากล่าวว่า "ผู้ใดที่ท่านบอกว่าพวกเราเป็นใคร?" "ทำไม" พวกเขากล่าวว่า ... "พวกท่านพยายามที่จะ ... พวกเรารู้ว่าพวกท่านเป็นบ้า ทำไมพวกท่านเป็นคนสะมาเรีย พวกท่านจะไม่มีจิตใจที่ถูกต้อง ดีล่ะครับ พวกท่านพยายามที่จะ ... ใครสามารถบอก ... พวกเรารู้ว่าพวกท่านเกิดในความบาป พวกเราไม่ทราบว่าพวกท่านมาจากที่ไหน พวกเราไม่มีบันทึกประจำตัวของพวกท่านอยู่ในกลุ่มของพวกเรา เพราะเหตุที่พวกท่านเป็นบ้า พวกท่านมีมารร้าย" ดูเถิดครับ กล่าวว่า "เหตุใดพวกท่านจึงควบคุมจิตใจของพวกท่านไม่ได้" แต่พระองค์ทรงเป็นการส่องแสงแห่งแสงสว่างที่แท้จริงของพระเจ้า และแสงจ้าได้ทำให้พวกเขามองไม่เห็น
"พวกเรามีโมเสสเป็นผู้นำของพวกเรา"
พระองค์ตรัสว่า "ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อโมเสส ท่านก็จะเชื่อเรา" และถ้าท่านทั้งหลายเชื่อพระเยซูและพระคัมภีร์ไบเบิล ท่านทั้งหลายน่าจะรู้ถึงเวลานี้ที่ท่านทั้งหลายกำลังมีชีวิตอยู่
พวกเขากล่าวว่า "ดีล่ะ พวกเราเป็นคริสเตียน พวกเรา ... " ถ้าพวกคุณเป็น พวกคุณจะรู้ถึงกิจการของพระคริสต์สำหรับยุคนี้ ดูเถิดครับ เห็นไหมครับ? พวกคุณจะรู้จักมัน
พระเยซูตรัสว่า "ผู้เผยพระวจนะทั้งหมดเหล่านั้นกล่าวถึงเรา และถ้าหากท่านทั้งหลายเชื่อผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายน่าจะเชื่อเรา การงานของเราพิสูจน์ว่าเราเป็นผู้ใด เพราะสิ่งที่พวกเขาบอกว่าเรากระทำ เรากระทำมัน และใครที่สามารถกล่าวโทษเราได้ในตอนนี้นอกจากผู้ไม่เชื่อ?" และพวกเขายังคงไม่ได้เห็นมัน ทำไมเล่าครับ? สายตาของพวกเขาถูกละออกไปพร้อมกับแสงจ้า (เห็นไหมครับ), แสงจ้าของอย่างอื่นที่พวกเขาได้รับสิ่งที่พระวจนะเป็นจริง ...
ตอนนี้ให้นึกถึงมัน! นึกถึงมัน! พวกเขาอ้างว่าพวกเขาเชื่อพระวจนะนั้น แต่ประเพณีของพวกเขาได้ปฏิเสธพวกเขาจากพระวจนะที่แท้จริงแก่แสงจ้า ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่แท้จริงได้ ดังนั้นมันจึงเป็นยุคนี้ ดังนั้นมันมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย ดูเถิดครับ พระวจนะที่แท้จริงส่องแสง แต่พวกเขาได้รับตามประเพณีที่พวกเขาไม่สามารถเห็นพระวจนะนั้นได้ พวกเขากำลังมองดูที่แสงจ้าและพวกเขาตาบอด แสงจ้าจะทำให้พวกคุณตาบอด มีส่วนโค้งออกมาจากมัน มันจะทำให้พวกคุณตาบอดและมันจะ ...
พระเยซูตรัสว่า "ท่านทั้งหลายเป็นคนตาบอดที่กำลังนำคนตาบอด" พวกเขาควรจะต้องสามารถที่จะเห็นมันได้ จะเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด แต่พวกเขาไม่สามารถเพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในแสงจ้านั้น
ตอนนี้แสงจ้า ดั่งที่ผมกล่าวไว้ เป็นแสงสว่างเทียมเท็จ, ภาพลวงตา, มโนภาพที่ผิดพลาดของแสงสว่างที่แท้จริง, มโนภาพที่ผิดพลาด มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ควรจะมีลักษณะเช่นนั้น แต่มันไม่ได้เป็นสิ่งนั้น
ตอนนี้วิธีเดียวเท่านั้นที่พวกเขาสามารถบอกความแตกต่างได้ครับ เพราะว่าสิ่งจริงๆ ที่พระเยซูไม่ทรงได้รับการพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง พวกเขาคิดว่าพวกเขาอยู่ในแสงสว่าง แต่ตอนนี้ถ้าหากพวกคุณต้องการหยุดเพียงสักหนึ่งนาทีและพิจารณาว่าผู้ใดที่อยู่ในความสว่างแล้วหรือไม่ครับ?
ตอนนี้วันนี้ถ้าหากเป็นเช่นความผิดอันใหญ่หลวงที่ถูกกระทำขึ้นโดยพวกผู้คนที่คริสตจักรของยุคนั้น เช่นเดียวกับความผิดอันใหญ่หลวงที่ได้ถูกกระทำ พี่น้องพวกคุณไม่คิดหรือว่ามันเป็นเวลาที่พวกเราได้หยุดและพิจารณาสิ่งที่เป็นแสงสว่างหรือไม่ครับ? ขอให้พวกเราไม่กระทำเช่นความผิดอันใหญ่หลวงนั้นครับ แต่พวกคุณกำลังกระทำมัน พวกคุณเคยกระทำมันแล้ว (เห็นไหมครับ) และรู้ว่ามันไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็นแล้ว
ตอนนี้หยุดเพียงสักหนึ่งนาทีครับและค้นหาสิ่งที่พระวจนะกล่าวสำหรับวันนี้ ถ้าหากพวกเขาได้หยุดและคิดว่า "ที่นี่พระองค์ทรงกำลังกระทำให้ตัวอักษรที่พระวจนะได้กล่าวไว้ว่าพระองค์จะทรงกระทำนั้นสำเร็จ" ... และพระองค์ทรงท้าทายพวกเขาดั่งที่ผมกำลังท้าทายพวกคุณอยู่ครับ ผมกำลังท้าทายให้พวกคุณมองในพระวจนะ, ค้นดูข้อพระคัมภีร์, ดูเถิดครับ ถ้าหากว่านี่ไม่ใช่ ณ เวลานี้ ค้นดูข้อพระคัมภีร์, ในพวกเขาพวกคุณคิดว่าพวกคุณจะมีชีวิตนิรันดร์ และพวกเขาเป็นพวกเขาที่เป็นพยานของเรา" พวกเขาเป็นพวกเขาที่เป็นพยานของการงานในวันนี้ การงานเป็นพยานของตนเองว่ามันกำลังกระทำให้สำเร็จและข้อพระคัมภีร์บอกว่ามันจะสำเร็จ ดังนั้นมันจึงเป็นแสงสว่างของ ณ เวลานี้ พระวจนะของพระเจ้ากล่าวไว้ดังนั้น
ประเพณีและสิ่งทั้งหลายของพวกคุณเป็นสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ เช่นเดียวกับคนทั้งหลายเหล่านั้นที่ส่ายศีรษะของพวกเขาและเดินออกไป โต๊ะทั้งหมดก็เต็มไปด้วยอาเจียน พระคัมภีร์กล่าวไว้ และนั่นคือวิธีที่พวกเขา ... พวกเขาจะไม่เชื่อมัน พวกเขาส่ายศีรษะของพวกเขา และสุภาพบุรุษพวกคุณตระหนักไหมครับ และพี่น้องพวกคุณตระหนักถึงเรื่องนี้ไหมครับว่าเมื่อพวกคุณกำลังปฏิเสธสิ่งจริงๆ ที่พระเจ้ากำลังทรงพิสูจน์ต่อหน้าพวกคุณว่า พวกคุณกำลังกระทำใ นสิ่งเดียวกันกับที่พวกเขาได้กระทำ กำลังจะกลับไปหาอาเจียนแบบเดิมๆ ของพวกคุณหรือครับ?
"ดั่งที่สุนัขเลียกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา ... " ถ้าหากมันทำให้เขาป่วยเป็นครั้งแรก มันจะทำให้เขาป่วยเป็นครั้งที่สอง ถ้าหากคริสตจักรคาทอลิกถูกจัดตั้งและทำให้องค์กรแรกนำความเจ็บป่วยมาที่คริสตจักร ดังนั้นลูเทอแรน, เมธอดิสท์, และทุกคณะนิกายที่เหลือของพวกเขา, แบ๊บติสต์, เพรสไบทีเรียน, และเพนเทคอสต์ สุนัขเลียกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา และสุกรที่คนล้างมันให้สะอาดแล้ว กลับลุยลงไปนอนในโคลนอีก ดูเถิดครับ ถ้าหากเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าพวกเรากำลังจะไปที่นั่นในไม่กี่นาที
แสงจ้าเดินในแสงจ้า (ดูเถิดครับ) ภาพลวงตา, มโนภาพที่ผิดพลาดของแสงสว่างอันแท้จริง พระองค์ทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างเพราะพระองค์ทรงเป็นทางแคบ (โอ้!) หลายล้านคนต่อต้านพระองค์ ไม่ใช่หนึ่งในหกของประชากร แต่หนึ่งในเก้าสิบของประชากรบนโลกที่เคยรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าผมเดาสุ่มครับ หนึ่งในร้อยของชาวยิว หรือแทบจะไม่ถึงหนึ่งในห้าสิบของพวกเขาหรือสี่สิบของพวกเขา ผมจะบอก-อาจจะน้อยกว่านั้น-ของประเทศของพระองค์เองที่เคยรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นั่น และพวกเขาไม่รู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นั่น คิดว่าพระองค์ทรงเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เทียมเท็จ เพราะคณะนิกายได้บอกพวกเขาว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด ดูเถิดครับ แต่กระนั้นพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างที่แท้จริงที่ได้ทรงกล่าวไว้ตั้งแต่ปฐมกาลในตอนเริ่มต้นและถามพวกเขาเพื่อค้นดูข้อพระคัมภีร์และพบว่า ถ้าหากพระองค์ไม่ได้ทรงมีพระชนม์อยู่ในเวลานั้น ถ้าหากการงานทั้งหลายที่พระองค์ทรงกระทำไม่ได้ตอบสนองตามสิ่งที่ได้สัญญาไว้ในยุคนั้น อาเมน!
อะไรเป็นสิ่งที่ร้ายแรงเล่าครับพี่น้อง พวกเรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ พระองค์ได้ทรงพิสูจน์ว่าถูกต้อง
พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างจริงๆ ที่พวกเขาอ้างว่าพวกเขานมัสการอยู่ พวกเขาอ้างว่านมัสการแสงสว่างนั้นครับ และดังนั้นจึงเป็นในยุคนี้ พวกเขาอ้างว่าพวกเขากำลังนมัสการสิ่งนั้นอยู่ เพนเทคอสต์อ้างถึง พวกเขาอ้างว่าพวกเขาเป็นและพวกเขาตาบอดมากที่พวกเขาไม่สามารถเห็นมันได้ ทำไมเล่าครับ? พวกเขาได้จัดตั้งและใส่แสงจ้าในใบหน้าของพวกเขา ดูเถิดครับ ประเพณีเป็นสิ่งที่บางคนตั้งร่วมกันและกล่าวว่า "พวกเราจะไปและกระทำสิ่งนี้และสิ่งนี้และสิ่งนี้และสิ่งนั้น" ตอนนี้พวกเรากำลังจะมาถึงว่าทำไมสิ่งนั้นต้องเกิดขึ้นหากเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า
สังเกตไหมครับว่า การงานของพระองค์เป็นพระวจนะที่ดำรงอยู่ด้วยตนเอง สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำก็คือ พระวจนะที่ดำรงอยู่ด้วยตนเองกำลังแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างที่ได้ทรงสัญญาไว้ตั้งแต่ปฐมกาลของโลก พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างนั้น แสงสว่างของพระองค์บนพระวจนะแห่งพระสัญญาของยุคที่ทำให้มันดำรงอยู่เพื่อสิ่งที่สัญญาว่าจะกระทำอย่างแน่นอนครับ แต่พวกเขาจึงได้หันไปรอบๆ จนกว่าพวกเขาไม่สามารถมองเห็นมันได้ ดูเถิดครับ แต่พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างของยุคนั้น
พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างที่พวกเขาอ้างว่านมัสการอยู่ พวกเขาคิดว่าพวกเขากำลังนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง พวกเขามีชีวิตอยู่และได้นมัสการในแสงจ้าและพระเยซูตรัสว่า “ท่านทั้งหลายนมัสการเราโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็นพระดำรัสสอน” พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ และพระองค์ทรงเป็นพระวจนะที่ได้รับการสำแดง พวกเขาควรจะต้องรู้จักพระองค์ ผมหวังว่าสิ่งนั้นจะลุล่วงทุกหนแห่งที่ได้ยิน (ดูเถิดครับ) ว่ามันเป็นพระวจนะที่ได้รับการสำแดง
"โอ้” กล่าวว่า “โอ้ พวกเรามีพระวจนะ!” เหตุฉะนั้นพระวจนะ ทุกคนสามารถบรรจุข้อพระคัมภีร์ที่ต้องการ นอกจากเมื่อพระวจนะได้รับการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดแจ้ง ...
เหตุฉะนั้น บอกว่า “ดีล่ะ พวกเราเชื่อ!” ใช่ครับท่าน! พวกเขาเชื่อทุกอย่างตามนั้นทั้งหมด ซาตานก็เชื่อเหมือนกัน พวกฟาริสีเหล่านั้น ใครจะประณามว่าพวกเขาไม่เชื่อเล่าครับ? แต่พวกเขาไม่เชื่อพระวจนะสำหรับ ณ เวลานี้ พวกเขาได้นมัสการบูชาในแสงจ้าของอย่างอื่น นั่นเป็นสิ่งเดียวกับที่พวกเขากำลังกระทำในยุคนี้ ที่นี่การรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของลูเทอร์หรือประเพณีของเวสลีย์และส่วนที่เหลือของพวกเขา ประเพณีของเพนเทคอสต์ แต่สิ่งที่เป็นของ ณ เวลานี้เล่าครับ? พวกฟาริสีรักษาประเพณีของพวกเขา แต่เบื้องหลังประเพณีของพวกเขาคือ พระวจนะของพระเจ้าที่แท้จริงที่กำลังมาเพื่อจะส่องแสงออกไป และเมื่อมันได้มาถึงมันทำให้ตาของพวกเขาบอด พวกเขาไม่สามารถเห็นมันได้เพราะพวกเขากำลังเฝ้าดูอย่างอื่นอยู่ ดังนั้นมันจึงเป็นวันนี้ พระเจ้าอาจจะทรงปล่อยให้สิ่งนั้นแช่ไว้จนกระทั่งมันปะทะกับวิหารอย่างจังกับผู้คนที่ควรจะเชื่อ มันเป็นหลังจากที่พวกคุณคิด
ลูกชายของผม บิลลี่ พอล เขาละเมอ แต่เขาไม่ได้มีความฝันบ่อยมากเท่าไหร่ครับ เขามีคืนก่อนที่เขย่าเขาขึ้นมา กล่าวว่าเขาได้ฝันว่าเขาอยู่ที่คริสตจักรและพวกเขา ... ผมยังไม่ได้มาถึงเลย กล่าวว่าเมื่อผมเข้ามาใน ไฟก็บินออกไปจากดวงตา และผมกล่าวว่า “เวลานั้นคือที่นี่ มันจบแล้ว!" และทุกคนเริ่มร้องเสียงดังว่า “ผมไม่สามารถ บุตรทั้งหลายของผม"
และแม้แต่ภรรยาของผมกล่าวว่า “ผมไม่สามารถนำซาร่าห์มาเพื่อจะขอพรที่โต๊ะนี้ได้” และอื่นๆ และผมก็บอกว่า ...
เขากล่าวว่า “ผมต้องไปรับลอยซ์และเด็กทารกน้อย"
ผมบอกว่า “ลอยซ์ไม่สามารถมาได้ตอนนี้ ทารกนั้นยังเด็กเกินไปที่จะรู้ บิลลี่ ณ เวลานั้นอยู่ที่นี่ พวกเราต้องไป” ผมบอกว่า “มันเป็นเวลาเที่ยงคืนตอนนี้ ก่อนเวลากลางวันที่พระเยซูจะทรงอยู่ที่นี่ ถ้ามันไม่ใช่แล้วดังนั้นผมก็เป็นพยานเท็จของพระคริสต์"
และใครบางคนพูดขึ้นและกล่าวว่า “ไม่มีใครรู้นาทีหรือชั่วโมงนั้น"
"ผมไม่เคยบอกว่านาทีหรือชั่วโมง ผมบอกว่าบางเวลาระหว่างตอนนี้และเวลากลางวัน" และผมบอกว่า “ไปกันเถอะ บิลลี่” และผมได้บอกอะไรบางอย่าง ... ผมบอกว่า “แต่พวกเราอยู่ที่เวลานั้น ไปกันเถอะ" และพวกเราก็ขึ้นรถและเริ่มต้น และพวกเราเริ่มต้นขึ้นไปบนภูเขา และเมื่อพวกเราได้ทำ มันก็-ดูเหมือนความสว่างกำลังมาอยู่บนท้องฟ้า แต่ความมืดอยู่เหนือบนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงบอกให้ผมจอดรถข้างทางของถนน ยกมือของผมขึ้นเช่นนี้ แสงสว่างยังคงพรากออกมาจากดวงตาของผม พระองค์ทรงบอกว่า ... ผมกล่าวว่า “พระเจ้า ข้าพระองค์ได้กระทำสิ่งนี้ตามพระบัญชาของพระองค์ ข้าพระองค์ได้กระทำสิ่งนี้เพียงเพราะพระองค์ทรงบอกให้ข้าพระองค์กระทำมันอย่างนี้ ข้าพระองค์ได้กระทำสิ่งเหล่านี้ตามสิ่งที่พระองค์ได้ทรงบอกข้าพระองค์" และผมได้เคลื่อนไปบนภูเขาหินแกรนิตขนาดใหญ่และแสงสว่างโดยปราศจากมือที่ตัดศิลาจากภูเขานั้นชั่งน้ำหนักหลายร้อยตันและนี่ก็มา ผมกล่าวว่า “ให้หันศีรษะของพวกคุณไป อย่ามอง ทุกสิ่งทุกอย่างจะเสร็จสิ้นเพียงในไม่กี่นาที” กล่าวว่า “จากนั้นสันติสุขแห่งความบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่ก็มาถึงทั่วทุกหนแห่งที่ศิลานี้มายังสถานที่แห่งนั้น”
มันอาจจะช้ากว่าที่พวกเราคิด ดูเถิดครับ นั่นเป็นตามข้อพระคัมภีร์อย่างแน่นอน (พวกคุณเห็นไหมครับ?) ศิลาที่ปราศจากการตัดแต่งของภูเขา และดังนั้นวันหนึ่งในยุคนี้มันจะเป็นทางนั้นเมื่อพวกคุณกำลังจะร้องเสียงดังเพื่อบางสิ่งบางอย่าง ผมบอกกับเขาว่า “คุณได้มีเวลานั้นแล้ว พระเจ้าได้ทรงเตือนคุณอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า” ใช่ครับ ผมบอกว่า “แม้ว่าจะเป็นลูกชายของผมเองหรือใครก็ตาม เวลานั้นอยู่ที่นี่ ผมเพียงสามารถพูดในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงบอกให้ผมพูดและมันจะอยู่ที่นี่และมันอยู่แล้วครับ” และจากนั้นทั้งหมดในทันทีที่พระองค์เสด็จมาที่นี่ ศิลาถูกตัดออกจากภูเขาโดยปราศจากมือ ดาเนียลเห็นสิ่งนั้น พวกคุณทราบครับ ย้อนกลับไปหลายปีที่ผ่านมา และบิลลี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งนั้นครับ แต่มันก็เป็นความฝันที่ถูกส่งให้เขาจากพระเจ้า
ตอนนี้เห็นพวกเขาอ้างว่านมัสการบูชาพระเจ้าผู้ทรงเที่ยงแท้นั้นอยู่ พวกเขากำลังเล่นตลก และสิ่งเดียวกันได้ย้อนกลับมาอีกครั้งหนึ่งในวันนี้โดยเหตุผลเดียวกัน การอาศัยอยู่ในแสงจ้าแทนแสงสว่าง แสงสว่างที่ยิ่งใหญ่มีความเงางาม ใช่ครับ
มองดูความมืดที่พวกเราอยู่ในวันนี้ครับ มองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้ มองดูนักสังหารรม, การข่มขืน, การปะทะกัน เหตุใดมันจึงเกิดขึ้นมา ...ผมเชื่อว่า บิลลี่ เกรแฮม ได้กล่าวไว้ในการประชุมครั้งล่าสุดของเขาว่า “ในรอบสิบปีจากนี้ไปพลเมืองของรัฐแคลิฟอร์เนียทุกคนจะต้องพกปืนเพื่อป้องกันตนเอง พวกคุณไม่สามารถใส่การบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเพียงพอครับ” พวกผู้คนเพียงเป็นบ้าไปและการยิง, นักสังหารรม, และการข่มขืน, ทุกสิ่งทุกอย่าง ดูเถิดครับ มันได้รุนแรงไปมากแล้ว (ดูเถิดครับ) บนท้องถนน ดูครับ มันป็นวันที่พวกเรากำลังอาศัยอยู่ในยุคของเมืองโสโดม ดูเถิดครับ แต่มีแสงสว่างหนึ่งที่กำลังฉายแสงอยู่ถ้าหากพวกเขาจะเพียงมองดูเท่านั้น ถ้าหากพวกเขาเพียงจะเห็น-มองเข้าไปในพระวจนะ และดูสิ่งที่ควรจะเป็น ณ เวลานี้ พวกเขาก็จะรู้ถึงสิ่งที่กำลังพยายามที่จะถูกกระทำให้สำเร็จได้
ตอนนี้พวกเขาอ้างว่าพวกเขากำลังนมัสการบูชาแสงสว่างนั้นอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงอ้างว่าพวกเขาได้นมัสการบูชาแสงสว่างนั้น แต่พวกเขาก็นมัสการบูชาในแสงจ้าของแสงอื่นแทนแสงสว่างที่แท้จริง ดูเถิดครับ พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง
ลัทธิและประเพณีต่างๆ ในสภาพที่มืดบอดของพวกเขาได้หันพวกเขาจากแสงที่แท้จริงของพระวจนะที่สัญญาไว้ พระวจนะที่พระเจ้าได้ทรงพิสูจน์ให้เห็นด้วยพระเยซูความสว่างของโลกเสด็จมาและทรงกระทำให้พระวจนะนั้นดำรงอยู่อย่างแน่นอนตลอดช่วงเวลาของพระองค์ตรงกับวันนั้นอย่างแน่นอน พระองค์จะทรงถูกตัดออกไปในท่ามกลางของสัปดาห์ที่เจ็ดสิบ (นั่นแหล่ะครับ) ซึ่งเป็นสามปีครึ่งของคำเผยพระวจนะของพระองค์ พระเมสสิยาห์จะเสด็จมา, เจ้าชาย และจะทรงเผยพระวจนะ และสามวันครึ่งหนึ่งของสิ่งนี้ จากนั้นพระองค์จะทรงถูกตัดออกจากการมีชีวิตและทำการลบมลทิน และนั่นเป็นอย่างแน่นอน พระองค์ได้ทรงเทศนาสามปีครึ่งและ ...
และสดุดีของดาวิดกล่าวว่า “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย? (พระธรรมสดุดี บทที่ 22) กระดูกทั้งสิ้นของข้าพระองค์เคลื่อนหลุดจากที่ เขาทั้งหลายสั่นศีรษะของพวกเขา เขาทั้งหลายเย้ยหยันข้าพระองค์" แปดร้อยห้าสิบปีก่อนเมื่อดาวิดร้องเพลงในพระวิญญาณ และถูกเรียกว่าเป็นการเผยพระวจนะ และได้ให้ ... พวกเขากำลังร้องเพลงของพวกเขาในพระวิหารเมื่อเครื่องสังเวยบูชาเดียวกันถูกแขวนบนไม้กางเขนด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองที่ถูกเจาะ" และพวกเขาแทงมือและเท้าของเรา" ดูเถิดครับ เห็นที่นั่นไหมครับ? ทำไมเล่าครับ? พวกเขาอาศัยอยู่ในแสงจ้า พวกเขาไม่ได้เห็นแสงสว่างนั้น
พวกคุณสามารถจินตนาการถึงคนที่สัมผัสกระทำสิ่งนั้นอยู่ได้ไหมครับ? ไม่มากเกินกว่าที่ผมสามารถจินตนาการได้ผู้ที่สัมผัสกำลังวิ่งลงชั้นใต้ดินและเข้าไปในที่ที่อับชื้นและดึงประตูของเขาด้วยกันและพูดว่า "ผมปฏิเสธที่จะเห็นว่ามีแสงสว่าง" มันบ้า และจิตวิญญาณของเขาร่วงหล่นลงไปที่ไหนสักแห่ง เมื่อคนๆ หนึ่งเห็นว่าพระคัมภีร์ไบเบิลได้สัญญาสิ่งนี้และเห็นมันมีชีวิตอยู่ข้างนอกต่อหน้าเขาและได้สำแดงอย่างชัดแจ้ง และแล้วก็อยู่อย่างต่อเนื่องในลัทธิและสิ่งเหล่านั้นข้างนอกนั่นที่ปฏิเสธมัน มันเป็นการกระทำผิดฝ่ายวิญญาณ มันใช่แน่นอนครับ
ที่นี่พระองค์ทรงอยู่ตอนนี้ พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างของโลกและโลกรู้ว่า ... พระองค์ได้เสด็จมาของพระองค์เอง ของพระองค์เองก็รู้จักพระองค์ในเวลานี้ พระองค์ได้เสด็จเข้ามาในโลก โลกถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และโลกไม่รู้จักพระองค์ ดูเถิดครับ แต่ในฐานะที่คนเป็นจำนวนมากได้รู้จักพระองค์ พระองค์ประทานฤทธิ์อำนาจให้พวกเขาเป็นบุตรของพระเจ้าสำหรับพวกเขาที่เชื่อในพระองค์
จำได้ไหมครับว่าพวกเราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยความสว่างของเมื่อวานนี้ ความสว่างของเมื่อวานนี้หายไปแล้วมันไม่ได้คงอยู่อีกต่อไป ความสว่างของเมื่อวานนี้เป็นเพียงแค่ความทรงจำ แสงแดดของเมื่อวานนี้เป็นเพียงแค่ความทรงจำหรือมันเป็นประวัติศาสตร์ พวกเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในความสว่างของเมื่อวานนี้ ไม่อีกต่อไปครับ ... แม้ว่ามันจะเป็นดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน-ดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน ... แต่ในแต่ละวันจะนำออกมามันเป็นความแข็งแรง แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยในการทำให้เมล็ดข้าวสุกงอมสำหรับการเก็บเกี่ยว ดูเถิดครับ
ดวงอาทิตย์มาวันนี้ ได้แข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อย ในแต่ละวันตอนนี้ก็จะได้แข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อย, แข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อย จนในที่สุดข้าวสาลีเพียงแค่วางอยู่ที่นั่น มันจะไปการใช้ชีวิต หลังจากขณะที่ชีวิตจะเกิดขึ้น จากนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อย, แข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อย มีนาคม, เมษายน, พฤษภาคม, มิถุนายน, กรกฎาคม นางอยู่ในการเก็บเกี่ยวแล้ว พวกคุณเห็นไหมครับ? ดวงอาทิตย์ดวงเดียวกันที่กำลังส่องแสงในวันนี้ในเดือนมกราคม ... หรือธันวาคมที่ขึ้นอยู่ที่นั่นกำลังอาบหิมะนั้นและกำลังละลายลงบนเมล็ดข้าวที่กำลังนำน้ำมาให้มัน ก็เป็นดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน แต่ข้าวสาลีนั้นไม่สามารถดำรงอยู่ในแสงแดดเดียวกันในเดือนมิถุนายนได้ ดูเถิดครับ มันไม่สามารถกระทำได้ ดูเถิดครับ ดวงอาทิตย์ขึ้นแข็งแกร่งขึ้นมาเพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน และเมล็ดข้าวก็ควรจะเติบโตขึ้นเล็กน้อยเพื่อจะได้รับแสงแดด
นั่นคือสิ่งที่เป็นสาระในวันนี้ เมล็ดข้าวที่ถูกหว่านในบรรพบุรุษย้อนกลับไปที่นั่นในลูเทอร์และเวสลีย์และพวกเขา มันก็แคระแกรน มันไม่ได้รับดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ฆ่ามัน มันปฏิเสธที่จะเติบโต ดูเถิดครับ มันพาตัวเองออกจากก้านและมาที่นี่และทำให้ตัวของมันเองกลายเป็นแกลบ ไม่มีชีวิตในมัน เมล็ดข้าวควรจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงมากขึ้นในแต่ละวัน
ตอนนี้ขอให้เฝ้าดูสักหนึ่งนาทีครับ พวกเราจะเฝ้าดูยุคคริสตจักร มีคริสตจักรเจ็ดยุค ในยุคคริสตจักรเหล่านั้นแต่ละยุค เฝ้าดูว่าพระองค์ได้ตรัสกับพวกเขาว่าจะทำอย่างไร เมล็ดข้าวจะเติบโตอย่างไรและลงมายังยุคสุดท้ายนี้ที่นี่ ยุคสุดท้ายนี้ที่พวกเรากำลังอาศัยอยู่ ดังนั้นคริสตจักรต้องกระทำสิ่งเดียวกัน (ดูเถิดครับ) คริสตจักรทั้งหลาย
ตอนนี้มองดูครับ ลูเทอร์หว่านเมล็ดข้าว และลูเทอร์ก็เป็นเมล็ดข้าว และเขาหว่านมัน ใช่ครับ ดังนั้นก็เป็นเวสลีย์และยังเป็นเพนเทคอสต์ด้วย ดังนั้นเป็นแบ๊บติสต์, พวกนาซารีน แต่พวกคุณเห็นตอนนี้ ลูเทอร์จะไม่กลับไปอยู่ในแสงสว่างของคณะนิกายแรกคาทอลิก ไม่ครับท่าน เขาเป็นอีกแสงสว่างหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าทรงทำบางสิ่งบางอย่างให้สุกงอม
ตอนนี้ชนกลุ่มน้อยออกมาจากการฟื้นฟูของคณะนิกายลูเทอแรนนั้น จากนั้นตามมาด้วยการฟื้นฟูของเวสลีย์ และจากนั้นในพวกนั้น เหตุฉะนั้นพวกเขาไม่สามารถกลับไปและกระทำอย่างลูเทอแรนได้ ดูเถิดครับ และจากนั้นมาถึงเพนเทคอสต์และจากนั้นเพนเทคอสต์ก็ถูกจัดตั้งขึ้นมาและกระทำในสิ่งเดียวกัน ได้นำแกลบไป สังเกตครับ แต่เมล็ดข้าวไปยัง ณ ที่นั่น
ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในอีกยุคหนึ่ง ทำไมพวกเขาจะไม่ได้รับมันเล่าครับ? ทำไมพวกเขาจะไม่เห็นว่าเมล็ดข้าวเติบโตแล้ว? นี่คือพระวจนะที่สัญญาไว้สำหรับยุคนี้ ทำไมพวกเขาไม่เห็นมันเล่าครับ? เพราะพวกเขากำลังอาศัยอยู่ในแสงจ้าของลูเทอแรน, แสงจ้าของเวสลีย์, แสงจ้าของแบ๊บติสต์, แสงจ้าของเพนเทคอสต์ พวกเขากำลังอาศัยอยู่ในแสงจ้าของอีกแสงหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถรับแสงสว่างของพระวจนะทั้งหมดที่เป็นอยู่ได้-ถูกพิสูจน์ให้เห็นตามที่พระเจ้าทรงสัญญากับพวกเขา ตราประทับทั้งเจ็ดที่ที่ความล้ำลึกทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยว่าจะกลับมาและบอก เหตุฉะนั้นความลึกลับเหล่านี้ได้ทำเช่นนั้น ... และยังเมื่อสิ่งนั้นเข้ามา พวกเขาเดินห่างออกไปมากกว่าจากที่มันเคยเป็น พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัว
พระเจ้าได้ทรงกระทำผ่านพระวิญญาณ, ผ่านการเปิดเผยสำแดง พระองค์ได้ทรงพิสูจน์มันอย่างสมบูรณ์แบบโดยทางวิทยาศาสตร์และทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเป็นความจริง-ว่ามันเป็นความจริง และพวกเขายังคงต้องการที่จะอยู่ในแสงจ้าของเพนเทคอสต์: "ผมเป็นพวกแอสแซมบลีย์"; "ผมเป็นพวกวันเนส"; "ผมเป็นพวกเชิร์ช อ๊อฟ ก็อด"; "ผมเป็นพวกนี้" ดูเถิดครับ การอาศัยอยู่ในแสงจ้าของยุคสี่สิบ, ห้าสิบปีที่ผ่านมา การอาศัยอยู่ในแสงจ้าของลูเทอแรน, การอาศัยอยู่ในเวสลีย์, แบ๊บติสต์, เพรสไบทีเรียน, หรือบางแสงจ้าของนาซารีนของคริสตจักรอีกยุคหนึ่งที่ได้ไปต่อและถูกจัดตั้งขึ้นและได้กระทำในสิ่งเดียวกันและบอกปัดและปฏิเสธแสงสว่างเมื่อมันกำลังส่องแสงจริงๆ และพวกคุณกำลังอาศัยอยู่ในภาพลวงตา
ผมพูดสิ่งนั้นด้วยความเคารพ (ดูเถิดครับ) แต่พวกคุณ ... ไม่ได้ทำร้ายพวกคุณ แต่จะปลุกพวกคุณให้ตื่นขึ้นครับ พวกคุณกำลังอาศัยอยู่ในภาพลวงตา เกิดอะไรขึ้นถ้าพระเยซูตรัสว่า “ทำไมพวกคุณตาบอดและพวกคุณกำลังนำคนตาบอดอยู่" และพวกเขา ... พระองค์พยายามที่จะบอกพวกเขาและไม่ได้ทำ ตรัสว่า "ช่างเถิด ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองคนจะตกลงไปในบ่อ" และนั่นเป็นเวลานั้นที่เราได้มาถึง ถ้าหากพวกเขากำลังจะซวนเซ เราไม่สามารถช่วยได้ เราได้ทำทุกสิ่งที่เราสามารถกระทำได้ เราได้ทำแล้วจริงๆ ... ผมได้กระทำสิ่งนี้ตามพระบัญชาของพระองค์พระบิดา พระองค์ทรงเป็นพยาน นับตั้งแต่ปี 1933 ลงไปในแม่น้ำเมื่อแสงสว่างนั้นที่นั่นที่คุณเห็นได้ส่องแสงลงมา มันได้อยู่ ณ ที่นี่ในคริสตจักรแห่งนี้และร่วมเป็นสักขีพยานให้กับพวกคุณทุกปีเหล่านี้ และทุกอย่างที่ได้กล่าวไว้ก็เกิดขึ้นและพวกเขาดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ปล่อยให้คนตาบอดนำทางคนตาบอด ผมจะรอเวลานั้นครับ พระองค์จะทรงมาถึงในวันหนึ่งของวันเหล่านี้
สังเกตไหมครับว่า การอาศัยอยู่ในแสงจ้าของลูเทอแรน, การอาศัยอยู่ในแสงจ้าของเวสลีย์, การอาศัยอยู่ในแสงจ้าของพวกเขาย้อนกลับไปที่นั่น นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างที่แท้จริงได้ ถ้าหากพวกเขาจะหยุดไม่กี่นาทีและเพียงแค่หยิบพระคัมภีร์ไบเบิลและอ่าน พวกเขาจะเห็นว่านี่คือแสงสว่างที่ได้สัญญาไว้สำหรับเวลานั้น
ตอนนี้พวกเรากำลังจะใช้บางส่วนของสิ่งเหล่านี้ในหนึ่งนาที พระองค์ได้ทรงสัญญาตามพระธรรมมาลาคี บทที่ 4 ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น พระองค์ได้ทรงสัญญาทั้งหมดผ่านข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายที่พวกมันจะเกิดขึ้น ดูเถิดครับ
สังเกตอิสราเอลด้วยครับ ประเภทของพวกเราในการเดินทาง (ดูเถิดครับ!) การกินมานาซึ่งเป็นแสงสว่างของพวกเขา-ชีวิต ที่ให้ความแข็งแรงแก่พวกเขาชีวิต ใช่ไหมครับ? อิสราเอลไม่อาจจะกินมานาที่ตกลงมาของเมื่อวานนี้ได้ มันได้รับการปนเปื้อน มันก็เน่าเสีย มันก็ไม่ดีสำหรับพวกเขา พวกเขาอาจจะตายเพราะสิ่งนั้นได้ มานาที่ทำให้พวกเขามีชีวิตเมื่อวานนี้อาจจะฆ่าพวกเขาในวันนี้ได้ พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่ามันมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ในนั้น พวกเขาต้องได้รับมานาใหม่ทุกวัน อาเมน! และมันคืออะไรเล่าครับ? ผู้คนที่อาศัยอยู่ด้วยมานาของลูเทอร์, เวสลีย์, และพวกเขาย้อนกลับไปในที่นั่น พวกคุณกำลังรับประทานสิ่งที่ปนเปื้อนที่กำลังฆ่าพวกคุณในฝ่ายวิญญาณ ดูเถิดครับ มันกำลังฆ่าพวกคุณให้ตายในประเพณีของพวกคุณ
มานาของลูเทอร์ของเมื่อวานนี้จะไม่เกิดผลสำหรับเมธอดิสท์, มานาของเมธอดิสท์จะไม่เกิดผลสำหรับเพนเทคอสต์, มานาของเพนเทคอสต์จะไม่เกิดผลสำหรับยุคนี้ เห็นสิ่งที่ผมหมายถึงไหมครับ? ทุกวันมันมาวันต่อวัน, สดใหม่, และดังนั้นมันได้ผ่านยุคคริสตจักรทั้งหลาย มานาของลูเทอร์คือคำเทศนาของการถูกนับว่าชอบธรรม, คำเทศนาของเวสลีย์คือการสำแดงของการชำระให้บริสุทธิ์, เพนเทคอสต์คือการฟื้นฟูของของประทานทั้งหลาย แต่นี่คือการแนะนำของศิลามุมเอกยุคสุดท้ายคือ ต้นไม้เจ้าสาว มันขัดกับทั้งหมดของมัน และมันยังเป็นแสงสว่างเดียวกันที่เติบโต เช่นแสงแดดเดียวกันกับวันนี้ที่จะทำให้เมล็ดข้าวสุกงอมเพื่อการเก็บเกี่ยวในเดือนกรกฎาคม เห็นสิ่งที่ผมหมายถึงไหมครับ? แต่แสงสว่างวันนี้จะไม่กระทำการดีใดๆ ย้อนกลับไปที่นั่นในเดือนกรกฎาคม มันแข็งแกร่งขึ้น ข้าวสาลีที่พัฒนาขึ้น มันพร้อมที่จะใช้มัน อาเมน! แน่นอนครับมันเป็น มันไม่สามารถใช้มันในขณะนี้ได้ จากนั้นมันสามารถใช้ได้ ยังไม่ใช่ฤดูกาลนั้น มันเป็นตอนนี้
พวกคุณไม่สามารถต่อต้านธรรมชาติของพระเจ้าได้ครับ พระองค์ทรงมีกฎ และไปในทางตรงกันข้ามกับกฎนั้นจะสังหารต้นไม้ของพวกคุณ พวกคุณต้องไปตามกฎของพระเจ้าที่ได้ตรัสไว้ และกฎของพระองค์คือพระวจนะของพระองค์ ทุกกฎเป็นถ้อยคำที่ตรัสแล้ว และถ้อยคำๆ หนึ่งเป็นพระดำริที่สำแดงให้เห็นแล้ว ดูเถิดครับ
ตอนนี้พวกเรารู้สิ่งนั้น นั่นเป็นจริง นิมิตคืออะไรเล่าครับ? พระวจนะของพระเจ้า หรือบางสิ่งบางอย่างที่ถูกทำนายไว้หรือการคาดการณ์ของเหตุการณ์ และนิมิตที่บรรดาผู้เผยพระวจนะมี, พระเยซูทรงมี, อ. เปาโลมี, และทั้งหมดของพวกเขาที่กำลังบอกของวันนี้ก็เป็นการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น และที่นี่พวกเราเห็นสิ่งที่ถูกพยากรณ์ได้รับการสำแดง และผู้คนไม่แม้แต่จะจำมันได้ เห็นสิ่งที่ผมหมายถึงไหมครับ?
ตอนนี้มานาของเมื่อวานนี้ ... มองดูที่นี่ครับ! พวกคุณไม่เคยสังเกตเห็นดวงอาทิตย์ (s-u-n) ได้เดินทางจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกขณะที่มันไปในแต่ละครั้ง พวกคุณสังเกตเห็นสิ่งนั้นไหมครับ? และสังเกตครับว่ายุคคริสตจักรทั้งหลายกระทำสิ่งเดียวกัน อะไรครับ ... ดวงอาทิตย์ (s-u-n) เริ่มในฝั่งตะวันออก และอารยธรรมได้เดินทางไปกับดวงอาทิตย์ แสงสว่างของพระเจ้าที่ตรัสไว้เพื่อพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ พวกเขาได้มา กำลังติดตามดวงอาทิตย์ได้เห็นว่ามันไปหนแห่งใด
ชีวิตของตนเองเมื่อพวกคุณเกิดมาเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ พวกคุณดำเนินไปกับการตกของดวงอาทิตย์ ตั้งแต่แรกเกิดของพวกคุณไปยังการตกของดวงอาทิตย์
มนุษย์ได้เดินทางไปทางทิศตะวันตกเสมอ อารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดที่พวกเรามีคือ ประเทศจีนในประเทศทั้งหลายทางตะวันออก, กรุงเยรูซาเล็ม ... และสังเกตครับ นางเดินทางไปทางทิศตะวันตกขณะที่มันดำเนินต่อไปเสมอ และมันดำเนินต่อไปและต่อไปทางทิศตะวันตก ดังนั้นจึงมียุคคริสตจักรที่ได้เดินทางในทางเดียวกันโดย S-o-n พระบุตรของพระเจ้า
มองดูครับ! อ. เปาโล ... คริสตจักรยุคแรกเริ่มต้นในฝั่งตะวันออก มันไปจากที่นั่น, กระโดดข้ามทะเลไปยังประเทศเยอรมนี และได้กระทำในนิมิตระยะที่สาม มองดูครับ จากเอเชียลงไปในปาเลสไตน์มันได้กระโดดข้ามมหาสมุทรไปยังประเทศเยอรมนี นั่นคือลูเทอร์ และมันก็กระโดดจากลูเทอร์ข้ามช่องแคบอังกฤษไปยังประเทศอังกฤษโดยเวสลีย์ และจากเวสลีย์ นางได้กระโดดไปยังชายฝั่งตะวันตกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และนี่ถ้าหากพวกคุณไปต่อจากนั้น มันกำลังกลับมาอีกครั้งหนึ่งทางทิศตะวันออก นี่คือเวลาตอนเย็น!
เห็นไหมครับว่า ยุคคริสตจักรทั้งหลายได้ล้มลงอย่างไร ... ลูเทอร์ ... อ. เปาโล ย้อนกลับไปในยุคแรก จากนั้นลงมาในแถวของอิเรนาอุสและยุคอื่นๆ ต่อลงไปในประเทศฝรั่งเศส จากที่นั่นเข้ามาในประเทศเยอรมนี, ข้ามไปสู่ประเทศอังกฤษอย่างต่อเนื่องไปทางทิศตะวันตก และตอนนี้พวกเราไม่สามารถไปได้ไกลอีกแล้วครับ นี่คือยุคสุดท้าย! และสิ่งที่พระคัมภีร์ไบเบิลพูดเกี่ยวกับยุคสุดท้ายนี้หรือครับ? ดูเถิดครับ โดยตามภูมิศาสตร์, โดยตามลำดับเหตุการณ์, ทุกหนทางที่คุณทั้งหลายอยากจะใช้มันเกี่ยวกับฝ่ายวิญญาณเป็นลำดับแรก แน่นอนครับ ข้อพระคัมภีร์เป็นลำดับแรก, หลักฐาน, ประวัติศาสตร์ ทุกทางที่พวกคุณต้องการที่จะใช้มัน พวกเราอยู่ที่จุดปลายครับ คริสตจักรยุคสุดท้าย
และจับตาดูครับ ขณะที่มันได้ดำเนินไปข้างหน้ามันได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและแข็งแรงขึ้น และดังนั้นมีชนกลุ่มน้อยเล็กมากๆ ของคริสตจักรที่เติบโตขึ้นจากการพิพากษา, การชำระให้บริสุทธิ์, การบัพติศมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และตอนนี้ไปยังศิลาก้อนบนสุด, กำลังสร้างตัวเองขึ้นมา ไม่มีองค์กรเพิ่มขึ้นอีกแล้วหลังจากนี้ จะไม่มีเพิ่มขึ้นอีกแล้วครับ ไม่อาจจะมีได้ ดูเถิดครับ พวกเราอยู่ทางทิศตะวันตก
เพียงเพื่อแสดงให้พวกคุณเห็นผ่านทุกประเภทและทุกอย่างอื่นๆ ครับ และมองดูที่การกระโดดสามครั้ง, การดึงครั้งที่สาม พวกเราจะได้รับในคืนนี้ (ดูเถิดครับ) พวกเราอยู่ที่ยุคสุดท้ายอย่างไรครับ มันก็แค่...
s-u-n ดวงอาทิตย์ได้เดินทางเหมือน S-o-n พระบุตร S-o-n ออกเสียงเหมือน s-u-n คริสตจักรได้มาในสิ่งเดียวกันจากคริสตจักรเจ็ดยุคและอื่นๆ อารยธรรมได้เคลื่อนต่อไปทางทิศตะวันตกและคริสตจักรได้เคลื่อนต่อไปทางทิศตะวันตก และตอนนี้ถ้าพวกเราจะไปไกลกว่าสิ่งที่พวกเราเป็นตอนนี้ พวกเรากลับมาทางทิศตะวันออกอีกครั้งหนึ่ง พวกคุณออกจากชายฝั่งตะวันตกพวกคุณกลับเข้าไปในประเทศจีน, ญี่ปุ่น, กลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง เจ็ดพันไมล์ข้ามไปพวกคุณกลับไปทางทิศตะวันออกอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นตะวันออกและตะวันตกได้พบกัน นั่นคือทั้งหมดของมัน พวกเราอยู่ในจุดปลาย ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว
และสิ่งเดียวกันที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่เกิดขึ้นกลับไปที่นั่น สิ่งเดียวกันที่ได้พบกันที่ทางทิศตะวันตกที่ถูกพบในทางทิศตะวันออก ผู้คนที่อาศัยอยู่ในแสงจ้าของแสงสว่างอีกแสงหนึ่งที่แน่นอนครับว่า พยายามที่จะแสดงแสงสว่างออกมาที่จะมาและปฏิเสธมันเพราะพวกเขามีแสงจ้าแทนแสงสว่าง โอ้! และมีแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินของคนต่างชาติเศบูลุน, นัฟทาลีในแคว้นกาลิลี ดินแดนของคนต่างชาติ"
นี่คือคริสตจักรยุคที่เจ็ด จำได้ไหมครับและแต่ละครั้งที่ดวงอาทิตย์เริ่มต้นที่จะส่องแสงในทางทิศตะวันออกเป็นดวงอาทิตย์ดวงเดียวกันที่ส่องสว่างในทางทิศตะวันตก และพระวิญญาณองค์เดียวกันที่ได้ทรงสถิตอยู่ลงมาผ่านยุคเช่นนั้นทั้งหมดคือดวงอาทิตย์ดวงเดียวกันวันนี้ มันเป็นเพียงสิ่งนั้นเท่านั้นหรือครับ? เพียงเช่นเดียวกับการทำให้สุกงอมตามฤดูกาล ดวงอาทิตย์ที่ตอนนี้จะเป็นดวงอาทิตย์ดวงเดียวกันกับที่ทำให้เมล็ดข้าวสุกงอมฤดูใบไม้ร่วงนี้ ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ดูเถิดครับ แต่มันคืออะไรเล่าครับ? มันเป็นดวงอาทิตย์ดวงนี้บวกกับสิ่งที่มันจะเป็น และวันนี้ในยุคสุดท้ายนี้คือสิ่งที่พวกเขาเป็นบวกกับสิ่งนี้ และพวกเขาก็ยังต้องการที่จะอาศัยอยู่กลับไปที่นั่นเป็นดั่งคนแคระ ลงไปในชั้นใต้ดินเข้าไปในคณะนิกายเดิมๆ ที่อับชื้น และลัทธิความเชื่อและดึงผ้าม่านของพวกเขาลงและพูดว่า “ผมเพิ่งปฏิเสธที่จะเห็นมัน มันไร้สาระทั้งหมด" และเมื่อพระคัมภีร์ไบเบิลแท้ๆ ที่พวกเขาอ้างว่าเชื่อกำลังถูกระบุโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกันที่ทรงกำลังนำความสว่างเช้ามาในยุคสุดท้าย
พวกคุณสังเกตเห็นไหมครับ ... และจับตาดูอย่างใกล้ชิดจริงๆ ที่นั่นในพระธรรมมาลาคีว่าเขาได้ถูกกำหนดให้เป็นอย่างไรว่า “จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ?” ดูเถิดครับ พระวิญญาณองค์เดียวกันที่ฟื้นคืนพระชนม์กลับไปที่โน่น ซึ่งฟื้นขึ้นที่นี่อีกครั้งหนึ่ง องค์เดียวกันหรือไม่ครับ? ดูเถิดครับ เพียงในทางกลับกันอย่างแน่นอน นั่งอยู่กลับไปอีกครั้งหนึ่ง เพราะสาเหตุใดเล่าครับ? ตะวันออกและตะวันตกได้พบกัน ดูเถิดครับ เพียงแค่อยู่ภายใต้ใบหน้าของพวกเราและพวกเขาก็ยังไม่เห็นมัน ทำไมเล่าครับ? ไม่น่าแปลกใจที่พระเยซูตรัสว่า “ช่างเถิด ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองคนจะตกลงไปในบ่อ"
แสงสว่างของยุคอื่นๆ ได้สะท้อนแสงสว่างนี้เท่านั้น ดูเถิดครับ ดวงอาทิตย์ในวันนี้เพียงแต่สะท้อนเท่านั้น-เป็นภาพสะท้อนของดวงอาทิตย์ที่จะเป็นในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคมนี้ ถ้าหากพระเจ้า ... สำหรับการเก็บเกี่ยว และดวงอาทิตย์ของลูเทอร์, มาร์ติน ลูเทอร์, และเวสลีย์, และแซนคีย์, ฟินเนย์, น็อกซ์, คาลวิน, มู้ดดี้, และคนอื่นๆ ทั้งหมดของพวกเขา เหล่าบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ย้อนกลับไปที่นั่นที่มีแสงสว่างนั้น และจอห์น สมิธ แห่งคริสตจักรแบ๊บติสต์, และอเล็กซานเดอร์ แคมป์เบลแห่งคริสตจักรแคมเบลไลท์ หรือที่รู้จักกันในนาม สาวกของพระคริสต์, คริสตจักรคริสเตียน, และชื่ออะไรก็ตามที่พวกเขามีสำหรับพวกเขา ทุกๆ คนพวกเขาย้อนกลับไปที่นั่นในยุคทั้งหลายของพวกเขาเป็นเพียงภาพสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่มันจะอยู่ที่นี่ในตอนสุดปลาย
และจากนั้นที่นี่บุตรทั้งหลาย ทันทีหลังจากที่พวกเขาพวกผู้ก่อตั้ง สิ่งใดที่พวกเขากระทำเล่าครับ? พวกเขาไม่ได้อยู่บนก้าน พวกเขาดึงออกไปจากมันและทำให้ตัวของพวกเขาเองเป็นแกลบเล็กๆ ข้างนอกที่นี่ที่พวกคุณได้อยู่ห่างจากแหล่งที่มาที่แท้จริงของชีวิต พวกคุณไม่มีชีวิต (จุดว่างบนเทป) พระเยซูทรงมีโต๊ะขนมปังที่บรรดาธรรมิกชนของพระเจ้ามีการรับประทานอาหารที่สุกของวันนั้นด้วยแสงสว่างแห่งพระกิตติคุณที่-ได้รับการพิสูจน์ให้เห็น (คำไม่ชัดเจน) ที่นี่ในวันนี้ บรรดาธรรมิกชนรับประทานขนมปัง
เพียงแค่คิดครับว่า แกลบเก่าของเมื่อวานนี้ (ดูเถิดครับ) อย่าปลูกมันกลับไปที่นั่นครับ มันเน่าเสีย มันไม่สามารถอยู่กับมัน ไม่ครับท่าน! มันจะไม่ทำอะไร ไม่ดีครับ มันจะไม่เติบโต มันออกจากชีวิต และพระวจนะเป็นชีวิต นั่นแหล่ะครับ แกลบตกลงมาครับ เส้นใยเก่าเล็กๆ ร่วงหล่นไป สิ่งทั้งหลายเหมือนอย่างนั้น มันเป็นเพียงแค่เกี่ยวกับคณะนิกายตัวของมันเองและตกลงมาครับ มันปฏิเสธที่จะดำเนินไปกับชีวิต แต่แสงสว่างพิสูจน์ให้เห็นมัน โอ้! ใช่ครับท่าน! ของเมื่อวานนี้ ... โอ้!
พวกเราควรจะต้องเห็นสิ่งนั้นได้อย่างไรครับ เห็นว่าสิ่งที่เน่าเสียของเมื่อวานนี้, จงอย่ากินพวกมันในวันนี้ ดูเถิดครับ มันมีหนอนอยู่ในนั้นครับ พวกคุณรู้จักตัวหางกระดิกเล็กๆ เหล่านี้ที่ผมเรียกพวกมันหรือไม่ครับ? ผมไม่ทราบครับ; ผมไม่ทราบอะไรมากเกี่ยวกับชีวิตของเชื้อโรค แต่ผมทราบว่าพวกเรามักจะเรียกพวกมันว่า ตัวหางกระดิก, มันจะเข้าไปในทุกสิ่งที่มันเริ่มจะเน่าเสียเล็กน้อย ดูเถิดครับ ผมไม่ต้องการมันแล้ว ถ้าหากพวกคุณพอใจกับมัน ก็เชิญเถิดครับ แต่ไม่ใช่ผม
แต่จำได้ไหมครับว่า ... พวกคุณบอกว่า “แล้วทำไมมันดีเมื่อวานนี้เล่า?" ถ้าหากพวกคุณรู้เท่านั้นว่า เปลือกของแกลบเล็กๆ ที่อยู่ในข้าวสาลีที่จุดเริ่มต้น ถ้าหากมันอาศัยอยู่ในเมล็ดข้าวก็จะทำให้เป็นเมล็ดข้าวต่อไป นั่นคือสิ่งจริงๆ ที่ทำให้เป็นดอกไม้ข้าวสาลีเป็นสิ่งที่เป็นเมื่อวานนี้ แต่ถ้าหากมันแยกตัวของมันเองออกมาจากเมล็ดข้าวและไม่เติบโต ดังนั้นมันออกไป ดูเถิดครับ แต่ถ้าหากมันดำเนินผ่านกระบวนการของการให้ชีวิต ขณะที่มันตายไป มันก็แค่ผสมผสานเข้าไปในอย่างอื่นและทำให้เป็นเมล็ดข้าว ถ้าหากมันไม่เป็น มันมาจากไหนเล่าครับ? อาเมน! เข้าใจไหมครับ?
เช่นเดียวกับพระราชินีแห่งอังกฤษ ครั้งหนึ่งที่พระนางเสด็จไปยังบริษัทกระดาษที่ใหญ่แห่งหนึ่ง และพระนางทรงบอกว่าพระนางอยากจะเห็นโรงงานกระดาษแห่งนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงนำพระนางมาทรงเยี่ยมชมโรงงานกระดาษ (หลายปีที่ผ่านมาก่อนที่พวกเขาจะไปทำเยื่อกระดาษและสิ่งต่างๆ ดังนั้นพวกเขา-ทำกระดาษออกมาจากมัน) ดังนั้นพวกเขา ... หลังจากสักครู่หนึ่งพระนางเสด็จเข้ามาในห้องที่ไม่มีอะไรนอกจากกองผ้าขี้ริ้วสกปรกเก่าๆ กองใหญ่ และพระนางทรงถามว่า “สิ่งนี้มาจากที่ใด? สิ่งนี้คืออะไร?" "โอ้” พระนางทรงถาม ...
ประธานของโรงงานทูลตอบว่า “นี่คือสิ่งที่พวกเราจะทำให้เป็นกระดาษออกมาจากผ้าขี้ริ้วสกปรกเหล่านี้"
พระนางทรงถามว่า “สิ่งนั้นใช้ทำกระดาษหรือ?"
"ใช่แล้วครับ!” จากนั้นพระนางแทบจะไม่เชื่อมัน ดังนั้นหลังจากที่พระนางเสด็จกลับไปแล้ว คนที่นำกองผ้าขี้ริ้วสกปรกกองเดียวกันมาก็นำพวกมันไปผ่านกระบวนการบางอย่างและนำพวกมันออกมาเป็นกระดาษที่บริสุทธิ์, สะอาด พวกคุณรู้ไหมครับ ... ได้ผ่านกระบวนการและทำให้เป็นจริง และใส่รายละเอียดของพระนางอยู่ในมัน และได้ส่งมันไปกับภาพสะท้อนของพระนางด้วยตัวของพระนางเองในสิ่งนี้ที่พระนางทรงเรียกว่า พวกผ้าขี้ริ้วสกปรก
ตอนนี้นั่นเป็นสิ่งที่มันเป็น สิ่งทั้งหลายที่ตายแล้วของเมื่อวานนี้, คำเทศนาของลูเทอร์, คำเทศนาของเวสลีย์, คำเทศนาของเพนเทคอสต์ ถ้าหากมันสามารถไปผ่านกระบวนการของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าในพระวจนะแห่งการพิสูจน์ให้เห็น มันจะนำไปสู่ภาพสะท้อนของพระเยซูคริสต์จอมกษัตริย์ อาเมน! แต่ถ้าหากพวกคุณปล่อยให้มันวางอยู่เฉยๆ มันก็เป็นพวกผ้าขี้ริ้วสกปรก ดูเถิดครับ มันต้องได้รับการปั้นเป็นอย่างอื่น
ลูเทอร์ต้องได้รับการปั้นให้เป็นเวสลีย์ และเวสลีย์ต้องได้รับการปั้นให้เป็นเพนเทคอสต์ และเพนเทคอสต์ต้องได้รับการปั้นให้เป็นพระคริสต์ มันดำเนินผ่านกระบวนการครับ ดังนั้นมีพระกิตติคุณที่ได้ผ่านไปตลอดกระบวนการหนึ่ง มันกำลังอยู่ในกระบวนการครับ ยุคของลูเทอร์เป็นยุคของการถูกนับว่าชอบธรรมที่พวกเราเชื่อนั้น ยุคของเวสลีย์เป็นยุคของการชำระให้บริสุทธิ์ที่พวกเราเชื่อนั้น ยุคเพนเทคอสต์เป็นยุคของการฟื้นฟูของของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พวกเราเชื่อนั้น แน่นอนครับแต่ถ้าปั้นมันทั้งหมดเข้าด้วยกัน สิ่งใดที่พวกคุณได้มาด้วยหรือครับ? พระเยซูคริสต์ที่ทรงเป็นเหมือนเดิมเช่นเมื่อวานนี้, วันนี้, และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ พระสิริ! พวกคุณออกมากับพระเยซู
เมื่อชายคนหนึ่งในโรงหล่อกำลังทำระฆังอยู่ เขามีโทนเสียงที่แน่นอนที่เขาจะใช้มัน เมื่อเขากำลังตั้งค่าแม่พิมพ์ของเขาและกำลังเทเหล็กของเขา เขาใส่ทองเหลืองลงไปมาก เหล็กมาก ทองแดงมาก เหตุใดเล่าครับ? เขาเพียงแค่รู้ว่ามากเท่าไหร่ที่จะใส่ไปในที่ที่จะให้มันมีเสียงที่ใช่ และนั่นคือสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำกับเจ้าสาวของพระองค์ พระองค์ทรงต้องใส่ลูเทอร์มากเท่าใด, เมธอดิสท์มากเท่าใด, และเพรสไบทีเรียนมากเท่าใด, เพนเทคอสต์มากเท่าใดในนั้น แต่สิ่งใดที่พระองค์ได้ออกมาเล่าครับ? ภาพสะท้อนของพระองค์เอง มันเป็นเพราะเหตุใดเล่าครับ? เช่นเดียวกับข้อความของปิรามิด พวกคุณเห็นมันซ้อนกันสูงขึ้นจนมันมาถึงชนกลุ่มน้อยสำหรับศิลาก้อนบนสุด พันธกิจของพระเยซูคริสต์บนโลกจะต้องเป็นเช่นเดียวกับพันธกิจที่พระองค์ทรงมีหรือพระองค์มิอาจจะเสด็จมาถึงมันได้ เช่นเดียวกับศีรษะไปที่เท้าของเท้าไม่ใช่ศีรษะ แต่ศีรษะก็ทำงานร่วมกันกับเท้า หรือทำให้เท้า ... บอกมันว่าจะไปที่ไหน พวกคุณเข้าใจหรือไม่ครับ? อย่างสวยงาม มันเป็นแสงสว่างของ ณ เวลานี้
เวสลีย์ก็เป็นความสว่างที่ยิ่งใหญ่ เหมือนอย่างที่พระองค์ตรัสแก่ยอห์นผู้ให้บัพติศมาว่า เขาเป็นความสว่างที่ยิ่งใหญ่ ณ เวลาของเขา เขาก็เป็นแน่นอนครับ
ไม่ ... ใช่ครับ! พวกผ้าขี้ริ้วที่สะอาด ... หรือพวกผ้าขี้ริ้วที่สกปรกของเมื่อวานนี้ ถ้าหากพวกคุณยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่ มันก็ ... มันก็จะกลายเป็นพวกผ้าขี้ริ้วที่สกปรกอยู่ตลอดเวลา มันทำหน้าที่ตามจุดประสงค์ของมันเป็นเสื้อผ้า แต่ตอนนี้มันกลายเป็นกระดาษ การถูกนับว่าชอบธรรมทำหน้าที่ในเวลาของมันในการถูกนับว่าชอบธรรมภายใต้ลูเทอร์ จากนั้นมันได้กลายเป็นการชำระให้บริสุทธิ์ในเวสลีย์ และการชำระให้บริสุทธิ์ได้ทำหน้าที่ในเวลาของมันจนกลายเป็นการบัพติศมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และการบัพติศมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทำหน้าที่ของมันจนกระทั่งพระวิญญาณบริสุทธิ์-ซึ่งมีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น-ทรงผสมผสานเข้าไปในคริสตจักร และคริสตจักรเข้าไปในพระคริสต์ ที่ทำให้พระเยซูคริสต์ได้ทรงสะท้อนให้เห็นบนโลก สิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ที่นี่ในพระคัมภีร์ไบเบิล อาจจะไม่เชื่อมัน ผมไม่สามารถทำให้พวกคุณทำอย่างนั้นได้ ผมเพียงมีความรับผิดชอบสำหรับพระวจนะ ดูเถิดครับ นั่นแหล่ะครับ
ดังนั้นพวกคุณเห็นมันไหมครับ? พวกคุณเห็นสิ่งนั้นไหมครับ? ถ้าพวกคุณเห็น มันจะเป็นเหมือนคนๆ นั้นที่ครั้งหนึ่งได้ไป ... ได้เดินทางไปเมืองเวลส์ในช่วงเวลาของการฟื้นฟูแห่งเวลช์ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ได้เดินทางออกมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นพวกเขาลงไปและพวกเขาบอกว่าพวกเขาต้องการที่จะค้นหาอาคารใดที่พวกเขากำลังจัดงานฟื้นฟูแห่งเวลช์นี้อยู่ หลายคุณจำงานฟื้นฟูแห่งเวลช์ได้หรือไม่ครับ งานฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ที่ระอุท่ามกลางพวกคนเวลช์ในเมืองเวลส์ ดังนั้นผู้คนเหล่านี้ บรรดาพันธกรผู้ยิ่งใหญ่มากมายเหล่านี้และอื่นๆ ได้เดินทางไปจากประเทศสหรัฐอเมริกา ด๊อกเตอร์แห่งศาสนศาสตร์ของพวกเขาต้องการที่จะไปที่นั่นและดูว่าสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้กระทำ พวกคุณทราบครับ ดังนั้นพวกเขาจึงเดินไปตามถนนและพวกเขากล่าวว่า ... ได้พบกับตำรวจสูงอายุร่างเล็กผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บนหัวมุมรอบๆ สโมสรของเขา พวกคุณทราบครับ และผิวปากเหมือนอย่างนั้น พวกเขากล่าวว่า "โอ้ เขาเพียงแค่ผิวปาก พวกเราอาจจะขึ้นไปเห็นเขาเห็นสิ่งที่เขากำลังจะทำ-ถามคำถามเขา" ดังนั้นพวกเขาจึงขึ้นไปหาเขาและถามว่า "คุณครับ งานฟื้นฟูแห่งเวลช์อยู่ที่ไหนครับ?"
เขาเอียงหมวกของเขา เขาตอบว่า "คุณครับ งานฟื้นฟูแห่งเวลช์จัดขึ้นในที่นี่!" ในใจของเขา โอ้ นั่นเป็นมัน เขาอยู่งานฟื้นฟูแห่งเวลช์ โอ้ พระเจ้า ถ้าหากพวกเราสามารถเข้าใจว่า พวกเราเป็นภาพสะท้อนของพระเยซูคริสต์ พระวจนะของพระองค์ที่ได้รับการสำแดง พวกคุณเป็นภาพสะท้อนของพระวจนะของพระองค์ ดูเถิดครับ
"งานฟื้นฟูแห่งเวลช์จัดขึ้นที่ไหนครับ?” อยู่ในอาคารใดครับ?"
เขาตอบว่า "ท่านครับ มันอยู่ในใจของผม" พระองค์ทรงเป็นงานฟื้นฟูแห่งเวลช์ นั่นแหล่ะครับ
และในวันนี้คริสตจักรควรจะเป็นพระเยซูคริสต์ในการปฏิบัติบนแผ่นดินโลก “เพราะว่าเราดำรงอยู่ คนทั้งหลายดำรงอยู่ด้วย และชีวิตของเราจะอยู่ในคนทั้งหลาย การงานที่เราทำ ท่านทั้งหลายจะทำด้วย” ดูเถิดครับ คริสตจักรต้องไปยังสถานที่นั้นที่จะ ... และพระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ว่าจะทรงกระทำมันและมันจะ มันก็จะมาแบบนั้น ดังนั้นพวกคุณเห็นไหมครับ นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเราต้องเป็นแบบนั้น
พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง ดังนั้นโนอาห์ก็เป็นแสงสว่างในยุคของเขา เขาก็เป็นแสงสว่าง โนอาห์ก็เป็นแสงสว่างนั้น เขาเป็นแสงสว่างสำหรับอะไรเล่าครับ? เพื่อจะทำให้พระวจนะของพระเจ้า “เราจะทำลายมนุษย์บนแผ่นดินโลกที่เราได้สร้างมา จงต่อเรือ และคนทั้งหลายที่ปรารถนาจะเข้ามาข้างในนั้นจะได้รับความรอด"
โนอาห์ได้เดินออกมาจากที่นั่นและกล่าวว่า “เรามีวิธีเดียวเท่านั้น และนั่นคือเรือ"
พวกเขากล่าวว่า “ชายชราผู้บ้าคลั่งบ้า" เขาเป็นพระวจนะที่ได้รับการสำแดงแล้ว! โนอาห์เป็นแสงสว่างของ ณ เวลานั้น ใช่แน่นอนครับ ในยุคของเขาในช่วงอายุของเขาเขาได้ฉายแสงออกมา
โมเสสเป็นแสงสว่าง ณ เวลาของเขา พระเจ้าได้ตรัสกับอับราฮัมว่า “เราจะมาเยี่ยมเยียนท่านอย่างแน่นอน" "เราจะลงมา และเราจะนำประชาชนออกมาด้วยมืออันเข้มแข็ง และเราจะแสดงฤทธิ์อำนาจของเราในอียิปต์" และเมื่อโมเสสขึ้นมาที่นั่นพบพุ่มไม้ที่ลุกไหม้ขึ้นที่นั่นและพบพระเจ้าซึ่งเราเป็นทรงอยู่ในพุ่มไม้นั้น โมเสสก็ลงไปที่นั่นและเขาก็เป็นแสงสว่าง อาเมน! ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะใช้ผงคลีและเป่ามันและกล่าวว่า "จงเกิดฝูงหมัดขึ้นมาบนแผ่นดินโลก” เขามีพระวจนะของพระเจ้า เกิดอะไรขึ้นเล่าครับ? ผงคลีเริ่มพัดและหมัดเริ่มที่จะเกิดขึ้นมา สรรเสริญพระเจ้า! ทำไมเล่าครับ? เขาเป็นการสำแดงของแสงสว่างแห่งพระวจนะของพระเจ้าว่า “เราจะทำให้เกิดภัยพิบัติในอียิปต์" เขาเป็นผู้เผยพระวจนะ สิ่งที่เขาพูดได้เกิดขึ้น เขาเป็นแสงสว่างของวันนั้น เขาเป็นแสงสว่างของพระเจ้า
ฟาโรห์อาจจะทรงเคยมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการที่จะมี และส่วนที่เหลือของพวกเขา, ปุโรหิตทั้งหมดมีสิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่โมเสสเป็นแสงสว่าง ทำไมเล่าครับ? เขากำลังแสดงพระวจนะของพระเจ้าให้เป็นที่ประจักษ์ พระเจ้าทรงสัญญาว่า "เราจะนำเขาออกมาด้วยมืออันเข้มแข็ง และเราจะได้รับสง่าราศีของเราเอง” นั่นคือสิ่งที่พระองค์ทรงกำลังกระทำอยู่ นั่นคือเหตุผลที่โมเสสได้รับการพิสูจน์ว่าเขาสามารถสร้าง, มิใช่เพราะเขาต้องการที่จะสร้าง เพราะพระเจ้าทรงบอกให้เขาทำ ไปที่ชุมนุมกล่าวว่า “พรุ่งนี้ ... พระยาเวห์เพิ่งตรัสกับข้าพเจ้าว่า 'จงใช้ฝุ่นละอองกำมือหนึ่งและโปรยขึ้นไปในท้องฟ้าเช่นนี้และสั่งมัน ไม่มีใครอยู่ที่นี่ แต่มันจะมีอยู่ที่นั่น'" อาเมน! โอ้ ผมหวังว่าพวกคุณไม่ได้หลับนะครับ โอ้ การสำแดง
เขากล่าวว่า “เราถูกส่งมา พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของพวกเราอย่างแน่นอนครับ พระองค์อาจจะทรงเยี่ยมเยียนพวกเราข้างล่างที่นี่และทรงรับพวกเราออกไป ผมได้มาเพื่อพิสูจน์แก่พวกคุณว่าเวลานั้นใกล้แค่เอื้อม กำจัดสิ่งที่พวกคุณมี ไปกันเถิดครับ"
บางคนในพวกเขากล่าวว่า "ดีล่ะ ผมเชื่ออย่างนั้น ... " นาธานกล่าวไว้ ข้าพเจ้าไม่คิดว่ามีความรีบร้อนใดๆ พวกเราทั้งหมดไม่ควรจะตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้" และดูเหมือนว่ามันล้มเหลวสี่หรือห้าครั้ง แต่เพียงเหมือนกัน มันเคลื่อนต่อไป
พวกเขาคิดว่า ... พวกเขาออกมาและกล่าวว่า “พวกเราไม่ต้องการโมเสสผู้นี้ นำเขาออกไปจากพวกเราเถิด พวกเราไม่ต้องการให้เขาอยู่ในกลุ่มของพวกเราที่นี่" อย่างไรก็ตามโมเสสเพียงเคลื่อนต่อไป เพราะเขาเป็นแสงสว่าง เขาเป็นแสงสว่างของเวลานั้น สิ่งที่เขามี มันคืออะไรครับ? พระเจ้าทรงสำแดงพระวจนะที่ได้ทรงสัญญาไว้ของพระองค์ผ่านโมเสส และโมเสสเป็นแสงสว่าง
เอลียาห์เป็นแสงสว่าง “จงออกไปที่นั่นและนั่งอยู่บนเนินเขานั้น เราได้สั่งฝูงกาให้เลี้ยงเจ้า" อาเมน!
ใช่ครับท่าน! เขากลับลงมากับ "พระเจ้าตรัสดังนั้น จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในปีเหล่านี้ฉันนั้น นอกจากตามคำของข้าพระบาท" อาเมน! “ดวงอาทิตย์อาจจะส่องแสง ท่านทั้งหลายอาจจะสั่งเมฆทั้งหมดและทำสิ่งที่พวกท่านต้องการได้ แต่จะไม่มีแม้แต่น้ำค้างลงมา นอกจากตามคำของข้าพระบาท" เขาเป็นอะไรเล่าครับ? แสงสว่าง! สรรเสริญพระเจ้า! เขาเป็นแสงสว่าง เขาเป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ได้รับการสำแดง
พวกเขาคิดว่าเขาเป็นคนบ้าที่นั่งอยู่ที่นั่น เขามีพวกผู้ส่งอาหารเลี้ยงดูเขา และพวกเขาอดอาหารเกือบตาย พวกเขาต้องการที่จะอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณี เชิญเถิดครับ ไม่ใช่โมเสส ... หรือไม่ใช่เอลียาห์ เขาอาศัยอยู่ในความสว่าง ลุกขึ้นนั่งข้างลำธารเครีทและก็มีช่วงเวลาที่ดี และมีอาหารและคนบางคนที่จะดูแลเขาและทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขาคิดว่าเขาเป็นคนบ้า แต่เขาก็เป็นแสงสว่าง
พวกเขากล่าวว่า “เฮ้, สิ่งใดที่กลายเป็นลูกกลิ้งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเรามีอยู่รอบๆ ที่นี่เล่าครับ? พวกคุณทราบไหมครับว่า ใครบางคนกำลังล่าสัตว์ในวันก่อน และบอกว่าพวกเขาเห็นเขากำลังก่อตัวอยู่ที่นั่นโดย ... ทางขึ้นไปด้านบนภูเขานั้น ผมเดิมพันที่เพื่อนเก่าผู้นั้นว่ามันจะแห้งแล้วในเวลานี้" โอ้ ไม่ครับ! เขาเป็นแสงสว่าง เขาเป็นแสงสว่าง เขาเป็นแสงสว่างของพระเจ้าแห่งยุคของเขา
ยอห์นเมื่อเขามาถึงแผ่นดินโลกและออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อจะได้รับการศึกษาของเขาจากพระเจ้า ไม่ใช่การสัมมนา เขาต้องบอกเรื่องพระเมสสิยาห์ ... ดังนั้นเมื่อเขาล่วงหน้าไป พระเยซูตรัสว่า เขาเป็นแสงสว่างที่กำลังฉายแสงและเจิดจ้า สรรเสริญพระเจ้า! ทำไมเล่าครับ? เขาเป็นพระวจนะที่ได้รับการสำแดง อิสยาห์กล่าวดังนั้นครับ นั่นแหล่ะครับ! เขาจะส่งเสียงในถิ่นทุรกันดารร้องไห้กล่าวว่า “จงเตรียมมรรคาของพระยาห์เวห์ในถิ่นทุรกันดาร จงทำทางหลวงในที่ราบแห้งแล้งให้ตรงสำหรับพระเจ้าของเรา" เขาต้องร้องไห้, หนึ่ง ... เสียงของผู้ที่ร้องไห้ในถิ่นทุรกันดาร ที่นี่เขาล่วงหน้าไป เขาเป็นอะไรเล่าครับ? เสียงของผู้ร้องไห้ในถิ่นทุรกันดาร เขาเป็นอะไรเล่าครับ? การสำแดงของพระวจนะ, แสงสว่าง เช่นเดียวกับที่พระเจ้าตรัสในพระธรรมปฐมกาลที่ได้พูดนี้ และที่นี่มันก็มีชีวิต ดั่งที่พระองค์ตรัสว่า “จงให้มีดวงสว่างเป็นดวงอาทิตย์” ก็มีดวงอาทิตย์ขึ้นมา ดังนั้นพระองค์ตรัสว่า มีเสียงผู้ร้องไห้ในถิ่นทุรกันดาร ที่นี่มันออกมา เขาเป็นแสงสว่างของเวลานั้น
นอกจากนี้เขายังได้กล่าวไว้ในยุคสุดท้าย (อาเมน!) แสงสว่างของ ณ เวลานี้, การร้องไห้ในถิ่นทุรกันดารแห่งเมืองบาบิโลน “จงออกมาจากนครนั้นเถิด ชนชาติของเราเอ๋ย เพื่อเจ้าจะไม่มีส่วนกับบาปของนครนั้น และเพื่อเจ้าทั้งหลายจะไม่ต้องรับ ภัยพิบัติของนครนั้น"
ยอห์นกล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า “ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว” ไม่มีแม้แต่การศึกษา ไม่ได้เทศนาเหมือนกับแม้แต่นักเทศน์ เขาได้เทศนาเกี่ยวกับมารร้าย, และกิ่งไม้, และต้นไม้, และขวาน, และสิ่งทั้งหลาย สิ่งที่เขาเคยใช้ในถิ่นทุรกันดาร เขาไม่ได้เติบโตขึ้นมาในบางสิ่งบางอย่างที่สวยงามดีและยิ่งใหญ่เหมือนที่พวกเขามีในยุคนี้ และเช่นเดียวกับที่พวกเขามีในยุคนั้น เขาออกมาด้วยภาษาของเขาเอง เขาไม่ได้ยืนและพูดว่า "อาเมน!” และทำความเคารพของเขาทั้งหมดอย่างสวยงาม เขาออกมา, ออกมาจากถิ่นทุรกันดาร (คำไม่ชัดเจน) กล่าวว่า “พวกคุณไม่เริ่มที่จะคิดหรือว่า 'ผมอยู่ในคณะนิกายนี้ และผมอยู่ในคณะนิกายนั้น' พระเจ้าทรงสามารถที่จะยกศิลาเหล่านี้บุตรทั้งหลายของอับราฮัมขึ้นมา"
พวกคุณไม่คิดหรือครับว่า เพราะว่าพวกคุณเป็นเมธอดิสท์, แบ๊บติสต์, เพรสไบทีเรียน โดยพวกคุณได้ยึดถือสิ่งใดกับพระเจ้า พระเจ้าทรงสามารถที่จะใช้พวกคนเมาเหล้าและพวกโสเภณีที่อยู่ข้างนอกบนถนนและทรงกระทำให้พวกเขาเป็นบรรดาธรรมิกชน ใครสักคนที่จะฟังเขา และใครสักคนที่จะเชื่อเขา
เขากล่าวด้วยว่า “ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว และทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องถูกตัดแล้วโยนทิ้งในกองไฟ” ดังนั้นสิ่งนั้นจึงเป็นคำเทศนาของเขา เขาเป็นแสงสว่างของวันนั้น
พระเยซูตรัสว่า “เขาเป็นโคมที่จุดสว่างไสว และพวกคุณก็พร้อมจะชื่นชมยินดีในความสว่างของเขาชั่วขณะหนึ่ง"
และสิ่งใดที่ยอห์นผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้เล่าครับ? "คุณผู้นั้นยืนอยู่ในหมู่พวกคุณในขณะนี้ แม้แต่สายรัดรองเท้าของคุณ ผมก็ไม่สมควรที่จะแก้ และทันทีที่พระองค์เสด็จมาในที่นั้น ผมกำลังจะหมดหน้าที่" โอ้! เพราะพระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง ไม่มีสองหรือสามแสงสว่าง ไม่มีสี่หรือห้าองค์กรที่แตกต่างกัน มีแสงสว่างหนึ่ง มีไม่เมธอดิสท์, ลูเทอแรน, เพรสไบทีเรียน พระคริสต์ทรงเป็นแสงสว่าง และแสงสว่างเป็นพระวจนะ และพระวจนะได้เป็นแสงสว่างของเวลานี้ “จงเกิดความสว่างและความสว่างก็เกิดขึ้น” ใช่ครับท่าน! จงเกิดความสว่างและความสว่างก็เกิดขึ้น
พระองค์ตรัสว่าจะเกิดความสว่างขึ้นในวันนี้และความสว่างก็เกิดขึ้น พระองค์กำลังเสด็จมา ผมเชื่อครับ
มองดูที่พระสัญญาทั้งหลายของยุคนี้ครับ โอ้! ทุกๆ แสงสว่างที่เคยฉายแสง ... ยุคคริสตจักรทั้งหลายที่พวกเราเห็นวิธีที่พวกเขา ... มันเป็นสายตาน่าสงสารที่จะเห็นการปฏิเสธ ... พระธรรมวิวรณ์บทที่ 3-ผมได้เขียนลงที่นี่ พระธรรมวิวรณ์ บทที่ 3 และผมทราบสิ่งที่ผมกำลังเทศนาอยู่
มองไปในพระสัญญาของ ณ เวลานี้, พวกเรากำลังอาศัยอยู่ในอะไรครับ แสงสว่างที่ถูกปฏิเสธ พวกเขาได้กระทำสิ่งใดเล่าครับ? พวกเขาปฏิเสธมันกลับไปยังที่นั่น ทำไมเล่าครับ? พวกเขาอาศัยอยู่ในแสงจ้า พวกเขากำลังทำอะไรในวันนี้ครับ? สิ่งเดียวกันครับ “ดีล่ะครับ พวกคุณเป็นคริสเตียนหรือครับ?"
"ดีล่ะครับ ผมเป็นลูเทอแรน!"
"ผมเป็นแบ๊บติสต์"
"ผมเป็นเพรสไบทีเรียน" นั่นไม่ได้หมายถึงสิ่งหนึ่งสำหรับพระเจ้า ก็อาจจะพูดด้วยว่า คุณเป็นสุกร, หมู, หรือสิ่งอื่นที่คุณต้องการที่จะเรียกตัวของคุณเอง ดูเถิดครับ นั่นประมาณว่ามันหมายถึงมากเพียงใด ไม่ ...ไม่คำนึงถึงคุณ แต่ถ้าหากพวกคุณกำลังนำมันไปยังส่วนพื้นฐาน นั่นแหล่ะครับ ผมถามคำถาม: คริสเตียนหรือครับ? นั่นคือพระคริสต์ในคุณ และถ้าพระคริสต์ทรงอยู่ในคุณ แล้วพระวจนะก็อยู่ในคุณ แล้วถ้าพระวจนะอยู่ในคุณ เมื่อแสงสว่างส่องแสง คุณจะเดินออกไปจากนั่นได้อย่างไรเล่าครับ ดูเถิดครับ เห็นไหมครับ? นั่นเป็นคำถาม นั่นเป็นสิ่งที่อยู่ในเวลานี้
แสงสว่าง แสงสว่างเวลาเย็นเป็น-การส่องแสง ต้นไม้เจ้าสาวกำลังจะเบ่งบาน โอ้ จำครับว่า พวกเขาได้ตัดต้นไม้ต้นเก่านั้น และสิ่งที่ตั๊กแตนวัยกระโดดเหลือไว้ หนอนก็กิน; และสิ่งที่หนอนเหลือไว้ ดักแด้ก็กิน สิ่งที่เมธอดิสท์เหลือไว้, แบ๊บติสต์ก็กิน สิ่งที่แบ๊บติสต์เหลือไว้, เพนเทคอสต์ก็กิน พระองค์ตรัสว่าต้นไม้ต้นนี้ (โยเอล) มีการถูกตัดทั้งหมดลงไปที่บ่อ แต่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะรู้ว่ามันจะมีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง โอ้ ใช่ครับ! พระองค์ได้ทรงสงวนมัน พระองค์ได้ทรงสงวนต้นไม้นั้น (ใช่ครับท่าน!) เพื่อเป็นเจ้าสาวของพระองค์ และพระองค์ตรัสว่า “เราจะฟื้นคืน พระเจ้าตรัสดังนั้น” มันคืออะไรเล่าครับ? "เราจะนำมันออกมาทั้งหมดที่ลูเทอแรนได้กิน, เวสลีย์ได้กิน, และพวกเขาทั้งหมด และเราจะฟื้นคืนมัน เพราะมันทั้งหมดยังคงอยู่ในรากของต้นไม้" ดูเถิดครับ มันวางอยู่ที่โน่นบนพื้นดินเช่นเดียวกับน้ำเลี้ยงต้นไม้ที่ลงไป ในขณะที่ผมพูดเกี่ยวกับพี่น้องหญิง มันวางอยู่ที่นั่น และเสียงแตรของพระเจ้าจะมีเสียงในบางวันและพวกเขาผู้ได้รับการเลือกเป็นลูเทอแรน, เมธอดิสท์, แบ๊บติสต์ นั่นไม่มีอะไรเกี่ยวกับกับองค์กรใดๆ ...
ลูเทอร์ ไม่เคยจัดตั้งอะไร มูดี้ส์ไม่เคยจัดตั้งอะไร มันเป็นกลุ่มพวกริกกี้ส์ หลังจากที่เขาทำคือ สิ่งที่ได้กระทำเป็นองค์กรใช้แกลบ จอห์น สมิธ ไม่ได้จัดตั้งอะไร ไม่มีส่วนที่เหลือของพวกเขาที่ได้จัดตั้ง มันเป็นแสงสว่างของ ณ เวลานั้น ลูเทอร์, เวสลีย์, หรือไม่มีส่วนที่เหลือของพวกเขา มันเป็นกลุ่มนั้นที่มาหลังจากนั้นที่ได้ถูกจัดตั้งโดยองค์กร
พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เคยทรงจัดตั้งอะไรในเพนเทคอสต์ เพนเทคอสต์เป็นประสบการณ์ ไม่ใช่คณะนิกาย มันไม่เคยจัดตั้งอะไร โอ้ ไม่ครับ! แต่ผู้คนที่อ้างว่าเป็นเพนเทคอสต์ได้จัดตั้งมัน นั่นคือแกลบโน่นที่กำลังจะตาย แทนที่การกดมันลงไปในกระดาษเพื่อจะทำให้เป็นพระฉายาของพระเยซูคริสต์อย่างเต็มรูปแบบออกมา ไม่ครับ พวกเขาดึงตัวพวกเขาเองออกมา ดังนั้นพวกเขาไม่มีอะไรที่จะกระทำกับมัน เพียงปล่อยพวกเขาตามลำพัง
แต่พวกเราค้นพบแสงสว่างนี้ ต้นไม้นี้ ... พระคริสต์ทรงถูกปฏิเสธอีกครั้งหนึ่งโดยคริสตจักร ทำไมเล่าครับ? สำหรับสาเหตุเดียวที่พวกเขาได้กระทำในตอนแรก พวกแสงจ้าเทียมเท็จเดิมๆ ของแสงสว่างของวันก่อน และพระองค์ทรงเป็นเหมือนเดิมเช่นเมื่อวานนี้, วันนี้, และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ พระธรรมฮีบรู บทที่ 13 ข้อ 8 กล่าวว่า พระองค์ทรงเป็น พระองค์ทรงเป็นเช่นเดียวกับวันนี้ดั่งที่พระองค์ทรงเคยเป็นแล้ว เพราะพระองค์ทรงกระทำสิ่งเดียวกันที่พระองค์ได้ทรงกระทำ พระวจนะเดียวกันที่พระคริสต์ทรงเป็น ...
ฟังครับ ผมอยากจะนำพวกคุณในเวลานี้ และปล่อยให้เรื่องนี้เป็นส่วนบุคคลครับ ผมไม่ทราบครับ ผมเพียงลังเลเล็กน้อยว่า จะปิดการประชุมในเวลานี้ดีหรือไม่ (ดูเถิดครับ) สำหรับเทปนั้น ผมเพียงจะปล่อยให้มันอยู่ที่นั่น
ผมอยากจะขอร้องพวกคุณบางสิ่งบางอย่างครับ เฝ้าดูสิ่งนี้ครับ! เห็นไหมครับ? พระองค์ทรงเป็นเช่นเดียวกับเมื่อวานนี้, วันนี้, และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ ดูเถิดครับ การงานของพระองค์ได้สำแดงพระองค์เอง ตอนนี้ฟังอย่างใกล้ชิดครับ เมื่อพระองค์ได้ทรงยืนขึ้นที่นั่นในพระธรรมยอห์น บทที่ 14 ข้อ 12 พระองค์ตรัสว่า “การงานที่เราทำนั้น ท่านทั้งหลายจะทำการงานที่มากกว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปหาพระบิดาของเรา” ตอนนี้พระองค์ตรัสไว้ครับ ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายไปเลย ตอนนี้ถ้าหากพวกเราอยู่ที่สุดปลายแห่งยุค การงานที่ยิ่งใหญ่กว่ากำลังจะมาที่ไหนเล่าครับ? ดูเถิดครับ เห็นไหมครับ? พวกเราอยู่ที่นี่ พวกเราไม่ได้มี
ฟังครับ ถ้าหากปฏิทินโรมันถูกต้อง ... พวกเรามีสามสิบหกปีที่เหลืออยู่ ทุกๆ สองพันปีโลกพบจุดจบของนาง สองพันปีแรกถูกทำลายด้วยน้ำ สองพันปีที่สองพระคริสต์เสด็จมา นี่เป็นปี 1964 ที่กำลังจะมา สามสิบหกปี ตอนนี้ปฏิทินดาราศาสตร์ของอียิปต์กล่าวว่า พวกเราออกมาสิบเจ็ดปี มันเป็นสิบเจ็ดปีที่ล่วงหน้าไปจากนั้น ที่จะจากสิบเก้าปีที่เหลือไป พระเยซูตรัสว่า ถ้าไม่ได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีมนุษย์ผู้ใดรอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่พวกที่ทรงเลือกไว้ จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า พวกเราอยู่ที่ใดเล่าครับ? "การงานที่เราทำ ท่านทั้งหลายจะทำด้วย อย่างเดียวกันแต่มากกว่า พวกคุณจะทำ
ตอนนี้ดูครับ ฟังอย่างใกล้ชิดครับ! อยู่บน... ของพวกคุณ ผมอธิษฐานทูลขอพระเจ้าที่จะทรงเปิดใจและความคิดของพวกคุณไปสู่ความเข้าใจ เพื่อที่พวกคุณจะเข้าใจโดยปราศจากการพูดจามากเกินไปที่นี่ สังเกตครับ พระองค์ตรัสว่า วันหนึ่ง ... ให้ดูการงานที่ยิ่งใหญ่บางอย่างที่พระองค์ได้ทรงกระทำ ขอเพียงหยุดเพื่อสองหรือสามสิ่ง ลองคิดดูครับ ครั้งหนึ่งพระองค์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจะให้พวกเขากินอาหารบางอย่าง"
พวกเขากล่าวว่า “พวกเราไม่มีสิ่งใด"
กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายมีสิ่งใดอยู่? นำสิ่งที่พวกท่านมีมาให้เรา"
และพวกเขากล่าวว่า “พวกเรามีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว"
พระองค์ตรัสว่า “นำพวกมันมาให้เรา” และพระองค์ทรงนำขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนแรกและเริ่มที่จะหักขนมปังเหล่านั้น และจากเริ่มแรกที่พระองค์ทรงหักขนมปังและเลี้ยงคนห้าพันคน ใช่ไหมครับ? จากนั้นพระองค์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายมีปลาหรือ? นำปลามาให้เรา" มันเป็นปลาที่จะเริ่มต้นด้วย และพระองค์ทรงนำปลาออกมา ปลาอีกตัวหนึ่ง และปลาอีกตัวหนึ่ง และเลี้ยงคนห้าพันคน ใช่ไหมครับ? แต่ในวันสุดท้าย พระองค์ไม่มีสิ่งใด พระองค์เพียงทรงบอกและตรัสว่า “จงสั่ง มันจะมีที่นั่น!” และมันก็อยู่ที่นั่นโดยปราศจากสิ่งใดที่อยู่ในนั้น พระองค์ไม่เคยมีกระรอก ไม่มีอะไรเลยอยู่ที่นั่น พระองค์เพียงตรัสว่า “จงเกิดขึ้นที่นั่น!” และก็เกิดขึ้น โอ้! พระวจนะของพระองค์มิอาจจะผิดพลาดได้ มันต้องถูกกระทำให้สำเร็จ
ผมจะบอกพวกคุณถึงสิ่งทั้งหลายที่จะเขย่าพวกคุณได้ ดูเถิดครับ มันอยู่ที่นั่นเมื่อพระองค์ตรัสว่า มันอยู่ที่นั่น ปล่อยให้พระองค์ตรัส ดูเถิดครับ เป็นอย่างนั้นจริงๆ ดูเถิดครับ
ทางทิศตะวันออก... ทางทิศตะวันตกที่นี่ได้กลับมาและได้พบกับทางทิศตะวันออก มันเป็นโมเสสที่แม้แต่หยิบทรายขึ้นมาและกล่าวว่า "จงมีหมัดเกิดขึ้น!” และอื่นๆ เช่นเดียวกับที่บนแผ่นดินโลก แต่ในยุคสุดท้ายนี้พระองค์ไม่ได้ทรงใช้สิ่งใดเลย (ดูเถิดครับ) เพียงแค่พระวจนะว่า “ให้มันเกิดขึ้นและมันก็เกิดขึ้น” สิ่งที่ได้กล่าวไปนั่นคือวิธีที่มันจะเป็น ผมอยากจะเป็นพยานถึงบางสิ่งบางอย่างเหล่านั้นคืนนี้ (ดูเถิดครับ) ของสิ่งที่ได้เกิดขึ้นที่พวกคุณสามารถมองเห็นว่าพระองค์ยังคงทรงเป็นพระเจ้า พระวจนะของพระองค์มิอาจจะ... “การงานเหล่านี้ที่เราทำ ท่านทั้งหลายจะทำด้วย และท่านทั้งหลายจะทำการงานที่มากกว่านี้ เรานำปลามาเพื่อที่จะทำปลา ท่านทั้งหลายไม่จำเป็นต้องมีแม้แต่ปลาสักตัวเดียว" พระองค์ยังคงทรงเป็นพระเจ้า ยังคงทรงเป็นพระบุตรองค์เดียวกัน พระบุตรของพระเจ้าองค์เดียวกันที่ทรงนำปลาออกมาจากปลา ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าองค์เดียวกันในวันนี้ “การงานเหล่านี้ที่เราทำ ท่านทั้งหลายจะทำด้วย และท่านทั้งหลายจะกระทำการงานที่มากกว่านี้” มันจะได้รับการสรรเสริญ “ท่านทั้งหลายจะทำการงานที่มากกว่านี้" และคนทั้งหลายที่ปฏิเสธจะเห็นมัน การงานที่มากกว่า!
แสงเทียมเท็จ! พวกคุณรู้ไหมครับ ผมเพิ่งจะคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง ผมหมายถึงเกี่ยวกับประเทศอังกฤษอย่างมากมายครับ แต่ผมกำลังคิดเกี่ยวกับแสงเทียมเท็จ ที่นี่ไม่นานที่ผ่านมา พวกคุณทุกคนจำได้ครับ ในการปล้นที่ใหญ่ที่สุดที่ประเทศอังกฤษเคยมีมา นั่นเกิดขึ้นแล้ว ... มันเป็นการปล้นเจ็ดล้านดอลล่าร์ ผมไม่คิดว่ามีอะไรในโลกที่จะเปรียบเทียบกับมันได้ครับ การปล้นครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เจ็ดล้านดอลลาร์ แม้แต่สก็อตแลนด์ยาร์ดก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ครับ พวกคุณรู้ไหมครับว่าพวกเขาได้ทำมันแล้ว โดยแสงเทียมเท็จ พวกเขาวางไฟไว้บนทางรถไฟ การเตือนลงมาจนกระทั่งมาถึงไฟแดงและหยุดพวกเขาไว้ และมีการโจรกรรมเกิดขึ้น ณ สถานที่ตรงนั้น แสงเทียมเท็จได้ให้การปล้นครั้งใหญ่ที่สุดที่ประเทศนี้ได้เคยรู้จักมา มันได้ปล้นประเทศทั้งหลายของการปล้นครั้งใหญ่ที่สุด การปล้นครั้งใหญ่ที่สุด มันทำได้สำเร็จแล้วโดยแสงเทียมเท็จ
และการปล้นครั้งใหญ่ที่สุดที่คริสตจักรของพระเจ้าที่เคยมีมาคือ แสงเทียมเท็จ แสงจ้าของคณะนิกาย มันได้ปล้นพวกเขาจากฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ มันได้ถูกนำไปจากคริสตจักรในเวลาที่ผ่านมา มันปล้นพระวจนะจากพวกเขา, เมื่อพวกเขาได้ยอมรับลัทธิแทนพระวจนะ มันปล้น ... โอ้ พวกเขาอ้างว่ามีพระวจนะ พระวจนะดำรงอยู่ด้วยตนเองในทุกยุคทุกสมัย มันทำให้ตนเองเป็นที่รู้จัก พวกเขาอ้างด้วยว่าพวกเขามีพระวจนะย้อนกลับไปที่นั่นในยุคของพระเยซู แต่ก็กล่าวว่าพวกเขาได้เห็นแสงสว่างยิ่งใหญ่และพวกเขาปฏิเสธมัน พวกเขาเห็นมัน แต่ปฏิเสธมัน
โอ้ แสงเทียมเท็จ! ใช่ครับ มันเป็นเหตุของการปล้นครั้งที่ใหญ่ที่สุดที่คริสตจักรเคยมี ลัทธิคณะนิกายที่เย็นชาทั้งหลาย พี่น้องจะไม่ทำให้พระวจนะที่ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้วสุกงอม, เมล็ดข้าว พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า ... พระเยซูตรัสว่า พระวจนะของพระเจ้าเป็นเมล็ดข้าวที่ผู้หว่านได้หว่านออกไป ดูเถิดครับ และลัทธิที่เย็นชาทั้งหลายจะไม่ทำให้พระวจนะนั้นสุกงอม ไม่ ไม่ครับ! วันแห่งพายุหิมะก็หนาวเย็นจะไม่ทำให้ข้าวสาลีสุกงอม ไม่แน่นอนครับ! มันต้องใช้ความอบอุ่นของแสงแดดเพราะมันเป็นถ้อยคำของพระเจ้าที่ได้พูดออกไปที่จะกระทำสิ่งนั้นด้วย และมันจะใช้ถ้อยคำของพระเจ้าที่ได้พูดออกไปในวันนี้เพื่อแสดงให้บรรดาธรรมิกชนของพระเจ้าเห็นว่า พระเยซูคริสต์ทรงดำรงอยู่เหมือนเดิมเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเป็นเมื่อวานนี้พระองค์ทรงเป็นในวันนี้ ลัทธิและคณะนิกายทั้งหลายจะไม่กระทำมัน พวกเขาเยือกเย็นและไม่แยแส และเมล็ดข้าวจะเน่าในพื้นดิน มันไม่สามารถงอกออกมาภายใต้สิ่งนั้น
นั่นคือเหตุผลที่วันนี้พวกเรามีสิ่งที่พวกเรากระทำครับ เหมือนพี่น้องชายผู้มีค่าของพวกเรา บิลลี่ เกรแฮม นักฟื้นฟูผู้ยิ่งใหญ่ ผมคิดว่าพระเจ้าทรงใช้ชายผู้นี้ แต่มองดูครับสิ่งที่เขากระทำ ออกไปที่นั่นท่ามกลางพวกเขาแบ๊บติสต์และเพรสไบทีเรียน เขาทำอะไรเล่าครับ? ได้รับกลุ่มคนของผู้เข้าร่วมคริสตจักร
พวกคุณเห็นไหมครับว่า สถานที่ที่พวกเซาท์เทิร์นแบ็บติสต์ลงไปที่นั่นเพราะพวกเขามีนิกายมากที่สุด ... คณะนิกายได้เติบโตมากกว่าพวกโปรเตสแตนต์อื่นๆ พวกคาทอลิกได้ใช้พวกเขาทั้งหมดเกือบทั้งปีที่ผ่านมา พวกคุณเห็นในเอกสารหรือไม่ครับ? พวกเขาแน่ใจ ไม่ต้องกังวลครับ มันจะใช้พวกเขาทั้งหมดเพราะมันใช้พวกแบ็บติสต์และทั้งหมดด้วยกัน และพวกเขาทั้งหมดเป็นพวกหนึ่ง และไม่รู้จักมัน สภาคริสตจักรใช้พวกเขาทั้งหมดมาเป็นพวกเดียวกัน คณะนิกายทั้งหลายวาง... ทำไมเล่าครับ? ทำไมพวกคุณต้องการที่จะอยู่ที่นี่-ที่นี่หรือครับ? ตราบใดที่พวกคุณกำลังปฏิเสธสิ่งนี้ มันทำให้สิ่งใดแตกต่างหรือครับ? พวกคุณไม่ได้ใช้บัตรคณะนิกายเดียวกันที่เพียงเหมือนกัน เพียงแต่พวกคุณอยู่ที่สถานที่แห่งเดียวกัน ที่หนึ่งเป็นสัตว์ร้ายและอีกที่หนึ่งเป็นสัญลักษณ์ จึงมีพวกคุณอยู่ ดังนั้นมันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆ
มันเป็นสถานที่ที่เขาได้อยู่ เขาได้ตอกย้ำตราประทับแห่งการอนุมัติของเขาและที่นั่นพวกคุณจะใช้มัน และที่นั่นนางทั้งหมดถูกนำตรงไปยังทำเนียบขาวและไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และสภาคริสตจักร และพวกคุณไปที่นั่น! บาทหลวงพาพวกเขาย้อนกลับไป สิ่งที่พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ว่าพวกเขาจะทำอย่างแน่นอน ความปรารถนาของผมคือ นาฬิกาจะไม่เดินไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เพียงคิดในเวลานี้ว่าสถานที่ที่พวกเราอยู่ มองดูที่พระสัญญาทั้งหลายสำหรับวันนี้-ถูกปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง คริสตจักร, คณะนิกายทั้งหลายได้ทำอย่างไรในยุคสุดท้ายนี้เล่าครับ
แสงจ้าดำรงอยู่ในแสงจ้าเทียมเท็จคือ เหตุผลที่มันจะไม่สุกงอม นั่นเป็นเหตุผลว่าพระวจนะนี้ ... พวกคุณไม่เห็นการอัศจรรย์ทั้งหลายครับ
บาทหลวงท่านหนึ่งได้สัมภาษณ์ผมไม่นานที่ผ่านมาและเขากล่าวว่า “นายบรานฮาม” เขาถามว่า “ท่านจะบัพติศมาผู้หญิงคนนี้อย่างไร?" ผู้หญิงคนนั้นออกมาจากคริสตจักรแห่งนี้และได้หันหลังกลับไป และแต่งงานกับชายคาทอลิกผู้หนึ่ง และได้เข้าไปในคริสตจักรคาทอลิก และเขากำลังจะพานางเข้าไปในคริสตจักร
ผมบอกว่า “ผมจะบัพติศมานางในการบัพติศมาของคริสเตียน”
เขาบอกว่า “หัวหน้าบาทหลวงอยากจะทราบ"
ผมตอบว่า “ใช่ครับ นั่นแหล่ะครับ"
ถามว่า “ท่านสาบานสิ่งนี้หรือ?"
ผมตอบว่า “ผมไม่สาบานครับ" และเขากล่าวว่า ... ผมกล่าวว่า "ถ้าท่านไม่สามารถเชื่อคำพูดของผมสำหรับมัน ดีล่ะครับ ไม่เป็นไรครับ" ผมกล่าวว่า “ผมไม่สาบานครับ พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า 'อย่าสาบานต่อฟ้าสวรรค์ มันเป็นบัลลังก์ของพระเจ้า แผ่นดินโลกเป็นแท่นวางเท้าของพระองค์ ใช่ก็บอกว่าใช่ และไม่ใช่ก็บอกว่าไม่ใช่'" ผมกล่าวว่า “ท่านจะต้องเชื่อคำพูดของผมสำหรับมัน"...
กล่าวว่า “ดีล่ะ ท่านบอกว่า ‘การบัพติศมาของคริสเตียน' ท่านหมายถึงโดยอะไร โดยการจุ่มลงน้ำให้มิดหรือ?"
ผมตอบว่า “นั่นเป็นวิธีเดียวสำหรับการบัพติศมาของคริสเตียนที่จะปฏิบัติ" ผมบอกว่า “ผมได้บัพติศมานางในแม่น้ำโอไฮโอ นำนางจุ่มลงไปใต้น้ำในพระนามของพระเยซูคริสต์และนำนางขึ้นมา ผมได้บัพติศมานางในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้าซึ่งเป็นการบัพติศมาของคริสเตียนวิธีเดียวที่มี"
กล่าวว่า “ใช่ครับท่าน!” เขาวางมันลงไปเช่นนั้นและเขากล่าวว่า “แปลก” กล่าวว่า “พวกท่านรู้ว่าคริสตจักรคาทอลิกเคยบัพติศมาด้วยวิธีนั้น"
ผมถามว่า “เมื่อไหร่ครับ?"
และเขากล่าวว่า ... เชิญไปเถิดและการอภิปรายดำเนินไปสักพักและเขากล่าวว่า “ดีล่ะ พวกเราเป็นคาทอลิกดั้งเดิม"
รู้จากที่นั่น ได้วางอยู่ในหนังสือ พวกคุณรู้ไหมครับ และประวัติศาสตร์ของมัน ผมกล่าวว่า “นั่นเป็นจริงครับ” แต่ผมบอกว่า "ทำไมพวกท่านไม่ทำมันในยุคนี้เล่าครับ?"
เขาบอกว่า “พวกเรามีอำนาจที่จะล้างบาป" กล่าวว่า “พระเยซู ... พระองค์มิได้ทรงบอกสาวกของพระองค์หรือว่า 'ถ้าท่านจะอภัยบาปของผู้ใด บาปของพวกเขาก็จะได้รับการอภัย ถ้าท่านไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของพวกเขาก็จะไม่ได้รับการอภัย"
ผมบอกว่า “ใช่ครับท่าน! พระองค์ตรัสไว้”
เขาบอกว่า “แล้วอย่างนั้นไม่ได้ให้คริสตจักรเป็นผู้มีอำนาจหรือ? เปโตรเป็นหัวหน้าของคริสตจักร"
ผมบอกว่า “ถ้าคริสตจักรจะล้างบาปโดยทางที่เปโตรได้กระทำ" ผมบอกว่า “ตอนนี้เมื่อพวกเขาถามว่า 'พวกเราจะต้องทำอะไรจึงจะรอดเล่าครับ?' เขาบอกว่า 'ทุกคนของพวกท่านจงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์เพื่อการยกโทษอภัยบาปของท่านทั้งหลาย'” ผมกล่าวว่า" ท่านกระทำอย่างนั้นและผมจะไปกับท่าน”
"โอ้” เขากล่าวว่า “ท่านกำลังพยายามที่จะโต้แย้งพระคัมภีร์ไบเบิล"
ผมกล่าวว่า “นั่นเป็นพระวจนะ"
เขากล่าวว่า “พระเจ้าทรงอยู่ในคริสตจักรของพระองค์"
ผมกล่าวว่า “พระเจ้าทรงอยู่ในพระวจนะของพระองค์ ทุกถ้อยคำของมนุษย์เป็นเรื่องโกหก พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง" ดูเถิดครับ
จึงไม่มีทางที่พวกคุณจะได้รับ (ดูเถิดครับ) แต่พวกเขาไปที่นั่นในความมืด และพวกโปรเตสแตนต์นับพันคนที่ตกลงไปในมัน ที่นี่พวกเขาลงไปรับลัทธิและสิ่งทั้งหลายของพวกเขา กำลังดำเนินไปกับมัน และพระวจนะกำลังมาถึงเพื่อการพิสูจน์มัน พระเยซูคริสต์กำลังสำแดงพระองค์เองเหมือนเมื่อวานนี้, วันนี้, และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ และในแสงจ้าของลัทธินั้นพวกเขาเคลื่อนออกไปในความมืด เช่นเดียวกับพวกเขาได้กระทำในยุคของโนอาห์ เช่นเดียวกับที่พวกเขาได้กระทำในทุกครั้ง พวกเขากระทำมันอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ ออกไปในความมืด ทำไมเล่าครับ? พวกเขาปฏิเสธแสงสว่างเพราะลัทธินั้นได้ทำให้พวกเขาตาบอด
โอ้ ช่างเป็นเวลาที่มืดมนที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ ใช่ครับ พวกเขาปฏิเสธแสงสว่างนิรันดร์ที่แท้จริงของพระคริสต์และนั่นคือสิ่งที่มันเป็น
คณะนิกายที่เย็นชาจะไม่สามารถนำชีวิตไปยังพระวจนะของพระเจ้าได้ เพราะมันจะนำชีวิตไปยังคณะนิกายนั้น พวกเรามีคริสเตียนที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นตอนนี้ ... มองดูที่นี่ครับ ถ้าหากพวกคริสเตียน ผมได้ถามบาทหลวงท่านนี้ว่า "ถ้าหาก ... ผมจะไปกับพวกท่านถ้าคริสตจักรคาทอลิกได้อยู่ที่จุดเริ่มต้นของเพนเทคอสต์, ไม่ได้อยู่ที่สภาไนซีอา, กรุงโรม" คริสตจักรไม่เคยเริ่มต้นที่สภาไนซีอา, กรุงโรม มันเริ่มต้นที่เพนเทคอสต์ ดูเถิดครับ ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นสถานที่ซึ่งคริสตจักรได้เริ่มต้น แต่ผมกล่าวว่า “นี่ผมจะยอมรับว่าคนทั้งหลายเหล่านี้ ...
พวกทาสพวกเขาและสิ่งทั้งหลายที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์และพวกพระของพวกเขาได้เห็นฤทธิ์อำนาจและสิ่งทั้งหลาย พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ครับ, การทำให้คนตายฟื้นขึ้น, การพูดภาษาแปลกๆ, การพยากรณ์สิ่งต่างๆ ... และบรรดาผู้เผยพระวจนะท่ามกลางพวกเขาและคนอื่นๆ ที่ออกมาพร้อมกับหนังแกะปกคลุมรอบตัวพวกเขา, กินสมุนไพร, มาที่สภาไนซีอาและอื่นๆ เหล่าบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ และมีพวกเขาออกมาจากที่นั่นและเกิดขึ้นที่นั่นเพื่อสภาไนซีอาที่กำลังยืนหยัดเพื่อพระวจนะ แต่สิบห้าวันที่หน้าเลือดนั้นพวกเขาได้ยอมรับพระบิดา, พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่าเป็นความเชื่อของพวกเขาแทนหลักคำสอนของพระคัมภีร์ไบเบิลในพระนามของพระเยซูคริสต์ ที่ผ่านมาพวกคริสตจักรโปรเตสแตนต์ทั้งหมดก็ได้บังเกิดในสิ่งเดียวกันนั้น ทุกสิ่งอื่นๆ เหล่านี้ความคิดที่เทียมเท็จของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาใช้การดื่มเหล้าองุ่นในการสามัคคีธรรม, นั่นเป็นพิธีศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ บาทหลวงให้มันกับพวกคุณ
ตอนนี้พระคัมภีร์ ไม่ได้อ่านครับ "เมื่อวันเพนเทคอสต์ได้มาถึงอย่างเต็มที่ มีบาทหลวงท่านหนึ่งมาที่นี่ขึ้นไปบนถนน หันปกเสื้อไปรอบๆ กล่าวว่า 'เลียลิ้นของพวกคุณและนำศีลมหาสนิท'" ไม่ครับ! มันไม่ได้กล่าวว่า “พวกคุณทั้งหมดวิ่งขึ้นมาที่นี่และยกมือขวาขึ้นมาให้แก่ข้าพเจ้าในการสามัคคีธรรม พวกคุณแบ๊บติสต์, เมธอดิสท์, และแบ๊บติสต์ ข้าพเจ้าจะใส่ชื่อของพวกท่าน ... นำจดหมายมาจากบางหนแห่ง"
เขากล่าวว่าพวกเขาทั้งหมดอยู่ในที่เดียวกันในข้อตกลงหนึ่ง และทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าสวรรค์เหมือนลมบริสุทธิ์อันแรงกล้า มันได้เติมเต็มห้องทั้งหมดที่ที่พวกเขานั่งอยู่ พวกเขาทั้งหมดเต็มล้นไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และเริ่มที่จะพูดภาษาแปลกๆ ตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูดในที่นั่น ออกไปที่ถนนที่พวกเขาได้เดินไป, ส่ายไปส่ายมาเหมือนคนเมา มารีย์และส่วนที่เหลือทั้งหมดของพวกเขา ภายใต้ผลกระทบของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อผู้คนได้พูดได้หัวเราะเยาะพวกเขาและกล่าวว่า “ผู้คนเหล่านี้เต็มไปด้วยเหล้าองุ่นใหม่!” พวกเขาเป็นอะไรไปเล่าครับ? ตาบอดด้วยลัทธิความเชื่อ
สองในสี่นักเทศน์ผู้เล็กน้อยนั้นที่ได้ยืนขึ้นที่นั่นชื่อ เปโตร เขากล่าวว่า "ท่านทั้งหลายแห่งแคว้นยูเดียและท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่ ... ท่านทั้งหลายแห่งกรุงเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ในแคว้นยูเดีย จงให้เรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันในท่านทั้งหลายและเชื่อฟัง คำพูดของเรา ผู้คนเหล่านี้ไม่ได้เมา แต่ให้ข้าพเจ้าบอกพวกท่านในสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวว่ามันจะเป็น นี่เป็นแสงสว่าง! นี่เป็นพระวจนะที่ได้รับการสำแดง!” อาเมน! สิ่งเดียวกันเกิดขึ้นในวันนี้และพวกเขากระทำเหมือนพวกเขาได้กระทำแล้ว ได้เดินออกไปและส่ายศีรษะของพวกเขา กล่าวว่า "ช่างเถิด เขาทั้งหลายเป็นผู้นำที่ตาบอด (ของคนตาบอด) ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองคนจะตกลงไปในบ่อ"
โอ้ มันใช้ชีวิตนิรันดร์ของพระคริสต์ที่จะนำพระวจนะแห่งชีวิตเพื่อการพิสูจน์ให้เห็น ได้บังเกิดเป็นมนุษย์ ... โอ้!
ใช้พระวจนะ ... ใช้พระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อปฏิบัติพระวจนะของพระเจ้า เมื่อพระเยซูตรัสว่า “พวกคุณจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน” ตอนนี้มองดูครับ พระธรรมมาระโก บทที่ 16 พระบัญชาสุดท้ายของพระองค์ “ทั่วโลก-ทั่วโลก”...มันยังไม่ได้ไปถึงที่นั่นเลยครับ ดูเถิดครับ" ... ทั่วโลกและประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ผู้ที่เชื่อ (ในทั่วโลก) และรับบัพติศมาจะรอด ผู้ที่เชื่อจะไม่ถูกสาปแช่ง และหมายสำคัญเหล่านี้จะติดตามพวกเขาที่เชื่อ (...พวกเขาจะจับมือกับ ... ?" ไม่ครับ “พวกเขาจะเป็นสมาชิกที่ดีของคริสตจักร?" ไม่ครับ!) ในนามของเราเขาจะขับผีออก พวกเขาจะพูดภาษาแปลกๆ ใหม่ๆ พวกเขาจะจับงูร้ายหรือดื่มยาพิษ มันก็จะไม่เป็นอันตรายต่อพวกเขา ถ้าหากพวกเขาวางมือของพวกเขาบนผู้ที่เจ็บป่วย พวกเขาจะได้รับการรักษาโรค” โอ้!
ไกลเท่าไหร่ครับ? ทุกสิ่งที่มีชีวิต มากเท่าไหร่ครับ? ทั้งหมดในโลกจนกระทั่งพระองค์เสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง หมายสำคัญเหล่านี้จะ ... "ผู้ที่วางใจในเราจะทำการงานที่เราทำนั้นด้วย และเขาจะทำการงานที่มากกว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปหาพระบิดาของเรา” โอ้ พวกคุณจะสามารถเดินออกไปได้อย่างไร นั่นมากกว่าที่ผมจะสามารถพูดได้
พวกเราอยู่ในความมืดในเวลานี้ที่มากกว่าที่พวกเขาเคยอยู่ ตอนนี้ผมมีข้อพระคัมภีร์เพียงสองสามข้อที่นี่ครับ จากนั้นผมอยากจะจบให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ พวกเราอยู่ในความมืดมากกว่าที่พวกเขาเคยอยู่ ผมรู้ว่าผมทำให้พวกคุณเหนื่อยล้าที่นี่ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งแล้ว แต่ดูเถิดครับ เทปนี้กำลังไปต่อในที่นั่น เห็นไหมครับ?
พวกเขาอยู่ในความมืดที่มากกว่าที่พวกเราอยู่ ผมได้ใช้คำว่า ... ทำไมเล่าครับ? คริสตจักรทั้งหลายในแสงจ้ากำลังหลอกลวงอย่างมาก มันดูเหมือนว่ามันเป็นความจริง ตอนนี้พระเยซูไม่ได้ทรงกล่าวในพระธรรมมัทธิว บทที่ 24... มัทธิว บทที่ 24 พระเยซูตรัสว่า ในวันสุดท้ายทั้งสองวิญญาณจะปรากฏขึ้น เพื่อล่อลวงแม้พวกที่พระเจ้าทรงเลือกถ้าเป็นได้ จะมีพวกที่ถูกเลือกสรรออกมาเพื่อตั้งคริสตจักรในยุคสุดท้าย และองค์กรเหล่านี้กับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าความจริงของพวกเขาจะคล้ายเหมือนของจริงมากๆ ที่มันจะหลอกลวงได้แม้แต่ผู้ที่ได้รับการเลือกสรรจริงๆ แม้แต่พวกเพนเทคอสต์
ตอนนี้พวกคุณรู้ไหมครับว่า พวกคุณจะไม่นำเพนเทคอสต์คนหนึ่งมาและหลอกลวงเขาด้วยหลักคำสอนของเมธอดิสท์หรือแบ๊บติสต์ พวกคุณจะไม่บอกเขาว่า เขารู้ดีกว่า พวกคุณจะไม่หลอกลวงแบ๊บติสต์บางคนด้วยหลักคำสอนของนิกายลูเทอแรน ดูเถิดครับ และพวกคุณจะไม่รับคำเทศนา ... หลอกลวงคำเทศนานั้นในตอนนี้ในพระวจนะนี้โดยหลักคำสอนเพนเทคอสต์บางอย่าง หรือพระบิดา, พระบุตร, พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เทียมเท็จ และทุกสิ่งนี้เช่นเดียวกับที่กลับไปที่นั่นและลัทธิทั้งหลายของพวกเขาที่พวกเขาได้มีการจัดตั้งองค์กรที่ ไม่จำเป็นครับ! พวกคุณจะไม่หลอกลวงพวกเขาเพราะผู้ที่ได้รับการเลือกสรรจะไม่ถูกหลอกลวง ใม่ครับ!
มันคืออะไร? มันคืออะไรเล่าครับ? การหลอกลวง แสงจ้าทั้งหลายเหล่านี้พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ครับ? พวกเขากำลังนำไปยังนักสังหารสภาโดยแสงจ้าของพวกเขา ที่จะเป็นนักสังหารคนสุดท้ายเมื่อนางและกรุงโรมเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เมื่อพวกเขาสร้างภาพของสัตว์ร้ายที่เป็นนักสังหารคนสุดท้าย และแสงจ้าทั้งหลายเหล่านี้ที่พวกคุณมีในขณะนี้ มองดูสิ่งที่มันกำลังกระทำอยู่ครับ การนำพวกผู้คน มันเป็นแพะ
แพะมักจะนำแกะไปยังนักสังหาร พวกคุณเคยเห็นสิ่งนั้นในคอกของนักสังหาร แพะตัวนั้นจะวิ่งขึ้นไปที่นั่นและนำแกะตัวนั้น จากนั้นมันจะกระโดดออกและปล่อยให้แกะอยู่ต่อไปในนั้น ดูเถิดครับ นั่นคือสิ่งที่มันทำ มันมักจะทำเสมอ มันเป็นแพะที่นำพระเยซูพระเมษโปดกไปยังนักสังหารพวกแพะโรมัน นั่นแหล่ะครับ! มันเป็นพวกแพะคณะนิกายทั้งหลายในยุคนี้ที่นำแกะบริสุทธิ์ไปยังนักสังหาร ใส่ตัวของพวกเขาเอง ชื่อของพวกเขาบนหนังสือของพวกเขาที่โน่นและพวกเขาดำเนินการเสร็จสิ้น นั่นคือเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้น ในพระนามของพระเจ้าผมเทศนา ผมได้ยึดถือสิ่งนั้นมาเป็นเวลานาน นั่นเป็นจริง นั่นแน่นอนครับ! สัตว์ร้ายนั้นคืออะไร? สัตว์ร้ายนั้นคืออะไร? มันเป็นลำดับชั้นของโรมัน, องค์กรแรก เครื่องหมายของมันคืออะไร? สิ่งเดียวกัน. แน่นอนครับ! สิ่งเดียวกันที่ตรงตามที่มันเป็นนักสังหาร ... สำหรับแสงจ้า ...
แต่ในการเผชิญกับความมืดในปัจจุบัน พวกเรายังคงได้เห็นแสงสว่างของพระเจ้าส่องผ่านมา พวกเรารู้สึกขอบพระคุณสำหรับสิ่งนั้น!
ฟังอย่างใกล้ชิดครับ! พวกเราได้เห็นแสงสว่าง พระวจนะของพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงสัญญาว่าสำหรับวันนี้ที่ได้รับการพิสูจน์และพิสูจน์ให้เห็นแล้ว (มันเป็นความจริง) แสงสว่างของ ณ เวลานี้ โอ้! ผมดีใจมาก ไม่มีอะไรผิด
ที่นี่ไม่นานที่ผ่านมาพันธกรคุณหนึ่งบอกว่าเขาได้ลงไปในรัฐฟลอริด้า และเขาก็มีรถของเขา (ผมเชื่อว่ามันเป็นเชฟโรเลต) และสิ่งที่เสียไปกับรถของเขา เขาไม่สามารถจะซ่อมมันได้ และเขาก็เข้าไปในอู่รถ ช่างยนต์ชราร่างเล็กอยู่ข้างใต้มันและที่นั่นและกำลังเจาะอยู่รอบๆ เขาไม่สามารถจะซ่อมมันได้ครับ และเขาได้ลองอย่างนี้และมันใช้ไม่ได้ และเขาลองอย่างอื่น มันใช้ไม่ได้ เขาวางเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ใส่สิ่งนี้และเสียบปลั๊ก ใส่ในจุดต่างๆ; เขาไม่สามารถทำให้สิ่งนั้นทำงานได้ครับ เขาก็ไม่สามารถทำให้มันทำงานได้ ในที่สุดชายแต่งตัวดีผู้หนึ่งก้าวขึ้นมา เขากล่าวว่า "ผมอาจให้คำแนะนำบางอย่างได้หรือไม่ครับ?"
ช่างยนต์ร่างเล็กมีความรู้สึกเพียงพอที่จะตอบว่า “ได้ครับ!” เขากล่าวว่า "คุณจะใช้สิ่งนี้และเวลานี้และสิ่งนี้และ" กล่าวว่า “นำมารวมกันครั้งเดียวและลองมัน” และเขาได้ใช้เวลาที่วางไว้ด้วยกันและนางเดินไปที่นั่น
ช่างยนต์ร่างเล็กหันไปรอบๆ และกล่าวว่า “ช่วยบอกว่าคุณเป็นใคร?" เขาเป็นวิศวกร, หัวหน้าวิศวกรเยเนอรัล มอเตอร์ส เขาได้ทำสิ่งนั้น เขาเป็นผู้หนึ่งที่ออกแบบมัน
และในวันนี้เมื่อพวกเรากำลังพูดเกี่ยวกับเมธอดิสท์, แบ๊บติสต์, และเพรสไบทีเรียน, หัวหน้าช่างยนต์อยู่ที่นี่ครับ นักออกแบบของพระวจนะของพระองค์ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกทั้งหลาย และได้ทรงออกแบบคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงทราบเกี่ยวกับสิ่งที่จะใช้สำหรับการรับขึ้นไปมากกว่า หรือคริสตจักรเมธอดิสท์หรือแบ๊บติสต์รู้มากกว่าเกี่ยวกับสิ่งที่จะใช้หรือครับ? พระองค์ทรงเป็นนักออกแบบ พระองค์ทรงรู้สิ่งที่มันจะใช้ พระองค์ทรงสวมฉลองพระองค์อย่างดีในฤทธิ์อำนาจของการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ สรรเสริญพระเจ้า! พระองค์ทรงเดินอยู่ท่ามกลางพวกเราวันนี้ในฤทธิ์อำนาจของการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ พระองค์ทรงรู้ว่าสิ่งที่จะนำไปวางในคริสตจักรเพื่อการรับขึ้นไป พระองค์ได้ทรงออกแบบและทรงวางชิ้นส่วนร่วมกันที่นี่ในพระคัมภีร์ไบเบิล อาเมน! เพียงแค่ให้การไหลของกระแสผ่านมัน ตอนนี้ดูมันทำงานครับ ขอให้ความเชื่อในพระวจนะที่ได้สัญญาไว้ของพระองค์ในการไหลผ่านวันนี้ที่พวกคุณจะเห็นว่าดำเนินการอย่างไร ทำไมเล่าครับ? พระองค์ได้ทรงออกแบบสิ่งนั้น พระองค์ได้ทรงออกแบบคริสตจักรของพระองค์โดยพระวจนะ นั่นคือสิ่งที่พระองค์ทรงวางไว้ด้วยกันครับ ไม่ใช่โดยองค์กรเมธอดิสท์, หรือแบ๊บติสต์, หรือเพรสไบทีเรียน, หรือเพนเทคอสต์ แต่โดยพระวจนะของพระองค์ “มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” ใช่ครับท่าน! ออกมาจากแสงจ้าทั้งหลายของพวกเขาเถิด!
ในท่ามกลางความมืดมิดนี้ เวลาที่มืดมิดนี้ที่พวกเรากำลังอาศัยอยู่ในตอนนี้ ... ผมมีเพียงแค่ประมาณห้านาทีที่เหลือครับ ในท่ามกลางความมืดมิดนั้นใครจะนำเจ้าสาวเล็กๆ ออกมาครับ ใครจะรู้เกี่ยวกับมันเล่าครับ? หัวหน้านักออกแบบ โอ้ ใช่ครับ! จากความสับสนของแสงจ้าทั้งหมดนี้ ... ที่นี่ทางหนึ่งความจ้าของเมธอดิสท์, อีกทางหนึ่งของแบ็บติสต์, และในอีกทางหนึ่งของเพรสไบทีเรียน และอีกทางหนึ่งของเพนเทคอสต์ แสงจ้ารอบๆ ทั้งหมดเหล่านี้... พวกเขาทำงานใส่ชื่อของพวกเขาลงไปที่นี่ในแสงจ้าที่นี่ มาเพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่นั่น และมาที่นี่และบางสิ่งบางอย่างที่นั่น มายังที่นี่ ...
เหมือนที่ผมพูดกับบาทหลวงผู้นั้นว่า “ถ้าหากพวกท่านเป็นคริสตจักรดั้งเดิมและพวกท่านเดินตามหลักคำสอนของคนทั้งหลายเหล่านี้ที่นั่งด้วยกันที่สภาไนซีอา เหตุฉะนั้นพวกท่านจึงไม่มีฤทธิ์อำนาจที่พวกเขาได้กลับไปที่นั่นในการเริ่มต้นหรือครับ? เหตุใดพวกท่านไม่ทำสิ่งที่พวกเขาได้กระทำซึ่งพระเยซูตรัสว่า ..."
กล่าวว่า “โอ้ พวกเรามีผู้คนมากขึ้นตอนนี้ พวกเราอยู่ในยุคที่แตกต่างกัน"
ผมบอกว่า “แต่พระวจนะไม่เปลี่ยนแปลง พระองค์ตรัสว่า 'หมายสำคัญเหล่านี้จะตามพวกเขาไปทุกยุคทุกสมัย ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายไปเลย’” นั่นแหล่ะครับ!
เขากล่าวว่า “ท่านกำลังพูดเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิล"
ผมตอบว่า “ใช่ครับ พระวจนะซึ่งเป็นพระคริสต์” นั่นแหล่ะครับ และจึงมีพวกท่านอยู่ ดูเถิดครับ
และในแสงจ้านี้ เมธอดิสท์กำลังแสดงของพวกเขา, แบ๊บติสต์กำลังแสดงของพวกเขา, เพรสไบทีเรียนของพวกเขา แต่ละพวกเติบโตใหญ่ขึ้นและใหญ่กว่าตลอดเวลา เจ้าสาวเล็กๆ ที่น่าสงสาร นางอยู่ที่ใดเล่าครับ? นางได้ไปที่นี่ที่วันเนสเพนเทคอสต์สักครู่หนึ่ง และนางก็ใส่ชื่อของนางที่นั่น และนางก็พูดว่า “ดีล่ะ มาค้นหาดูสิ่งที่พวกเขากระทำ” พวกเขามาที่นี่และ “พวกคุณจะต้องเป็นสมาชิกของพวกเรา ถ้าพวกคุณไม่ได้อยู่ในคริสตจักรของพวกเราพวกคุณไม่ได้แม้แต่ในเจ้าสาว พวกคุณไม่เป็นแม้แต่สิ่งใดเลย” ไปยังที่นี่ที่ประชุมทั้งหลาย และมองดูสิ่งที่พวกเขาได้รับ พวกคุณอยู่ที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง ลงไปที่แบ็บติสต์ มองดูสิ่งที่พวกเขาได้รับ มองดูที่ ...
อะไรจะเกิดขึ้นกับสิ่งเล็กๆ ที่น่าสงสารเล่าครับ? เห็นไหมครับ? แต่นางจะออกมา; พวกคุณไม่ต้องกังวลครับ นางจะต้องมี
เพื่อนคนหนึ่งพูดที่นี่เกี่ยวกับสองสามปีที่ผ่านมา เขาก็ลงไปในรัฐนิวเม็กซิโก ผมได้จัดการประชุมหนึ่งใกล้กับถ้ำคาร์ลสแบด พวกคุณเคยได้ยินพวกเขาลงไปที่นั่นหรือไม่ครับ ใหญ่โตมากครับ ... และพวกเขาได้นำชายผู้หนึ่งและภรรยาของเขาและเด็กๆ กลุ่มหนึ่ง เข้าไปในลิฟท์นี้และได้ลงไปตลอดทางถึงด้านล่างสุดของหลุมนั้น และเมื่อพวกเขาได้ลงไปที่นั่นพวกเขาก็ปิดไฟทั้งหมด และเมื่อพวกเขาปิดไฟทั้งหมด มันก็เป็นเวลาเที่ยงคืนที่มืดมิด (ผมมีพวกเขาเคยทำอย่างนั้นที่นี่ในสวนเหล่านี้ที่นี่ที่ ... ครั้งหนึ่งที่ ... ในเมืองโคโลราโดที่นั่น ภรรยาและผมกลับไปที่นั่นได้อยู่ในที่นั่น และพวกเขาเปิดไฟให้บนของผม พวกคุณวางมือของพวกคุณเช่นนี้พวกคุณไม่สามารถมองเห็นอะไรเลย) และมีเด็กหญิงเล็กๆ กำลังยืนอยู่ตรงนั้นและเธอก็เริ่มร้องเสียงดัง "โอ้!” กำลังร้องเสียงดัง เธอรู้สึกกลัวที่จะตายมันมืดมาก เด็กเล็กๆ ที่น่าสงสารกำลังเอื้อมมือไปแตะทุกหนแห่งและพยายามที่จะร้องสียงดังและตะโกนหาคุณพ่อคุณแม่ของเธอทุกหนแห่ง เธอก็ไม่สามารถจะทนมันได้ มันมืดมาก เธอไม่เคยเห็นความมืดเช่นนี้
และนั่นเกี่ยวกับวิธีการที่มันเป็นตอนนี้ นั่นแหล่ะครับ! มันมืดมากพวกคุณไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน พวกคุณไปที่เมธอดิสท์, ไปที่แบ๊บติสต์, ไปที่เพรสไบทีเรียน มันเป็นเหมือนกันทั้งหมด ดูเถิดครับ กำลังรับประทานอาหารเก่าๆ ที่ตายแล้ว, มานาเน่าๆ กับตัวหางกระดิกในนั้น ดูเถิดครับ สิ่งเดียวกันความเชื่อบางอย่าง "เข้ามาเถิด, เข้าร่วมกับที่นี่, เข้าร่วมกับที่นั่น" ความเชื่อเก่าๆ และทุกสิ่งทุกอย่าง พวกคุณไม่เห็นพระคริสต์ในนั้น โอ้ พวกคุณเห็นพวกผู้คนที่ชอบธรรม-ด้วยตนเองและสิ่งทั้งหลาย หลายคนเป็นคนดีในที่นั่นตอนนี้ ในคณะนิกายทั้งหลายของพวกเขา ผมกำลังพูดถึงระบบ ไม่ใช่ผู้คนในนั้น แต่พวกคุณเห็นครับว่านั่นเป็นสิ่งที่พวกเขากำลังรับประทานอยู่ บอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่คืออาหารสด!
และเด็กหญิงเล็กๆ ผู้นี้กำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอกำลังร้องเสียงดังสุดเสียงของเธอ ประมาณว่าจะฟูมฟาย ประมาณเหมือนเจ้าสาวน้อยๆ แต่พวกคุณทราบไหมครับว่า น้องชายคนเล็กของเธอก็ร้องไห้ออกมาบอกว่า “พี่สาวน้อยๆ อย่ากลัวเลย (เพราะว่าเขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นกับวิศวกร)!” บอกว่า “มีผู้หนึ่งที่สามารถเปิดไฟได้” อย่ากลัวเลยพี่สาวน้อยๆ มีผู้หนึ่งที่สามารถเปิดไฟได้ เขาสามารถทำให้พระวจนะนี้มีชีวิตได้ พวกเราไม่รู้ใช่ไหมครับว่า พระองค์จะเสด็จมาอย่างไร-พวกเราไม่รู้ว่า เมื่อใดพระองค์จะเสด็จมา ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งนั้น แต่พระองค์ทรงอยู่ที่นี่ครับ และพระองค์ทรงสามารถเปิดไฟได้ พวกเราจะออกไปจากมันได้อย่างไรครับ ผมไม่ทราบสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่พระองค์ทรงอยู่ที่นี่และพระองค์ทรงเป็นผู้หนึ่งที่สามารถเปิดไฟได้ ใช่ครับท่าน! พระองค์ทรงเป็นผู้หนึ่ง พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง พระองค์เพียงทรงกระทำให้พระองค์เองเป็นที่รู้จัก นั่นคือวิธีที่พระองค์จะทรงเปิดไฟ ใช่แน่นอนครับ ต้องใช้พระคริสต์ในการเปิดไฟของพระองค์ และแล้วความมืดทั้งหมดก็กระจัดกระจายไป พระองค์ทรงแยกออกมา พระองค์ทรงดึงเจ้าสาวเล็กๆ ของพระองค์ออกมา “เราจะนำประชาชนออกมาจากพวกคนต่างชาติเพื่อนามของเรา ที่จะมีนามของเรา" พระนามของพระองค์คืออะไรครับ? ใช่ครับ! ไม่ใช่เมธอดิสท์, แบ๊บติสต์, เพรสไบทีเรียน, ลูเทอแรน-แต่เป็นพระเยซูคริสต์ ถูกต้องครับ
พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง, ความจริง, ความสว่าง และไม่มีความมืดในพระองค์เลย และพระองค์ทรงทำให้ความมืดกระจัดกระจายไปเมื่อพระองค์ทรงเข้ามาข้างใน เพราะว่าพระองค์ทรงเป็น พระวจนะเป็นแสงสว่าง นั่นแหล่ะครับ เพราะพระองค์ได้ทรงกล่าวและตรัสว่า “จงเกิดความสว่าง!” นั่นเป็นพระวาทะ และก็มีความสว่างเกิดขึ้น เมื่อพระองค์ทรงกล่าวสิ่งนี้คือแสงสว่างของยุคนั้นในแต่ละครั้ง ตอนนี้พระองค์ทรงอยู่ที่นี่ไม่ได้ทรงอยู่ในแสงจ้า แต่ (พวกผู้คนกำลังอาศัยอยู่ในแสงจ้า) แต่พระองค์ทรงเป็น-พระวจนะที่ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้ว พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างอย่างแท้จริงในเวลาแห่งความมืดมิด ใช่ครับท่าน! แสงจ้าที่เทียมเท็จและสิ่งทั้งหลายทั้งหมดเหล่านี้จะจางหายไป ใช่ครับท่าน! พระองค์ทรงอยู่ที่นี่ อย่ากลัวเลย! เปิดไฟ พระวจนะที่ได้สัญญาไว้ของพระองค์ก็ยังทรงดำรงอยู่ “ผู้ที่วางใจในเรา การงานที่เรากระทำ ... เขาจะทำด้วย” จากนั้นเป็นพระวจนะ “เพราะพระบิดาทรงใช้เรามา ดังนั้นทรงใช้เรามาให้ท่านทั้งหลาย” พระบิดาได้ทรงใช้พระองค์มา เข้ามาในพระองค์เถิด พระเยซูที่ทรงใช้พวกคุณมา ทรงเข้ามาในพวกคุณ และการงานที่พระองค์ได้ทรงกระทำแล้ว พระองค์ทรงกระทำสิ่งเดียวกัน เพราะเหตุใดครับ? พระวจนะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ในมนุษย์ทรงสำแดงพระองค์เองเป็นแสงสว่างของกลางวัน พวกเราอยู่ที่นั่น ที่นั่นมันเป็นเพียง-การแสดงวิธีการที่จะมีชีวิตอยู่ในความสว่าง
คนมีปัญญาผู้ไม่ได้ตาบอดด้วยลัทธิและคณะนิกายจะเดินในความสว่างนั้น โอ้! มีผู้หนึ่งที่สามารถเปิดไฟได้ ใช่ครับ พระองค์ทรงกระทำอะไรเล่าครับ? โดยการพิสูจน์ให้เห็นพระวจนะของพระองค์ในวันนี้ พระเยซูพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงสัญญาพระวจนะสำหรับวันนี้ทรงอยู่ที่นี่กับพวกเรา อย่ารู้สึกกลัวเลย อย่าให้ความสนใจใดๆ กับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ ถ้าพวกคุณสนใจพวกคุณจะเดินในความมืด จงฉลาด! “พวกเขาที่มีปัญญา” ดาเนียลกล่าวว่า “ในวันสุดท้ายคนเหล่านี้จะได้รับประโยชน์เพื่อพระเจ้าของพวกเขา" ดูเถิดครับ เห็นไหมครับ? พวกเขาจะเดินในความสว่างดั่งที่พระองค์ทรงอยู่ในความสว่าง
อย่ากังวลครับ มันอาจจะมืด เหมือนพวกเขากำลังจะบังคับให้พวกเราทุกคน ... ทั้งหมดเหล่านี้ ... พวกคุณจะเห็นการประกาศออกไป คริสตจักรเล็กๆ และสิ่งทั้งหลายทั้งหมดเหล่านี้-จะต้องเข้ามาข้างในตอนนี้ พวกคุณจะต้องเข้ามาข้างในหรือพวกเขากำลังจะปิดพวกคุณขึ้นมา พวกเขากำลังจะทำมัน
ตอนนี้พวกเราจะต้องปะทะกับของแข็งคืนนี้ เมื่อผมไปถึงคราวนี้ ดูเถิดครับ
ในเวลานี้พวกเรากำลังจะใกล้ขึ้นมาครับ พวกคุณจะต้องเป็นหนึ่งในพวกเขาหรือไม่ครับ พวกคุณจะเข้าไปในที่นั้นหรือว่าพวกคุณไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่สามารถแม้แต่จะซื้อหรือขายได้ ใช่ครับ! พวกคุณกลัวที่จะอธิษฐานเผื่อคนที่เจ็บป่วย ถ้าหากพวกคุณถูกจับขณะที่กำลังปรนนิบัติผู้คนที่เจ็บป่วยหรือบุคคลใดกับสิ่งใดที่เป็นฝ่ายวิญญาณในที่นั่นอยู่ พวกคุณอยู่ภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลางที่จะถูกดำเนินการ ใช่แน่นอนครับ พวกคุณทราบเรื่องนั้น ใช่ครับ มันอยู่ในเอกสารของพวกเขา ใช่ครับท่าน! ดังนั้นพวกคุณจึงไม่สามารถกระทำมันได้ พวกคุณจะต้องเป็นสมาชิกของลัทธิ พี่น้องครับ ให้ผมบอกพวกคุณบางสิ่งบางอย่าง พวกคุณควรจะได้รับพระคริสต์ในจิตใจของพวกคุณอย่างแน่นอนในเวลานี้ 'เพราะว่ามีเวลาที่จะมาถึงสถานที่ที่พวกคุณจะต้องการพระองค์จริงๆ พวกคุณไม่ได้อยู่แล้ว โปรดจำครับว่า เมื่อตราประทับได้ประทับแล้วนางก็อยู่ที่นั่นตลอดไป ดังนั้นพวกคุณไม่ทำ พวกคุณไม่เชื่อสิ่งนั้น พวกคุณเข้าไปในพระคริสต์พระวจนะในเวลานี้เถิดครับ
ใช่ครับ! พิสูจน์พระวจนะและแสดงให้เห็นว่ามันเป็นแสงสว่างของ ณ เวลานี้ นั่นคือวิธีการที่พวกเราทราบว่า พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างเพราะพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ พวกเรารู้ได้อย่างไรเล่าครับ? พระองค์ทรงเป็นพระวจนะของพระเจ้าที่ได้บังเกิดเป็นมนุษย์ ดูเถิดครับ พระวจนะของพระเจ้าได้แสดงตนเองพิสูจน์ตนเอง
เมื่อพระเมสสิยาห์ได้เสด็จมาถึง พระองค์ทรงกระทำสิ่งใด หญิงที่บ่อน้ำบอกว่า "เมื่อพระเมสสิยาห์เสด็จมา พระองค์จะทรงชี้แจงสิ่งเหล่านี้ คุณต้องเป็นผู้เผยพระวจนะซึ่งเป็นพระวจนะที่ได้ทำนายสิ่งเหล่านี้ไว้แก่พวกเรา"
พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นผู้นั้น!” เห็นไหมครับ? นั่นก็เพียงพอแล้ว แสงสว่างได้ฉายแสงบนพระวจนะแห่งพระสัญญา ความสว่างก็เกิดขึ้น
นางได้เข้าไปในเมืองกล่าวว่า “มานี่ มาดูคุณผู้หนึ่งที่เล่าถึงสิ่งสารพัดที่ฉันเคยทำ คุณผู้นี้จะเป็นพระเมสสิยาห์ได้ไหม?" นั่นคือพระองค์ ดูเถิดครับ ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดอย่างไรก็ตาม นางรู้ว่าผู้นั้นเป็นพระเมสสิยาห์
จำได้ไหมครับว่า ในทุกยุคทุกสมัยในช่วงเวลาแห่งความมืดมิด พระเจ้าทรงมีพระวจนะของพระองค์ที่จะแยกความสว่างออกจากความมืด พระองค์ทรงมีมันในยุคของลูเทอร์เมื่อคริสตจักรคาทอลิกมีทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์ได้ทรงส่งลูเทอร์มาเป็นแสงสว่างที่ฉายแสง และลูเทอร์ก็แยกความจริงออกจากความมืด และเมื่อลูเทอแรนได้บิดเบี้ยวขึ้น พระองค์ได้ทรงสร้าง จอห์น เวสลีย์ และเขาก็แยกความสว่างออกจากความมืด และในยุคเพนเทคอสต์เมื่อพวกเวสลีย์มีทั้งหมด ... และเมธอดิสท์ได้ทากาวทั้งหมดขึ้น และแบ๊บติสต์ และเพรสไบทีเรียน พระองค์ได้ทรงส่งคำเทศนาของเพนเทคอสต์เพื่อแยกความสว่างออกจากความมืด เพนเทคอสต์เดินย้อนกลับออกไป ณ ที่นั่นเข้าไปในความมืดอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกับที่อยู่ในองค์กรของพวกเขา ได้นำลัทธิและสิ่งทั้งหลายของพวกเขา ตอนนี้เวลานั้นได้มาถึงแล้วสำหรับพระวจนะนี้ที่จะต้องได้รับการพิสูจน์ให้เห็น พระองค์ทรงส่งแสงสว่าง พระวจนะที่ได้รับการสำแดง เหมือนที่พระองค์ได้ทรงกระทำในปฐมกาล ทรงส่งพระวจนะ และมันพิสูจน์ตนเอง มีแสงสว่าง และพระองค์มักจะทรงแยกเสมอ เช่นเดียวกับในเวลานี้เมื่อพระองค์ทรงเปิดแสงสว่างทั้งหลายในปฐมกาล
มองดูพวกเด็กๆ ครับ ... ขณะที่ผมพูด ผมเกินไปห้านาทีแล้วในขณะนี้ แต่ขอให้ผมพูดสิ่งหนึ่งนี้เถิดครับ มีชายผู้หนึ่งในเวลานี้ อย่ารู้สึกกลัวไม่ว่าพวกเขาพูดอย่างไรก็ตาม ผมเคยเห็นมันมาถึงจุดนั้นที่ที่ผมไม่ทราบว่าจะย้ายไปต่อที่ใดครับ แต่พระองค์ทรงเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ การทรงสถิตที่ไม่เคยล้มเหลว พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเสมอ พระองค์ทรงสามารถเปิดไฟได้ ใช่ครับท่าน! พระองค์เพียงกำลังทรงรออยู่ ทรงดูสิ่งที่พวกคุณกำลังจะกระทำครับ พระองค์ทรงสามารถกดสวิทช์เมื่อใดก็ได้ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ ใช่ครับท่าน!
มีผู้หนึ่งที่สามารถเปิดไฟได้ และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ในพื้นที่ของเงาแห่งความตาย บางคนของพวกเขาอยู่ภายใต้โรคมะเร็ง บางคนของพวกเขาอยู่ภายใต้ความตายของคณะนิกาย บางคนของพวกเขาอยู่ภายใต้ความตายของลัทธิความเชื่อ บางคนของพวกเขาอยู่ภายใต้ความตายของประเพณี และชนิดของความตายทั้งหมดของพวกเขา และพวกเขาได้เห็นความสว่างอันยิ่งใหญ่ ผู้ที่เปิดไฟก็คือผู้เดียวกันกับผู้ที่ได้ทรงกล่าวในปฐมกาล “จงเกิดความสว่าง!” พระเจ้าองค์เดียวกันกับเมื่อวานนี้, วันนี้, และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ พระองค์ทรงเป็นปัจจุบันในวันนี้ ณ ที่นี่ตอนนี้ อย่ากลัวเลย พระองค์ทรงสามารถเปิดไฟได้ เมื่อการข่มเหงมาถึง อย่ากลัว มีแสงสว่างหนึ่งบอกว่า พระองค์จะทรงรับคนของพระองค์ขึ้นไป นางจะไม่อยู่ในกลียุค นางจะไม่อยู่ในมัน พระองค์ทรงบอกว่านางจะไม่ นางจะถูกรับขึ้นไปทันที "พวกเขาจะทำอย่างไร บราเดอร์บรานฮาม ดูมืดมิดน่ากลัวหรือไม่ครับ?" ไม่ว่ามันจะมืดมิดอย่างไร ถ้าพวกคุณไม่สามารถมองเห็นมือของพวกคุณต่อหน้าพวกคุณ เพียงจำครับว่า มีผู้หนึ่งที่สามารถเปิดไฟได้ ที่สามารถรับคริสตจักรนั้นขึ้นไปได้
พวกคุณจะพูดว่า “ดีล่ะ ผมอยู่ที่นี่ ... " ใช่ครับ ชัดรัค, เมชาค, และอาเบดเนโก อยู่ที่เตาไฟนั้น แต่มีชายผู้หนึ่งที่นั่นที่เปิดลมได้ ใช่ครับท่าน! ลมบริสุทธิ์ที่หมุนแรงลงมาในวันเพนเทคอสต์ พระองค์ทรงเปิดมันอีกครั้งหนึ่งและได้พัดทุกสายลมออกไปจากพวกเขาทั้งหมด ไฟทั้งหมด มีชายผู้หนึ่งที่นั่น เขาถูกเรียกว่า ชายคนที่สี่ มีผู้หนึ่งที่นี่วันนี้ พระองค์ทรงเป็นเพียงผู้เดียว! สรรเสริญพระเจ้า! พระองค์ทรงมีสวิตช์ไฟในพระหัตถ์ของพระองค์
ผู้คนเหล่านั้นที่นั่งอยู่ในพื้นที่ของเงาแห่งความตาย แสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ผุดขึ้นมา อย่าปฏิเสธครับ รับแสงสว่างนั้นในพระนามของพระเยซูคริสต์ ในขณะที่พวกเราก้มศีรษะของพวกเราลง เพียงรอสักครู่หนึ่งครับ
พวกเราจะเดินในความสว่าง!
แสงสว่างอันงดงาม!
มายังที่หยดน้ำค้างแห่งความเมตตาสว่างสดใสตกลงมา
ส่องแสงรายรอบพวกเราทั้งกลางวันและกลางคืน
พระเยซู, ความสว่างของโลก
พวกเราจะเดินในความสว่าง!
แสงสว่างอันงดงาม!
มายังที่หยดน้ำค้างแห่งความเมตตาสว่างสดใสตกลงมา
ส่องแสงรายรอบพวกเราทั้งวันและคืน
พระเยซู, ความสว่างของโลก
มาเถิด บรรดาธรรมิกชนแห่งความสว่าง, ประกาศ
พระเยซู, ความสว่างของโลก
แล้วระฆังแห่งสวรรค์จะกังวาล
พระเยซู, ความสว่าง
(คืออะไรครับ? พระวจนะที่ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้วคือพระเยซูวันนี้ พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ)
พวกเราจะเดินในความสว่าง!
แสงสว่างอันงดงาม!
มายังที่หยดน้ำค้างแห่งความเมตตาสว่างสดใสตกลงมา
ส่องแสงรายรอบพวกเราทั้งวันและคืน
โอ้ พระเยซู, ความสว่างของโลก
ด้วยศีรษะของพวกคุณที่ก้มลง ผมแปลกใจครับว่า มีกี่คนที่นี่ที่ปรารถนาจะเดินไปในความสว่างนี้ภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวจนะที่ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้วของวันนี้ (ดูเถิดครับ) พระวจนะที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้วันนี้ ได้สำแดงให้เห็นหรือไม่ครับ? พระองค์ไม่ได้ทรงเป็นอยู่ในปฐมกาลหรือครับ? พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ, พระบุตรที่ทรงบังเกิด, พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ, พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า, พระองค์ได้ทรงพิสูจน์ให้เห็นถึงพระวจนะ ดังนั้นแล้วพระวจนะ ... พระเจ้าได้ทรงบอกจุดปลายจากปฐมกาล
ในเวลานี้มีถ้อยคำหนึ่งสำหรับวันนี้ และพระองค์ทรงอยู่ที่นี่กำลังพิสูจน์พระวจนะนั้นในท่ามกลางความสับสน, ความมืดมิด, และแสงจ้าทั้งหลาย มันดูเหมือนว่าทั้งหมดเหมือนมัน แต่มันไม่ใช่ครับ มันไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นมัน
พระเยซูตรัสว่า “ถ้าเราขับผีออกด้วยพระหัตถ์ของพระเจ้า ท่านทั้งหลายขับพวกมันออกโดยผู้ใดเล่า?" พวกเขาไม่ได้ขับผีออก ดูเถิดครับ “แต่ไม่ใช่ ถ้าหากเราขับผีออกด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านทั้งหลายแล้ว” ดูเถิดครับ โอ้ ขอให้คิดถึงมันในขณะที่พวกเรายกมือของพวกเราอย่างช้าๆ ในเวลานี้และตรองดูอย่างเงียบๆ
พวกเราจะเดินในความสว่างนี้!
แสงสว่างที่งดงาม!
มายังที่หยดน้ำค้างแห่งความเมตตาสว่างสดใสตกลงมา
(สารภาพด้วยถ้อยคำของพวกคุณ ในเวลานี้เชื่อพระเจ้าเถิดครับ)
ส่องแสงรายพวกเราทั้งวันและคืน
พระเยซู, ความสว่างของโลก
พวกเราจะเดินในความสว่างนี้!
แสงสว่างที่งดงาม!
มายังที่หยดน้ำค้างแห่งความเมตตาสว่างสดใสตกลงมา
ส่องแสงรายรอบพวกเราทั้งวันและคืน (เป็นผู้ใดเล่าครับ?)
พระเยซู, ความสว่างของโลก
ในขณะที่พวกเขายังคงเล่นดนตรีอยู่ ผมอยากจะถามครับ ... ทุกยุคก็เป็นอย่างเดียวกัน ในยุคของโนอาห์บรรดาผู้ปฏิเสธแสงสว่าง พวกเขาได้ทำอะไรเล่าครับ? ได้เดินออกไปเข้าสู่การพิพากษาของพระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับฟาโรห์ในยุคของแสงสว่างของพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟที่อยู่ในโมเสสเล่าครับ? ได้เดินลงไปในทะเลแห่งความตาย เกิดอะไรขึ้นกับดาธานที่ได้เริ่มต้นแล้วปฏิเสธแสงสว่างครับ? ได้เดินเข้าไปในรอยแตกของโลกที่ได้กลืนเขาเข้าไป เกิดอะไรขึ้นในทุกยุคทุกสมัยแก่ผู้คนเหล่านั้นที่ได้ล้มเหลวที่จะเดินในความสว่าง, แสงสว่างของกลางวันเล่าครับ? มันเป็นเรื่องของพระเยซูตลอดเวลา เป็นพระเยซูในยุคทั้งหลายครับพวกผู้ชาย มันเป็นเรื่องของพระเยซูในวันนี้เพราะพระองค์ทรงเป็นพระวจนะ และพระวจนะทรงทำให้เกิดความสว่าง เป็นแสงสว่างของวันนั้น ตรองดูอย่างเงียบๆ ในเวลานี้ขณะที่พวกเรา... ด้วยการทูลขออย่างจริงใจว่า “คุณกำลังเดินอยู่ในความสว่างหรือไม่ครับ?" ในขณะที่พวกเราครวญเพลงนี้อีกครั้งหนึ่งครับ ...
[บราเดอร์บรานฮาม เริ่มต้นครวญเพลง]
แสงสว่างอันงดงาม!
มายังที่หยดน้ำค้างแห่งความเมตตาสว่างสดใสตกลงมา
ส่องแสงรายรอบพวกเราทั้งวันและคืน
โอ้ พระเยซู, ความสว่างของโลก
ขอให้ลุกขึ้นยืนในเวลานี้ครับ ข้าพระองค์อธิษฐานทูลขอพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ที่จะทรงอนุญาตให้คำเทศนานี้แช่ลึกเข้าไปในจิตใจของผู้คนที่อยู่ในตอนนี้และผู้ที่จะฟังจากเทป และขอแสงสว่างที่จะส่องมาบนพระวจนะ, เมล็ดพืช และนำทุกเมล็ดพืชที่ได้รับการเลือกสรรไว้ที่ได้ปลูกไว้ข้างนอกที่นี่ในแสงจ้าและองค์กรที่แตกต่างกันเหล่านี้ ที่พวกเขาอาจจะเห็นเหมือนนิโคเดมัส แม้ว่าพวกเขาจะต้องมาในเวลากลางคืน มายังแสงสว่างเถิด! โปรดประทานด้วยเถิด พระบิดา
อาจจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นคือ ศิลาที่ถูกตัดออกจากภูเขาโดยไม่ต้องใช้มือ มันจะบดขยี้อาณาจักรของพวกคนต่างชาติเหล่านี้ไปบนพื้นดิน, อาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมด, อาณาจักรฝ่ายวิญญาณและอาณาจักรฝ่ายธรรมชาติ, และศิลาจะครอบคลุมโลกทั้งโลก มันจะเป็นเรื่องที่บริสุทธิ์ บรรดาผู้ถูกศิลานั้นบดขยี้จะเป็นตกลงเป็นผงบนพื้นดิน ผู้คนเหล่านั้นที่ตกอยู่บนศิลานั้นจะมีรากฐานที่มั่นคง
โอ้ พระคริสต์ ขอทรงให้ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ที่ตายบนศิลานี้ ศิลานี้ของพระวจนะพระองค์ พระบิดาเจ้าขอทรงให้ข้าพระองค์ยืนหยัดดั่งดาวิดและพวกเขานักรบแห่งพันธสัญญาเดิมที่ยืนหยัดเพื่อดาวิด ขอทรงให้ข้าพระองค์ยืนหยัดเพื่อพระวจนะนี้ในวันนี้ในขณะที่ข้าพระองค์เห็นมันถูกปฏิเสธโดยคณะนิกายทั้งหลาย มันกำลังวางขึ้นที่นี่ในสถานที่เล็กๆ ที่ไหนสักแห่ง โอ้ พระเจ้า โปรดประทานเถิด ที่ข้าพระองค์ทั้งหลายจะมีความแข็งแรงและความกล้าหาญและพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะทรงยืนหยัด เพื่อเวลาที่จะเริ่มมืดขึ้นและมืดขึ้น แต่ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายจดจำเสมอว่า พระองค์ทรงอยู่ในเวลานี้ที่จะเปิดไฟในเวลาใดก็ตามที่พระองค์ทรงปรารถนา พระองค์ทรงสามารถเปิดไฟได้ พระบิดา
ดังนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายอธิษฐาน ที่พระองค์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก” โปรดประทานเถิดพระบิดา ที่ความสว่างของพวกเรา-ผู้ที่ปรนนิบัติพระองค์จะฉายแสงสดใสอย่างมากมายให้กับคนอื่นๆ ที่พวกเขาจะได้เห็นแสงสว่างของพระกิตติคุณในขณะที่พวกเรามีชีวิตอยู่ พระบิดา วันต่อวันสะท้อนให้พวกเขาเห็นถึงชีวิตของพระเยซูคริสต์ ขณะที่พระองค์ทรงกำลังอยู่บนโลก, เต็มไปด้วยความถ่อมใจและความหวาน, ยังมีพระวจนะที่ดำรงอยู่ผ่านชีวิตของพระองค์ โปรดประทานเถิด พระบิดา สำหรับพวกเราที่กำลังมองไปที่พระองค์ผู้ทรงยิ่งใหญ่กับสวิทช์ในพระหัตถ์ พระองค์ทรงถือโลกไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงถือทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์และทรงค้ำจุนโลกไว้ด้วยพระวจนะของพระองค์ โอ้ พระบิดา ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้รับพระวจนะนั้น โปรดเถิดพระองค์ พระบิดา ขอทรงให้สิ่งนั้นเป็นคำพยาน ความปรารถนาของทุกๆ จิตใจในที่นี่เถิด
พระบิดา ในขณะที่ข้าพระองค์ทั้งหลายร้องเพลงฮิมเหล่านี้ ... ดั่งที่ดาวิดร้องเพลงฮิม พวกมันกลายเป็นคำเผยพระวจนะ พวกมันเป็นคำเผยพระวจนะ และพระองค์ได้ทรงจดจำว่าพวกมันเป็นคำเผยพระวจนะ เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายร้องเพลง พระบิดา ขอทรงให้มันอยู่ในจิตใจของข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยเถิดในขณะที่ข้าพระองค์ทั้งหลายร้องเพลง "ข้าพระองค์ทั้งหลายจะเดินในแสงสว่างนี้" โปรดประทานเถิด พระบิดา นี่คือแสงสว่างที่สวยงามเป็นพระวจนะ เป็นพระคริสต์ที่ดำรงอยู่ท่ามกลางข้าพระองค์ทั้งหลาย ไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ทรงเคยเป็น สิ่งที่พระองค์ทรงเป็น และข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า สิ่งที่พระองค์ทรงเคยเป็นเพียงสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่พระองค์ทรงเป็น และข้าพระองค์ทั้งหลายอธิษฐาน, พระบิดา, ที่พวกผู้คนจะเข้าใจและจะเดินไปในแสงสว่างที่สวยงามนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายทูลขอในพระนามพระเยซู
และในขณะที่พวกเรายังคงยืนอยู่เพียงครู่หนึ่ง ผมอยากจะให้พวกเราร้องเพลง
ตอนนี้ในที่นี่มีเพรสไบทีเรียน, เมธอดิสท์, คาทอลิก นี้เป็นผู้ชมที่ผสมโรงกันขึ้นมาเมื่อมันมาเกี่ยวกับคณะนิกาย
ตอนนี้จำได้ไหมครับว่า ขอให้มันเป็นที่รู้จักว่า ผมไม่ได้เทศนาอะไรที่ต่อต้านพวกผู้คนในแสงจ้าเหล่านี้ แต่ผมได้พิสูจน์แล้วว่ามันกับพวกคุณโดยพระคัมภีร์ไบเบิลว่า พวกมันเป็นพวกแสงจ้า ถ้ามันไม่ได้เป็น พระคริสต์จะทรงกระทำเหมือนที่พระองค์ได้ทรงสัญญาว่าจะทรงกระทำอย่างไรกับพวกเขา ดูเถิดครับ แต่พวกเขาปฏิเสธสิ่งนั้น ดูเถิดครับ และเมื่อพวกคุณไปถึงที่นั่น พวกคุณจะพบสิ่งใดเล่าครับ? เข้าร่วมกับคริสตจักร, กล่าวอ้างถึงความเชื่อ และมันเกิดสิ่งใดขึ้นมาครับ มาถึงจุดปลายของถนน พวกคุณพบว่ามันเป็นภาพลวงตาที่เทียมเท็จ พระคริสต์ทรงเป็นพระวจนะ พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง มีชีวิตอยู่ในเวลานี้ในขณะที่พวกคุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้
พวกคุณมีชีวิตอยู่เพื่อบางสิ่งบางอย่าง พวกคุณกำลังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรเล่าครับ? เพื่อให้พวกคุณสามารถตายได้ ทุกคนของพวกคุณ พวกคุณทำงานเพื่ออะไรครับ? เพื่อจะรับประทานอาหาร พวกคุณกำลังรับประทานเพื่ออะไรครับ? เพื่อจะมีชีวิต พวกคุณกำลังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรครับ? เพื่อจะตาย ดังนั้นทำไมจึงไม่อยู่เพื่อจะอยู่เล่าครับ? ทำไมไม่อยู่เพื่อจะอยู่ครับ? แล้ววิธีเดียวที่พวกคุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้คือ ยอมรับพระวจนะ "เพราะว่ามนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า" ตอนนี้พระวจนะจากพระโอษฐ์ของพระเจ้ากำลังถูกพิสูจน์ให้เห็น ณ ที่นี่ ต่อหน้าพวกเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีชีวิตอยู่โดยพระองค์หรือพวกคุณจะไม่ครับ?
ตอนนี้ผมอยากจะให้พวกเราร้องเพลงนี้อีกครั้งหนึ่งครับ ขอเพียงให้แต่ละคุณยืนอยู่ในที่ของพวกเรา เอื้อมไปและจับมือกันและพูดว่า "บราเดอร์ ขอให้เดินในความสว่างนี้!” ในขณะที่พวกเราร้องเพลงว่า "จงเดินในความสว่าง" พวกคุณจะ? อธิษฐานเผื่อกันและกันขณะที่พวกคุณวางมือของพวกคุณด้วยกันในขณะที่พวกเราร้องเพลงนี้ด้วยกัน หลับตาของพวกเราลงให้นานเท่านานเท่าที่จะทำได้
พวกเราจะเดินในความสว่าง!
แสงสว่างที่งดงาม!
มายังที่หยดน้ำค้างแห่งความเมตตาสว่างสดใสตกลงมา
ส่องแสงรายรอบพวกเราทั้งวันและคืน (เป็นผู้ใดเล่าครับ?)
พระเยซู, ความสว่างของโลก
ตอนนี้ให้ยกมือของพวกเราขึ้นครับ!
พวกเราจะเดินในความสว่าง!
แสงสว่างอันงดงาม!
มายังที่หยดน้ำค้างแห่งความเมตตาสว่างสดใสตกลงมา
ส่องแสงรายรอบพวกเราทั้งวันและคืน
โอ้ พระเยซู, ความสว่างของโลก
มาเถิด บรรดาธรรมิกชนแห่งความสว่าง, ประกาศ (คืออะไรครับ?)
พระเยซู, ความสว่างของโลก
แล้วระฆังแห่งสวรรค์จะกังวาล
พระเยซู, ความสว่างของโลก
โอ้ ให้ร้องเพลงนี้ในเวลานี้ครับ
พวกเราจะเดินในความสว่าง!
ความสว่างอันงดงาม!
มาถึงที่หยดน้ำค้างแห่งความเมตตาสว่างสดใสตกลงมา
ส่องแสงรายรอบพวกเราทั้งวันและคืน
พระเยซู, ความสว่างของโลก
ด้วยศีรษะของพวกเราที่ก้มลงในเวลานี้ จำได้ไหมครับว่า เมื่ออิสราเอลอยู่ในการเดินทางของพวกเขากำลังกินมานาใหม่ทุกวัน พวกเขาเดินในความสว่างจากเสาเพลิง เสาเพลิงนั้นคือพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามันเป็น และวันนี้พระองค์ทรงสถิตย์อยู่กับพวกเรา พวกเรามีพระองค์ พวกเรารู้ว่าพระองค์ทรงสถิตย์อยู่กับพวกเรา เสาเพลิงเสาเดียวกัน ทรงกระทำสิ่งเดียวกันกับที่พระองค์ได้ทรงกระทำเมื่อพระองค์ได้ทรงอยู่ที่นี่ในโลกเพื่อทรงกระทำให้พระวจนะของพระองค์สำเร็จ
ในขณะที่พวกเราไปจากที่นี่ ขอให้จดจำเก็บรักษาเพลงนั้นอยู่ในใจของพวกเราขณะที่พวกเรากลับไปที่บ้านของพวกเรา ขณะที่อยู่บนพวงมาลัยรถทั้งหลายครวญเพลง ก่อนที่พวกคุณจะรับประทานอาหารมื้อเย็นของพวกคุณ ก้มศีรษะของพวกคุณลงและขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับการส่งแสงสว่างออกมาที่จะนำอาหารบนแผ่นดินโลกสำหรับร่างกายของพวกคุณ แล้วขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับการส่งแสงสว่างฝ่ายวิญญาณ พระวจนะของพระองค์ ที่พระองค์อาจจะประทานอาหารเพื่อจิตวิญญาณ "มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า"
ให้ร้องเพลงฮิมเพลงนี้ต่อไปครับ เพื่อพวกคุณเองและในบ้านของพวกคุณ ท่ามกลางคนทั้งหลายของพวกคุณ และพบพวกเรากลับมาที่นี่ประมาษ 6.30 น. คืนนี้สำหรับบัตรอธิษฐานและอื่นๆ พวกเราจะพบพวกคุณอีกจนถึงจากนั้น ก้มศีรษะของพวกคุณลงเถิดครับ ผมจะขอให้บราเดอร์เนวิลล์ ถ้าเขาจะเดินขึ้นมาที่นี่ตอนนี้ ศิษยาภิบาลและปล่อยพวกเราไปในถ้อยคำของการอธิษฐาน