'

ผู้เชื่อสามประเภท

ให้พวกเราก้มศีรษะลง ด้วยศีรษะที่ก้มลงและจิตใจของพวกเรา ผมรู้สึกประหลาดใจว่า มีกี่คนที่ต้องการถูกจดจำในคำอธิษฐาน ช่วยยกมือของคุณขึ้นกล่าวว่า “พระบิดา ขอทรงโปรดจดจำข้าพระองค์ โอ้ พระบิดา” มีคำร้องขอมากมายที่นี่ ผ้าเช็ดหน้าหลายผืนที่วางอยู่บนโต๊ะนี้

แด่พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายได้มาชุมนุมกันอีกครั้งหนึ่งในเย็นวันนี้ภายใต้หลังคานี้ที่ซึ่งพระองค์ทรงได้เสด็จมาพบปะกับข้าพระองค์ทั้งหลายหลายครั้งแล้ว และทรงได้สำแดงความรักของพระองค์แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย ตามที่ข้าพระองค์ทั้งหลายพยายามในทางที่ถ่อมใจของข้าพระองค์ทั้งหลาย เพื่อสำแดงความรักและการขอบพระคุณแด่พระองค์ สำหรับสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย และค่ำคืนนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง พระบิดา เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นผู้ที่มีความจำเป็น สำหรับข้าพระองค์ทั้งหลายที่ต้องการพระองค์เสมอ และตราบนานเคุณานที่ข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ที่นี่บนโลก ข้าพระองค์ทั้งหลายรู้ว่านั่นจะเป็นการร้องไห้เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ในการต่อสู้ และข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ใน...การต่อสู้ที่กำลังลุกโชน และพระองค์ทรงสัญญาและตรัสไว้ถึงวิธีการที่ศัตรูจะเป็นเหมือนสิงโตคำรามอย่างไร มันจะวนเวียนอยู่ในพวกผู้คน และข้าพระองค์ทั้งหลายจะสามารถเห็นมันได้ในทุกที่ เหมือนดั่งสิงโตคำรามที่กำลังสังหารสิ่งที่มันจะกระทำเพราะมันรู้ว่าเวลาของมันสั้น แต่ข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระบิดาผู้ทรงใส่พระทัยสำหรับบุตรน้อยทั้งหลายของพระองค์ และโดยพระองค์ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นไทตามคำร้องขอของข้าพระองค์ทั้งหลาย ในค่ำคืนนี้ พระบิดา ข้าพระองค์ทั้งหลายอธิษฐานทูลขอพระองค์ทรงโปรดประทานให้แก่พวกเขา

พระบิดา และผ้าเช็ดหน้าเหล่านี้ที่วางอยู่ที่นี่ หมายความว่า มีพวกผู้ป่วยบางที่ในดินแดนนี้ที่กำลังร้องเรียกและมีความจำเป็นที่จะทูลขอจากพระองค์และมีความเชื่อในพระองค์เพื่อที่จะฝึกฝนความศรัทธาของพวกเขาที่นี่ที่จะส่งผ้าเช็ดหน้า เหล่านี้ไป พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานให้ทุกคนในพวกเขาหายโรค

พวกเราเห็นฤทธิ์อำนาจอันทรงฤทธานุภาพของพระองค์ พระบิดา เพียงสักครู่หนึ่งที่ผ่านมาที่นั่นในห้องนั้นที่ทรงรื้อฟื้นความทรงจำอันสมบูรณ์ให้กับเด็กชายคนหนึ่งซึ่งได้สูญเสียไป พวกเราเห็นฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทรงเคลื่อนความเจ็บป่วย และทรงเปิดเผยความลับของจิตใจ และทรงสำแดงให้แก่คนทั้งหลาย และทรงตั้งพวกเขาให้ตรงตามระเบียบ พวกเราขอขอบพระคุณพระองค์ เพราะนั่นเป็นเกินกว่ามนุษย์ผู้ใด นั่นเป็นเกินกว่าสิ่งใดที่ใครในพวกเราจะรู้ว่า พระองค์ทรงสามารถเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงอย่างไร และอะไรได้กระทำมันเล่า และมันเป็นอย่างไร นั่นคือพระองค์ พระบิดา และพวกเรารู้ว่า “พระวจนะสำรวจค้นหาจิตใจและเป็นผู้พิจารณาตัดสินความคิดและความตั้งใจทั้งหลายของจิตใจนั้น” ดังนั้นพวกเราจึงขอบพระคุณพระองค์สำหรับการนี้

และในเวลานี้ พระบิดา ข้าพระองค์ทั้งหลายเชื่อว่า พวกผู้คนที่ได้ก้มศีรษะของพวกเขาลงตอนนี้กำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ และนั่นคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงกำลังตรัสกับพวกเขา และประทานให้แต่ละคนตามคำร้องขอของพวกเขาที่อาจจะได้รับคำตอบ ขอทรงโปรดกอบกู้ผู้ที่สามารถรอดได้ พระบิดา ค่ำคืนนี้ผู้ที่หลงหายพวกเขาอาจจะกลับเข้ามาและได้รับความรอด

ข้าพระองค์ทั้งหลายรู้สึกขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ได้เห็นผ้าเปียกกองใหญ่ที่นั่น รู้ดีว่า หลุมฝังศพได้ถูกเปิดออกแล้วและบาปของมนุษย์คนเก่าได้ถูกฝังแล้วสำหรับหลายคนในพวกเขา และข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์สำหรับการนี้ พระบิดา ขอให้พวกเขาที่จะดำเนินในสิ่งใหม่ของชีวิตในวันเวลาที่เหลืออยู่ของพวกเขา ข้าพระองค์ทั้งหลายอธิษฐานขอในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอพระเจ้าอวยพรคุณ ขอประทานคำตอบตามคำร้องขอที่มีอยู่ในจิตใจของคุณ

คราวนี้ผมเชื่อที่บิลลี่ได้พูดว่า บราเดอร์วีลเล่อร์มีเด็กทารกน้อยคนหนึ่ง นั่นถูกต้องไหม? ผมได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาดที่นั่นหรือ เพื่อที่จะถูกมอบถวายหรือสิ่งอื่นบางสิ่ง หรือการมอบถวาย (บราเดอร์เนวิลล์พูดว่า “ผมเชื่อว่า มีเด็กทารกสามหรือสี่คนครับ”) ตกลง ถ้าคุณต้องการที่จะนำพวกเขาขึ้นมาตอนนี้ พวกเรามีความยินดี ขอเชิญเหล่าผู้ปกครองมาด้านหน้าวางมือบนบรรดาผู้เล็กน้อยนี้สำหรับรายการการมอบถวาย และพวกเราจะพยายามย่อให้สั้นลง และพวกเราต้องการให้บรรดาผู้เล็กน้อยนี้ที่ต้องการจะเข้ามาหาพระเยซูเจ้า ต้องการที่จะนำของมีค่าเล็กน้อยของพวกเขาซึ่งพระเจ้าได้ประทานให้กับเขาทั้งหลาย พวกเราพยายามเสมอที่จะกระทำหนทางสำหรับพวกเขา เพราะพวกเราไม่ล่วงรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

คุณแม่ของผมเคยบอกผมว่า “จงอย่าเลื่อนไปวันพรุ่งนี้ ถ้าจะสามารถกระทำได้ในวันนี้” ใช่ครับ เพราะคุณไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเรารู้ว่าใครเป็นผู้ที่ครอบครองวันพรุ่งนี้

บราเดอร์วีลเลอร์ ขอพระเจ้าอวยพรคุณ และนี่คือซิสเตอร์วีลเลอร์ ผมมีความสุขอย่างมากที่ได้พบคุณ และผม...ช่วงเวลาที่พิเศษครั้งแรกของผม ผมเชื่อว่า เมื่อผมได้รู้จักและพบกับคุณ นี่คือลูกสาวคนเล็กของคุณ  เธอชื่ออะไร? (ซิสเตอร์วีลเลอร์ตอบว่า “คาร์ลีน่า รีเบ็คก้า” ค่ะ)  คาร์ลีน่า รีเบ็คก้า ช่างเป็นเด็กผู้หญิงเล็กๆ ที่น่ารักมากๆ น่ารักเท่าที่เธอสามารถจะเป็นได้ คราวนี้ เด็กหญิง คาร์ลีน่า รีเบคก้า วีลเลอร์

บราเดอร์วีลเลอร์เป็นท่านหนึ่งในผู้ปกครองของพวกเราที่นี่ในคริสตจักรแห่งนี้ และพระเจ้าทรงอวยพรการสมรสของพวกเขาคือเด็กน้อยผู้นี้ ผมเชื่อว่าพวกคุณมีประมาณ ผมรู้จักเด็กผู้หญิงอีกสองคน คุณมีอีกใช่ไหม? (บราเดอร์วีลเลอร์ตอบว่า “สาม” ครับ) เด็กผู้หญิงอีกสามคน พวกเขาช่างเป็นผู้หญิงที่งดงามมากตามที่ผมเข้าใจ และดังนั้นผมขออธิษฐานว่า พระเจ้าจะทรงกระทำให้รีเบ็คก้าเป็นเหมือนดั่งพวกเขาทั้งหลาย เห็นไหมครับ?  และนั่นจะทำให้คุณทั้งหมดรู้สึกพอใจใช่ไหม? ใช่ครับ เพราะว่าพวกเขาช่างเป็นเด็กๆ ที่น่ารักมาก

ผมไม่รู้ว่าเธอจะยอมให้ผมอุ้มเธอหรือไม่ ถ้าหากว่าเธอไม่ยอม พวกเราก็จะวางมือบนเธอ หนูต้องการที่จะมาหาผมตรงนี้ไหม รีเบ็คก้า? ช่างเป็นเด็กหญิงเล็กๆ ที่น่ารักมาก!            

ในเวลานี้ให้พวกเราก้มศีรษะลง

พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณ ขณะที่ข้าพระองค์ทั้งหลายยืนอยู่ที่นี่ต่อหน้าผู้ปกครองผู้นี้ในค่ำคืนนี้ และเขาได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีจริงของผู้ปกครองที่ต้องถูกพบว่าไร้ตำหนิ เป็นสามีของภรรยาคนเดียวที่ปกครองครอบครัวของเขาได้เป็นอย่างดี ถ้าเขาไม่รู้ว่าจะปกครองครอบครัวของเขาอย่างไรแล้ว เขาจะสามารถปกครองครอบครัวของพระเจ้าได้อย่างไร? และข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณพระองค์ที่พี่น้องชายผู้นี้มีคุณสมบัติเหล่านี้และข้าพระองค์ทั้งหลายสัมผัสพระวิญญาณของพระเจ้าในตัวเขา

และในเวลานี้เขานำลูกสาวเล็กๆ ของเขามาที่นี่เพื่อมอบถวาย ขอให้คุณได้วางเธอไว้ในอ้อมแขนของพวกเขาสำหรับการยกชูขึ้น พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความยินดีมากเพียงไรที่ข้าพระองค์ทั้งหลายจะสามารถพูดถึงความปรารถนาของพวกเขาว่า เธอจะเป็นเหมือนดั่งพี่สาวทั้งหมดของเธอ ขอประทานเถิดพระบิดา ที่ความตั้งใจนี้จะเป็นไปตามนั้นและที่เด็กคนนี้จะมีชีวิตอยู่ในการรับใช้ที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระบิดา และในเวลานี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอมอบเด็กคนนี้ให้กับพระองค์สำหรับชีวิตของการรับใช้ โปรดประทานให้เธอมีสุขภาพที่ดีแข็งแรง ถ้าเป็นไปได้ขอให้เธอมีชีวิตยืนยาวจนกระทั่งพระเยซูเสด็จมา และดังนั้นแล้วพระบิดา ข้าพระองค์ทั้งหลายเชื่อว่าเธอจะได้รับการเลี้ยงดูในพระโอวาทของพระคริสต์ และข้าพระองค์ทั้งหลายขอมอบชีวิตของเธอให้กับพระองค์สำหรับชีวิตของการรับใช้ อาเมน

ขอพระเจ้าอวยพรหนู รีเบ็คก้า และขอพระเจ้าอวยพรคุณ บราเดอร์วีลเลอร์และซิสเตอร์วีลเลอร์ ขอพระเจ้าสถิตอยู่กับคุณ

ยินดีต้อนรับ คราวนี้นี่คือเด็กหญิงเล็กๆ อีกคนหนึ่งกับรอยยิ้มกว้างอันสดใสบนใบหน้าของเธอ และเธอชื่ออะไร? (คุณแม่ของเธอตอบว่า “รอนด้า เรเน่ โค้ทส์” ค่ะ) รอนด้า เรเน่ โค้ทส์ ใช่ไหม? และหนูมีความเกี่ยวข้องกับเจสซี่และพวกเขา เจสซี่ โค้ทส์? (“ไม่” ค่ะ) ผมแค่คิด....ผมรู้จักกับบางคนของครอบครัวโค้ทส์ในเมืองนี้ที่นี่ ผมรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดีและเป็นเพื่อนๆ ของผมมาเป็นเวลานานแล้ว

รอนด้า? รอนด้า เรเน่ น่าแปลกใจครับ ถ้าหากหนูอยากจะมาหาผมที่นี่ รอนด้า? ผมจะให้หนูกลับไปหาคุณแม่ทันทีที่พวกเราได้มอบถวายหนูให้กับพระเยซูเจ้า ตอนนี้เธอช่างน่ารักมาก!  

ในเวลานี้ให้พวกเราก้มศีรษะลง

พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ขณะที่ผู้ปกครองของพระองค์และข้าพระองค์ยืนอยู่ด้วย กันในค่ำคืนนี้ในข้อตกลงและความสามัคคีในพระกิตติคุณ คุณแม่ผู้นี้ได้นำหนูน้อยคนนี้ รอนด้า เรเน่ มามอบถวายแด่พระองค์ พระองค์ได้มอบเด็กคนนี้ไว้ในอ้อมแขนของนางสำหรับการดูแลและสิ่งแรกที่นางสามารถทำได้ในเวลานี้คือ การนำเด็กคนนี้กลับมาสู่พระองค์ ดั่งที่โยบได้กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เดิมว่า “พระเจ้าทรงมอบสิ่งเหล่านี้” และข้าพระองค์ทั้งหลายอธิษฐาน พระเจ้า ขอพระองค์ทรงรักษาเธอให้ปลอดภัยจนกระทั่งถึงเวลาที่พระองค์จะทรงรับเธอไป โปรดประทานให้เธอดำเนินชีวิตคริสเตียนแท้และเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่นเมื่อเธอเติบโตขึ้น ขอทรงอวยพรวิหารของเธอและที่จะถูกมอบถวายแด่พระองค์ด้วยการรับใช้เต็มเวลาด้วยใจจริง และในเวลานี้ พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายขอมอบเด็กหญิง รอนด้า เรเน่ โคทส์ แด่พระองค์ในพระนามพระเยซูคริสต์สำหรับชีวิตแห่งการรับใช้ อาเมน

น่ารักมาก! ขอพระเจ้าอวยพรหนู ซิสเตอร์

ยินดีต้อนรับ! (พี่น้องหญิงตอบว่า “โรเบิร์ต พอล แชมแมล” ค่ะ) โรเบิร์ต พอล เชน? (“แชมแมล” ค่ะ) แชมแมล

ถ้ากระนั้น...และคุณยังเป็นคนหนุ่มอยู่ ผมไม่คิดว่าคุณจะจุกจิกกับมันมากนัก อย่าหัวเราะผมอย่างนั้น จงมองที่นี่ ถ้าคุณต้องการเห็นใครบางคนหัวเราะ โรเบิร์ต พอล ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะมาก

ให้พวกเราก้มศีรษะของพวกเราลง

พระเจ้า ขณะที่ผู้หญิงคนนี้ได้มาที่นี่มายังพวกเรา คงจะเป็นเด็กผู้หนึ่งและนางกำลังจะมอบถวายลูกชายเล็กๆ ของเธอ โอ พระเจ้า เพื่อชีวิตหนึ่งแห่งการรับใช้แด่พระองค์ มันคือผลิตผลและผลลัพธ์ของความเป็นหนึ่งของพวกเขา ข้าพระองค์อธิษฐาน พระเจ้า ขณะที่ผู้ปกครองของพระองค์และข้าพระองค์วางมือลงบนเด็กน้อยผู้นี้แล้วนั้นชีวิตของเขาจะถูกมอบถวายแด่พระองค์ ขอพระองค์ประทาน ถ้าหากว่ามีวันพรุ่งนี้ เขาจะได้รวบรวมพระวจนะให้กับคุณพ่อและคุณแม่ของเขาได้ฟังเกี่ยวกับพระองค์ โปรดประทานให้เป็นเช่นนั้นเถิด และข้าพระองค์อธิษฐานว่า พระองค์จะทรงอวยพรวิหารของพวกเขาและเด็กคนนี้จะถูกเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นในพระโอวาทของพระองค์และจะเป็นสาวกที่รักของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอมอบถวายเขาแด่พระองค์ในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

เขาเป็นเด็กชายที่น่ารักผู้หนึ่ง นั่นแหล่ะครับครับ ใช่ครับท่าน คุณไม่สามารถขออะไรที่น่ารักกว่านี้ได้แล้ว หรือว่าคุณสามารถ? ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะน่ารักกว่าเด็กน้อยผู้นี้อีกแล้ว ใช่ครับ รอยยิ้มทั้งหมด! น่ารักไหม? (ที่ประชุมตอบว่า “อาเมน”)

นั่นคือครั้งหนึ่งที่ภรรยาของผมรู้สึกอิจฉางานของผมที่ได้อุ้มเด็กๆ เหล่านั้น เธอชอบที่จะอุ้มพวกเขา และผมก็เหมือนกัน แต่ผมก็กลัวเสมอว่าผมจะทำเขาตก พวกเขาก็เช่นกัน คุณรู้ น่ารักมากและหน้าตาดีมากแต่คุณรู้ว่า พวกเขาแข็งแรงจริงๆ มากเกินกว่าที่พวกเขาควรจะเป็น

ตอนนี้ผมได้บอกคุณผมกำลังจะออกไป   ผมมีเวลาเพียงแค่สามสิบห้านาที ผมจะต้องรีบเร่งแล้วใช่ไหม? ดูเถิด ผมไม่ได้หมายความที่จะพิจารณาสิ่งใดๆ ผิด หรือพูดสิ่งใดผิด แต่ผมจะต้องพยายามอย่างหนักเพราะว่า...คุณทราบว่า หลังจากที่พวกเรามีอายุมากขึ้นพวกเราก็ไม่ได้กระฉับกระเฉงเท่ากับที่พวกเราเคยเป็น คุณทราบว่า ระยะทางหลายไมล์นี้บางครั้งก็ยากยิ่ง และสองหรือสามรายการเทศนาต่อวัน ทำไม...

และอะไรคือส่วนสำคัญในนิมิตเหล่านั้น การเทศนาไม่ได้ทำร้ายผม ผมสามารถยืนที่นี่ได้ตลอดทั้งวัน และไม่ได้ทำให้ผมรำคาญ แต่ผม..... แต่เพียงนิมิตเหล่านั้น และเมื่อผู้คนอยู่ในการสัมภาษณ์เหล่านี้ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องมี เห็นไหมครับ?  นั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขามาอยู่ที่นี่ มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้โดยการวางมือเท่านั้น มันจะต้องรู้ถึงราก การเริ่มต้นของมัน อะไรเป็นสาเหตุของมัน มันได้กระทำอะไร และจากนั้นจะต้องกระทำสิ่งใดเพื่อที่จะหลุดออกไปจากมัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขามาอยู่ที่นี่

ครั้งนี้การประชุมจะเริ่มต้นในวันที่หลังจากคืนพรุ่งนี้...หรือ ไม่ใช่ ผมขออภัยพวกคุณด้วย มันเป็นคืนวันพุธที่เมืองเชรฟเวพอร์ท รัฐหลุยส์เซียน่า และถ้าใครในพวกคุณมีเพื่อนๆ อยู่แถวนั้น ทำไมไม่บอกพวกเขาให้มาร่วมประชุมด้วยเล่าที่ไลฟ์ทาเบอร์นาเคิล ผมคิดสถานที่ๆ เริ่มต้นนอกจากจะได้ตรงข้ามหอประชุม ถ้าพวกเขาสามารถใช้ได้ ซึ่งจะให้พวกเขามีสถานที่นั่งเพิ่มขึ้นอีกบ้าง แต่พวกเขาได้ระเบียงชั้นบน และชั้นที่มีพื้นที่ใหญ่ และชั้นล่างที่ต่ำลงมา ดังนั้นแล้ว,,,,,, ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าพวกเขาสามารถนั่งได้กี่คน แต่มันคงจะแย่มาก พวกเราอาจจะได้ใช้หอประชุมฝั่งตรงข้ามที่จะ.....ผมไม่ทราบว่ามีที่นั่งจำนวนเท่าไหร่ ผมเคยมีรายการเทศนาที่นั่น แต่ผมจำไม่ได้ นี่เป็นการประชุมประจำปี

สามปีที่แล้วผมได้ลงไปที่นั่น และพวกเราได้เริ่มการฟื้นฟูในพระนามพระเยซู และมันไม่สามารถจบลงได้ เพราะว่ายังดำเนินต่อเนื่อง อย่างต่อเนื่องทุกวัน ผู้คนเข้ามาได้รับความรอด รับบัพติศมา และดำเนินต่อไปกับพระเจ้าเช่นนั้น บรรดาพันธกรผู้รับใช้พระเจ้าและทุกอย่างเข้ามาที่นั่น และพวกเราเพียง...ตราบนานเคุณานที่มันยังดำเนินต่อไปเช่นนั้น และผมได้มายืนอยู่ที่นี่ ผมต้องการที่จะไปเยี่ยมเยียนสถานที่นั้นทุกครั้งและเพียงพูดถึงบ้างและไปข้างหน้า

ครั้งนี้การประชุมจะเริ่มต้นวันพุธและจบลงในวันอาทิตย์ การรับประทานอาหารเช้าของกลุ่มนักธุรกิจคริสเตียนคือ....ผมไม่ลืมชื่อของโรงแรมนั้น ผมเชื่อว่ามันชื่อ...พวกเขาจะบอกคุณเมื่อคุณไปที่นั่น มันเป็นการรับประทานอาหารเช้าของกลุ่มนักธุรกิจ

ได้มีเวลาที่ดี ณ ที่นั่น สำหรับพวกคุณบรรดานักธุรกิจที่นี่ ครั้งสุดท้ายที่นั่น พระเจ้าประทานความรอดให้แก่รับบีผู้หนึ่งที่อยู่นอกเมือง และ โอ้ ผมไม่ทราบว่าสิ่งใดได้เกิดขึ้น มันเป็นเวลาที่ยิ่งใหญ่ในพระเจ้า ณ ที่แห่งนั้น การเทศนาบน “พันธสัญญาโลหิต” ดังนั้น พวกเรา...นั่นคือสิ่งที่พวกยิวได้ล่วงรู้ มันคือโลหิต “ถ้าปราศจากโลหิตแล้วก็ไม่มีการไถ่” คุณรู้

คราวนี้ให้ตรงเข้าสู่พระวจนะ และผมจะทำให้ดีที่สุดที่จะรักษาคำพูดของผมกับพวกคุณ

และตอนนี้ ถ้าหากเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ในครั้งนี้ วันอาทิตย์หลังวันคริสต์มาส ถ้าพวกคุณอยู่ในระหว่างวันหยุดและขับรถมารอบๆ แถวนี้ ถ้าถนนไม่ลื่นเป็นน้ำแข็ง เหตุไฉนพวกคุณที่อยู่รอบๆ ใกล้กับที่นี่ ทำไม แวะเข้ามาสิครับ และพวกเรากำลังตั้งเป้าว่าจะมีรายการเทศนาที่นี่เช้าวันอาทิตย์ของวันอาทิตย์หลังวันคริสต์มาส มันคือวันที่เท่าไหร่? (บางคนตอบว่า “วันที่ 29 ครับ”) 29 วันที่ 29 และนั่นเป็นวันอาทิตย์หลังจากวันคริสต์มาส วันที่ 29 ครั้งนี้ถ้ามีสิ่งใดเกิดขึ้นที่ทำให้พวกเรา บางสิ่งบางอย่าง พวกเราจะไม่ และไม่สามารถที่จะอยู่ที่นี่....พวกเราไม่รู้เกี่ยวกับอนาคต คุณรู้ แต่ถ้าหากว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นเหตุให้พวกคุณที่อยู่ชานเมืองได้เข้ามาเหมือนพวกชนบทจากตอนล่างของเมืองเมมฟิส …..

ผมอยากจะฟังบราเดอร์อุนเกรนร้องเพลง “พระเจ้ายิ่งใหญ่” และผมไม่.....คืนนี้เขาอยู่ที่นี่ไหม?

และดังนั้นผมมีสิ่งต่างๆ มากมายเสมอ ผมไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดสำเร็จได้ ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดสำเร็จได้ ขอพระเจ้าอวยพรพวกคุณทั้งหลาย

คราวนี้ให้พวกเราเปิดข้อพระคัมภีร์ตอนนี้สำหรับการอ่านข้อพระคัมภีร์สั้นๆ ที่ซึ่งถ้าคำพูดของผมตกไป นี่จะไม่ และดังนั้น พระเจ้าจะทรงอวยพรพวกคุณสำหรับการรอคอยอยู่เพื่อที่จะฟังพระวจนะของพระองค์ “ความเชื่อเกิดจากการฟัง การฟังพระวจนะของพระเจ้า” ใช่ไหมครับ? ตอนนี้ขณะที่ผมกำลังคิด...ขณะที่พวกคุณกำลังเปิดพระธรรมยอห์น บทที่ 6  เริ่มจากข้อที่ 60  และอ่านรวมทั้งข้อที่ 71 พระธรรมยอห์น 6:60

ตอนนี้ผมกำลังคิดถึงตอนที่ผมกำลังมองออกไปที่หน้าต่างสักครู่หนึ่งที่ผ่านมา และกำลังจ้องมองดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน และมองเห็นว่าทุกสิ่งในธรรมชาตินั้นมีกฏอยู่กฏหนึ่ง และเมื่อฤดูหนาวได้มาถึง กฏนั้นก็เป็นไปอย่างอัตโนมัติของธรรมชาติดำเนินไปสู่รากของต้นไม้ มันถูกฝัง

เมื่อโยบกล่าวว่า  “โอ้ หากพระองค์ทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้ในแดนคนตายก็จะดี ใคร่จะให้พระองค์ทรงปกปิดข้าพระองค์ไว้จนพระพิโรธพระองค์พ้นไป” และในเวลานี้ มันเป็นเช่นนั้น “หากพระองค์ทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้!” ดูเถิด เขาได้เห็นธรรมชาติ ต้นไม้ ชีวิตที่ลงไปสู่รากของมัน บราเดอร์เวย์ “และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพระพิโรธได้ผ่านพ้นไป และจากนั้นทรงโปรดเรียกข้าพระองค์และทรงกำหนดเวลาให้ข้าพระองค์เถิด” เห็นไหมครับ? 

ธรรมชาติมีกฏเกณฑ์ มีกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ไม่มีทางอื่นทั้งสิ้นที่จะอ้อมรอบมันไปได้ มันเป็นกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ และดังนั้นจึงมี กฏเกณฑ์ของฝ่ายวิญญาณที่ไม่มีทางอ้อมรอบไปได้เช่นเดียวกัน

ผมกำลังพูดกับสามีภรรยาคู่หนึ่งในตอนบ่ายของวันนี้เกี่ยวกับว่า คุณไม่สามารถทำลายสิ่งใดๆ ได้อย่างราบคาบ มนุษย์ไม่สามารถทำลายได้ พวกเขาสามารถฉีกได้แต่ทำลายไม่ได้ และบางคนกล่าวว่า “แล้วอย่างการฉีกและเผาเศษกระดาษล่ะ นั่นไม่ใช่ทำลายมันหรือ?” ไม่ใช่ครับท่าน มันเป็นเพียงการแยกสารเคมีออกจากกันด้วยความร้อนของไฟ มันจะกลายเป็นก๊าซ สิ่งที่มันเคยเป็นในตอนเริ่มแรก พวกคุณไม่สามารถทำลายได้ และถ้าหากว่าโลกนี้ยังยืนหยัดอยู่ได้อีกต่อไป ก๊าซต่างๆ และสารเคมีต่างๆ ที่เคยอยู่ในกระดาษแผ่นนั้นสามารถจะกลับมาเป็นแผ่นกระดาษได้อีกครั้งหนึ่ง แน่นอนว่า พวกคุณไม่สามารถทำลายได้ แน่นอนครับ

พระเจ้า ดังนั้นถ้าหากมีการฟื้นคืนชีพสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาอีกครั้งหนึ่งและไม่มีการทำลายล้าง มีการฟื้นคืนชีพของผู้ชอบธรรม ใช่ครับ และพวกเราจะต้องกลับมา นั่นแหล่ะครับคือทั้งหมดที่จะเป็นเช่นนั้น ไม่มีหนทางใดเลยที่จะกระทำมันได้ ไม่ว่าอย่างไร ถ้าหากคุณถูกเผา ถ้าหากคุณจมน้ำในที่ใดๆ ก็ตาม พวกเขาไม่สามารถทำลายได้

เพียงจำไว้ครับว่า ทุกชิ้นส่วนของคุณนั้นอยู่ที่นี่ เมื่อพระเจ้าได้ตรัสให้โลกนี้ดำรงอยู่ พระองค์ทรงวางร่างกายของคุณไว้ที่นี่ตั้งแต่นั้น และไม่มีสิ่งใดเลยที่จะสามารถนำมันออกไปได้เว้นแต่เพียงพระเจ้า มันคือทั้งหมดจะกลับเข้าสู่พระหัตถ์ของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง เห็นไหมครับ?  พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียว-พระเจ้าองค์เดียว พระผู้สร้าง ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงสร้างพระสัญญานั้น ดังนั้นพวกเราจึงมั่นใจได้ว่ามีชีวิตนิรันดร์ และเรามีหลักประกันในจิตใจของเราตอนนี้ว่า บัดนี้เรามีชีวิตนิรันดร์ ชีวิตนิรันดร์ที่จะไม่ตาย ในเราเวลานี้ แน่นอนครับ

พระธรรมยอห์นบทที่ 6 ให้เริ่มได้ในตอนนี้ด้วยบทที่ 6 ของพระธรรมยอห์น และเริ่มด้วยข้อที่ 60:

ดังนั้นเมื่อเหล่าสาวกของพระองค์หลายคนได้ฟังเช่นนั้นก็พูดว่า “ถ้อยคำเหล่านี้ยากนักใครจะฟังได้”

เมื่อพระเยซูทรงทราบ...เองว่าเหล่าสาวกของพระองค์บ่นถึงเรื่องนั้น พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เรื่องนี้ทำให้ท่านทั้งหลายลำบากใจหรือ”

ถ้าท่านจะได้เห็นบุตรมนุษย์เสด็จขึ้นไปยังที่ที่ท่านอยู่แต่ก่อนนั้น

จิตวิญญาณเป็นที่ให้มีชีวิต ส่วนเนื้อหนังไม่มีประโยชน์อันใด ถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวกับท่านทั้งหลายนั้นเป็นจิตวิญญาณ (นั่นคือพระองค์) และเป็นชีวิต (พระองค์เคยตรัสอะไร? “เราเป็นความจริง ชีวิต”......พวกเขาเป็นวิญญาณ.....พวกเขาเป็นชีวิต

แต่ในพวกท่านมีบางคนที่ไม่เชื่อ” เพราะพระเยซูทรงทราบแต่แรกว่าผู้ใดไม่เชื่อ และเป็นผู้ใดที่จะทรยศพระองค์

และพระองค์ตรัสว่า “เหตุฉะนั้นเราจึงได้บอกท่านทั้งหลายว่า ‘ไม่มีผู้ใดจะมาถึงเราได้ นอกจากพระบิดาของเราจะทรงโปรดประทานให้ผู้นั้น’”

ตั้งแต่นั้นมาสาวกของพระองค์หลายคนก็ท้อถอยไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป (“พูดยาก” ดูเถิดครับ เขามิอาจจะรับมันได้)

พระเยซูตรัสกับสิบสองคนนั้นว่า “ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ”

ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายจะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์ทรงมีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์

และข้าพระองค์ทั้งหลายก็เชื่อและแน่ใจแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์” (โอ้!)

พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราเลือกพวกท่านสิบสองคนมิใช่หรือ และคนหนึ่งในพวกท่านเป็นมารร้าย”

พระองค์ทรงหมายถึงยูดาสอิสคาริโอทบุตรชายซีโมน เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่จะทรยศพระองค์ คือคนหนึ่งในอัครสาวกสิบสองคน

ครั้งนี้ถ้าผมจะตั้งชื่อนี้เป็นหัวข้อเทศนาสำหรับคืนนี้ และผมจะพยายามอย่างดีที่สุดที่ในครึ่งชั่วโมง ผมต้องการที่จะเทศนาเรื่อง “ผู้เชื่อสามประเภท”

และผมได้เคยกล่าวถึงบ่อยๆ และผมคิดว่า "ผมเพียงแค่เชื่อว่าผมจะเทศนาเรื่องนี้สักครั้งหนึ่งในบ่ายนี้” ผมเคยคิดเช่นนั้น

ประเภทแรกคือ ผู้เชื่อ, ผู้แสร้งว่าเชื่อ และผู้ไม่เชื่อ ครั้งนี้นั่นคือหัวข้อเทศนา แต่แน่นอนว่าในขณะที่เรานั่งอยู่ที่นี่คืนนี้ กลุ่มนั้นจะมาชุมนุมอยู่ด้วยกันเสมอ ที่ใดก็ตามที่ผู้คนมาชุมนุมกัน พวกเราจะพบกลุ่มนี้และเคยได้พบพวกเขาเสมอ และอาจจะเป็นไปได้ที่พวกเราจะมีพวกเขาอยู่ด้วยเสมอจนกระทั่งการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ และคืนนี้ผมต้องการให้พวกเราเห็นภาพของตัวเราเองในขณะที่ผมเทศนาถึงสามกลุ่มนี้ และเห็นว่าพวกเราอยู่ในกลุ่มไหน

คราวนี้โปรดจำครับว่า ผมกำลังเทศนาที่นี่สำหรับ อาจจะ....คริสตจักรนี้ที่จะแน่นอีกครั้งหนึ่งคืนนี้ รอบๆ และที่กำแพงและทางเดิน นอกจากนั้นผมกำลังเทศนาไปยังรอบโลกอีกด้วย เห็นไหมครับ?  ในส่วนที่แตกต่างทั้งหมดของโลกที่เทปเหล่านี้หมุนเวียนผ่านไป พันธกิจเทปเทศนา

ตอนนี้ผมอยากจะเทศนาเกี่ยวกับสามประเภทที่แตกต่างกันของบรรดาผู้เชื่อในครั้งนี้ คราวนี้จงจำไว้ว่า ผู้เชื่อ หัวข้อเทศนาของผมคือ ผู้เชื่อ หนึ่งในพวกเขาคือ ผู้เชื่อแท้ และต่อไปคือ ผู้แสร้งว่าเชื่อ และต่อไปคือ ผู้ไม่เชื่อ เห็นไหมครับ?

คราวนี้ประเภทแรกที่เราจะพูดถึงคือ ผู้เชื่อ เพราะผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นลำดับแรก เพราะเขาเชื่อจริงๆ ตอนนี้ เชื่อเหมือนกับเหล่าสาวกที่เชื่อที่นี่ พวกเรากำลังจะใช้การอ่านข้อพระคัมภีร์นี้สำหรับการยกตัวอย่าง ตอนนี้กลุ่มแรกคือผู้เชื่อ ผู้เชื่อแท้ “และความเชื่อเกิดขึ้นได้เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้เพราะการประกาศพระวจนะของพระเจ้า” พระวจนะของพระเจ้าซึ่งเป็นพระคริสต์ ดูเถิด ผู้เชื่อ!

คราวนี้คุณได้สังเกตถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ที่ผู้เชื่อเคยได้กระทำหรือไม่? ตอนนี้ ผู้เชื่อไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ฉลาดในวิถีทางของความฉลาดของโลก เขาไม่จำเป็น ต้องเป็นผู้ที่มีการศึกษาในทางที่ผู้คนเหล่านี้พยายามที่จะบอกว่าคุณจะต้องเป็น แต่คุณไม่ได้เป็น คุณ....ชายผู้นี้ได้ถูกบรรยายไว้ ในพระคัมภีร์ไบเบิลเองกล่าวไว้ว่า เขาเป็นทั้งผู้ที่ “ละเลย” และ “ไร้การศึกษา” เปโตร เขาเป็นผู้ที่ไม่ถือว่าเป็นคนฉลาด

ในพระธรรมอิสยาห์บทที่ 35 กล่าวว่า "จะมีทางหลวงหนึ่ง และจะมีทางหนึ่ง และมันจะถูกเรียกว่า ทางแห่งความบริสุทธิ์ คนไม่สะอาดจะไม่ผ่านทางนั้น"

บ่ายวันนี้ผมกำลังพูดคุยกับคุณหนึ่งในคณะผู้ปกครอง ในขณะที่พวกเราสนทนาเกี่ยวกับการขยายสะพานที่ทอดข้ามใหม่นี้ ผมได้กล่าวว่า "มีการขยายของลำน้ำออกไปเป็นจำนวนมากในวันนี้"  และผมได้กล่าวอีกว่า "แต่มีการขยายตัวที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งที่เอื้อมถึงจากโลกสู่พระสิริ  มันเรียกว่า  “ทางหลวงของพระราชา” คนไม่สะอาดจะไม่ผ่านทางนั้น” ใช่ครับ มันเป็นถนนสายหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระคริสต์พระเจ้าของพวกเรา การขยายตัวนี้จะถูกสร้างจากโลกนี้ไปยังดินแดนอื่น และคนไม่สะอาดจะไม่ผ่านทางนั้น

เปโตร ผู้ไร้การศึกษาผู้นี้ แห่ง...... กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อเขาได้มองเห็นถึงพระวจนะที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วของวันนั้นที่พระเจ้าทรงได้สัญญาในวันนั้นว่า จะบังเกิดผู้หนึ่งที่จะเป็นผู้เผยพระวจนะในหมู่พวกเขา และซีโมนก็ยากที่จะเชื่อมันเพราะเคยมีการเผยวจนะเทียมเท็จมาก่อน แต่เมื่อเขาได้เห็นของจริง พระวจนะที่ถูกเปิดเผยของยุคนั้น และได้ยินเสียงของพระองค์ที่วินิจฉัยว่าเป็นพระองค์ได้อย่างถูกต้อง เขาก็ตระหนักได้อย่างแน่นอนว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด และเขาเป็นผู้หนึ่งที่พูดว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายจะจากไปหาผู้ใดเล่า” เมื่อเขาได้ถูกถาม

เมื่อฝูงชนกำลังแบ่งแยกระหว่างผู้เชื่อและผู้ไม่เชื่อและผู้แสร้งว่าเชื่อ มีอยู่ทั้งหมดสามประเภทของพวกเขาที่ยืนอยู่ที่นั่นในฝูงชนกลุ่มหนึ่งของผู้คน; ผู้เชื่อ, ผู้แสร้งว่าเชื่อ และผู้ไม่เชื่อ ที่พบในบทนี้ที่นี่ และเพราะว่าพระเยซูทรงได้ตรัสพระวจนะในทางของพระองค์ มันได้แบ่งแยกการชุมนุมของพระองค์ แต่กระนั้นมันต้องถูกกระทำให้สำเร็จ

พระองค์ทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งตราบนานเคุณานที่พระองค์ทรงรักษาผู้ป่วย แต่เมื่อมันลงมายังหลักคำสอนนี้และคำเผยพระวจนะนี้ นั่นคือสิ่งที่ได้แบ่งแยกฟางข้าวออกจากข้าวสาลี เห็นไหมครับ?  ฟางข้าวเพียงแต่ห่อหุ้มอยู่รอบๆ ข้าวสาลี มันไม่ได้เป็นข้าวสาลี มันไม่สามารถใช้การได้ ไม่มีอะไรอยู่ในตัวมัน ไม่มีชีวิตในตัวมัน มันเป็นแกลบ และมันไม่สามารถอยู่กับข้าวสาลีได้ มันไม่ได้เป็นทายาทร่วมกับข้าวสาลี และดังนั้นมันต้อง......เพียงแต่เมล็ดพืชนั้นเป็นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงคือ หัวใจของเมล็ดข้าวสาลี

คราวนี้ให้สังเกตครับว่า เปโตรได้ตระหนักว่าท่านผู้นั้นคือ พระเมสสิยาห์ ตอนนี้ ไม่มีอะไรทำให้แตกต่างแต่อย่างใดจากที่เหลือของเขาทั้งหลายที่ได้กล่าวไว้ ไม่ได้ทำให้แตกต่างแต่อย่างใดในสิ่งที่พวกเขาได้พูดทั้งหมด มันไม่ได้สร้างความแตกต่างแต่อย่างใดในสิ่งที่ปุโรหิตได้กล่าวไว้ ไม่ได้เป็นปัญหากับซีโมนเปโตรในสิ่งที่คริสตจักรได้พูดถึง เขาตระหนักด้วยตัวของเขาเอง

พระเยซูตรัสกับเขาในสถานที่แห่งหนึ่งที่พระองค์ตรัสถามว่า “เราซึ่งเป็นบุตรมนุษย์คือผู้ใด?”

“และบางคนได้ทูลตอบว่า พระองค์ทรงเป็น “ผู้เผยพระวจนะ” บางคนได้ทูลตอบว่า พระองค์ทรงเป็น “ผู้เผยพระวจนะคนก่อนๆ ที่ฟื้นขึ้นมา” และพระองค์ทรงเป็น “โมเสส” หรือ “เอลียาห์” หรือ ใครบางคน”

พระองค์ตรัสว่า “เราถามเจ้า เจ้าคิดอย่างไร?”

และเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”

พระองค์ตรัสว่า “ซีโมนบุตรโยนาห์เอ๋ย ท่านก็เป็นสุขเพราะว่าเนื้อหนังและโลหิตมิได้แจ้งความนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตอยู่ในสวรรค์ทรงแจ้งให้ทราบ ท่านไม่เคยได้เรียนมันจากตำรา หรือจากลัทธิ หรือจากการสอนศาสนาโดยวิธีถาม-ตอบ พระบิดาของเราซึ่งทรงสถิตอยู่ในสวรรค์ทรงแจ้งสิ่งนี้ให้ท่านทราบ” มีผู้เชื่อแท้ผู้หนึ่ง การเปิดเผยสำแดงในฝ่ายวิญญาณของพระวจนะพระเจ้า เห็นไหมครับ? และขึ้นมา.....”ท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ของการเปิดเผยสำแดงของเจ้าว่าเราคือผู้ใด เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และประตูแห่งนรกจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นก็หามิได้” เห็นไหมครับ?

ไม่ประหลาดใจเลยที่ซีโมนทูลตอบว่า “ข้าพระองค์ทั้งหลายจะจากไปหาผู้ใดเล่า?”

พระเยซูทรงหันกลับมาและตรัสว่า “ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ?”

และพวกเขาทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายจะจากไปหาผู้ใดเล่า? พระองค์ทรงมีถ้อยคำซึ่งให้ชีวิตนิรันดร์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น”

ไม่เพียงแต่พระองค์ทรงมีถ้อยคำซึ่งให้ชีวิตนิรันดร์ พระองค์ทรงเป็นถ้อยคำแห่งชีวิต ดูเถิดครับ พระองค์ทรงเป็นถ้อยคำแห่งชีวิต  และซีโมนจดจำได้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งนี้ และเมื่อเขาจำได้ว่านั่นคือสิ่งที่ยึดเขาไว้ เพราะมันได้ถูกเปิดเผยสำแดงให้กับเขาแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นถ้อยคำที่มีชีวิต

คราวนี้นั่นคือ ผู้เชื่อแท้ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่บางคนที่ถูกชักชวนโดยคนอื่นบางคน ไม่ใช่โดยสิ่งอื่นๆ แต่เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงได้เปิดเผยสำแดงกับคุณด้วยพระวจนะของพระเจ้าเอง และคุณเห็นถ้อยคำที่ถูกทำให้กระจ่าง ถูกพิสูจน์ให้เห็น จากนั้นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมาและทรงเข้าไปประทับอยู่ในยุคนั้น สำหรับพระวจนะในยุคนั้นและทรงกระทำให้เป็นที่ประจักษ์

คนๆ หนึ่งจะสามารถรักษาความเชื่อของลูเทอร์ไว้ได้อย่างไร ถ้าเขาเคยรู้สิ่งนั้นแล้ว?” ลูเทอร์เป็นนักปฏิรูปผู้หนึ่ง ชายผู้ที่มีจิตวิญญาณออกไปที่นั่นเพื่อการปฏิรูป เวสลีย์ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาต้องเชื่อ ดูเถิด นั่นเป็นถ้อยคำสำหรับคริสตจักรยุคนั้น นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วแน่นอน นั่นคือสิ่งที่อุบัติขึ้นแล้ว คุณต้องเชื่อมัน

และนี่พวกเรากำลังอยู่ในยุคเลาดีเซีย และพวกเราถูกสอนในยุคเลาดีเซียว่า พระคริสต์ได้ถูกนำออกไปจากคริสตจักรของพระองค์ และแม้กระทั่งทรงกำลังเคาะประตู ทรงพยายามที่จะกลับเข้ามาข้างใน ดังนั้นเมื่อเราเห็นว่าสิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้น เราก็รู้ได้ว่าเรากำลังอยู่ในยุคไหน

และแล้วเรากำลังอยู่ใกล้กับจุดจบของประวัติศาสตร์โลก หนังสือเล่มนี้อยู่ตอนนี้ที่กำลังจะจบ บรรทัดสุดท้ายจะถูกเขียนขึ้นสักวันหนึ่ง และเธอจะใกล้เข้ามา จากนั้นจะไม่มีเวลาอีกแล้ว

และมีละครที่ยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งกำลังถูกสร้างขึ้น และเหล่าทูตสวรรค์กำลังยืนอยู่เหนือท้องฟ้า กำลังเฝ้ามองดู คุณรู้ว่าเป็นละครเรื่องใด นักแสดงต่างๆ เตรียมพร้อม คุณสามารถเห็นพวกเขาแสดงอยู่

คุณสามารถเห็นคนชั่วร้ายกำลังแสดงบทบาท คุณสามารถเห็นผู้ร้ายจากบทละคร วิธีการที่เขาเข้ามาในฉากด้วยความฉลาดแกมโกงของเขาที่จะหลอกลวง

นอกจากนั้นคุณยังสามารถเห็นคริสตจักรที่จะถูกรับขี้นไปกำลังเตรียมตัวเธอเองให้พร้อม มันเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่ คุณสามารถเห็นการทรงสถิตของพระเจ้าที่กำลังพิสูจน์ให้เห็นและกำลังสร้างละครที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ได้ถูกทำนายไว้ที่นี่ในพระคัมภีร์ไบเบิลนี้เพื่อที่จะแสดงบทบาทของตนเอง ช่างเป็นช่วงเวลาดำรงชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด! ที่ผู้คนของยุคต่างๆ ทั้งหมดถวิลหาช่วงเวลานี้ เหล่าผู้เผยพระวจนะในอดีตถวิลหาที่จะเห็นช่วงเวลานี้ แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษ

ตอนนี้มีผู้เชื่อผู้หนึ่งเพราะเขาได้เห็นมัน เขาเชื่อมัน "เราเชื่ออย่างเต็มที่ว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ พระเมสสิยาห์ พระวจนะของพระเจ้าสำหรับยุคนี้และเราเชื่อสิ่งนั้น" ดูเถิดครับ นั่นคือผู้เชื่อแท้

ขอเพียงใช้เวลาถึงผู้เชื่อบางคนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เราจะไปที่ประเภทต่อไป ขอยกตัวอย่าง ผู้เผยพระวจนะโนอาห์ เมื่อเขามีชีวิตอยู่ เขาอาจจะเป็นชาวนาชาวไร่ บางทีเขาเคยอยู่ในกลุ่มพวกนั้น ชาวนาชาวไร่ผู้หนึ่ง แต่เมื่อผู้คนที่เย้ยหยันและเหล่านักศาสนศาสตร์ของยุคนั้น...คริสตจักรได้มีการลดต่ำลง และพระเจ้าตรัสกับโนอาห์และทรงบอกกับโนอาห์ว่าเขาคือผู้ที่จะสร้างเรือ โนอาห์ไม่เคยถกเถียงสิ่งนั้นกับพระเจ้า เขาเชื่อว่ามันเป็นพระวจนะของพระเจ้า และได้ออกไปทำงานทันทีอย่างรวดเร็วกระทำสิ่งต่างๆ ให้พร้อม

นั่นคือ ผู้เชื่อแท้ จงอย่าหงุดหงิดเกี่ยวกับมัน เมื่อคุณตระหนักอย่างถ่องแท้แล้ว นั่นแหล่ะครับ เหมือนกับใครก็ตาม ความเชื่อใด หนทางไหน “ความเชื่อมาจากการได้ยิน” ถ้าหากคุณสามารถยืนหยัดอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่แพทย์กล่าวว่ามีสิ่งผิดปกติกับคุณ! ซึ่งผู้นั้นให้การวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยและอาจจะรู้เพียงแค่สิ่งที่เขาพูดตราบเท่าที่เครื่องมือและความรู้ที่จะอนุญาตให้เขารู้ได้ แต่เขาบอกว่าไม่มีอะไรเหลือนอกจากความตาย แต่คุณอธิษฐานและยืนอยู่ในอนาคตที่คุณสามารถมองเห็นผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีสุขภาพดียืนอยู่ที่นั่น ใช่ครับ นั่นแหล่ะครับ และนั่นคือแค่สิ่งนั้น เขาจะเดินตรงเข้าไปในที่นั้น เช่นเดียวกับทุกอย่างเพราะคุณเชื่อมัน พระเจ้าตรัสไว้แล้ว คุณรู้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

เช่นเดียวกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีอาการไอจากโรคมะเร็ง ดูเถิดครับ ไม่มีข้อสงสัยในใจของนางถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น มะเร็งได้ตายไป และมันได้หลุดออกและจากไปแล้ว เห็นไหมครับ? นั่นแหล่ะครับครับ คุณเชื่อมัน

เหมือนกับคุณพ่อคนนั้นที่ได้นำลูกชายเล็กๆ ของเขามาที่นั่นเมื่อสักครู่หนึ่งที่ผ่านมา และตอนนี้เขาอยู่ที่นี่ในที่บางแห่งของอาคารนี้ เด็กชายผู้นี้ได้ตกลงมาและสูญเสียความทรงจำของเขา เขาไม่สามารถจดจำอะไรได้เลย เพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งหลังจากการอธิษฐาน ผมได้ถามเขาชื่อของเขา และเขาบอกผมว่าเขาอายุเท่าไหร่ และนั่นเขาก็กลับกลายเป็นปกติเช่นเดียวกับเด็กชายทั่วไป พวกเขาเชื่อแล้ว และเมื่อพระเจ้าตรัสว่าอะไรมันจะต้องเป็นดังนั้น เห็นไหมครับ?  พวกเขาเชื่อ และเมื่อพระเจ้าตรัสสิ่งใดมันต้องเป็นเช่นนั้น

และโนอาห์เชื่อพระเจ้า และโนอาห์ได้ถูกนับว่าเป็นผู้เชื่อ

ดาเนียล เมื่อคริสตจักรนั้นได้ตกเป็นเชลยในกรุงบาบิโลน ดาเนียลเชื่อพระเจ้า และไม่ว่าพวกเขาจะพูดมากเพียงไรว่า "เราจะทำการประกาศ พวกเขาจะต้องไม่อธิษฐานต่อพระอื่นๆ นอกจากรูปภาพที่อยู่ข้างนอกนี้” ต่อผู้ที่บริสุทธิ์นี้ หรืออะไรก็ตามแต่ ดาเนียลไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ กับสิ่งนั้น เขาเคยได้ยินพระเจ้า เขาเป็นผู้เผยพระวจนะและพระวจนะได้มายังเขา และเมื่อวัดนี้ได้ถูกมอบถวาย กล่าวว่า "ถ้าคนหนึ่งคนใดมีปัญหาในประเทศใดๆ และมองมาทางนี้มายังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และอธิษฐานแล้วเขาจะได้ยินจากสวรรค์" และดาเนียลเชื่อพระเจ้า เขาเป็นผู้เชื่อแท้ และแม้แต่เหล่าสิงโตก็ไม่สามารถกัดกินเขาได้ และใช่แล้ว ดูเถิดครับ เขาเป็นผู้เชื่อ

ดาวิด ผู้เชื่ออีกคนหนึ่ง เด็กผู้ชายเล็กๆ คนหนึ่ง

ดาเนียลไม่ได้เกิดในคริสตจักรสมัยใหม่ โนอาห์ก็ไม่ได้เกิดในคริสตจักรสมัยใหม่ ไม่เลย พวกเขาเป็นผู้เชื่อในสิ่งที่พระเจ้าทรงได้ตรัสไว้ว่ามันจะเป็นความจริง ไม่ว่าโลกสมัยใหม่ได้กล่าวอะไรไว้ พวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่พระเจ้าตรัสนั้นเป็นความจริง นั่นคือบรรดาผู้เชื่อแท้

เช่นเดียวกับที่เปโตรได้กระทำ และเหล่าอัครสาวกพวกเขาเชื่อว่า พระองค์ทรงมีพระวจนะแห่งชีวิตและทรงเป็นพระวจนะแห่งชีวิต ผมเชื่อในสิ่งเดียวกันในวันนี้ และทุกสิ่งอื่นๆ ที่ขัดแย้ง มันไม่ใช่ มันเป็นความตาย พระองค์นี้ผู้เดียวที่ทรงเป็นพระวจนะแห่งชีวิตและพระคริสต์ทรงเป็นพระวจนะ

คราวนี้ดาวิดเด็กตัวจ้อยที่หน้าตาแดงก่ำ ในตอนแรกเขาอาจจะถูกแค่นแคะโดยพี่น้องของเขาเพราะเขาตัวเล็ก ตัวของเขาไม่ใหญ่พอที่จะแบกเกราะ เขาไม่สามารถไปทำสงครามได้ และเขาก็ตัวเล็กและผอมบางเกินไป แต่เขาก็ยังได้ออกไปที่นั้นในฐานะผู้เชื่อ

และในขณะที่เขาโดนกักอยู่ในทะเลทราย ดูแลฝูงแกะไม่กี่โหลที่บิดาของเขาได้ให้เขาไปดูแลกับที่ยิงหนังสติ๊กอันหนึ่ง ในประเทศที่มีสิงโตและหมีและสุนัขป่าและสัตว์อื่นๆ ดาวิดเริ่มมองไปยังทุ่งหญ้าสีเขียวอันร่มรื่น และรู้ว่ามันมีความหมายอะไรในการที่แกะตัวหนึ่งจะได้พักในใต้ร่มเงาไม้นั้น และนอนลงในความร้อนของดวงอาทิตย์ รู้ถึงความหมายที่ดีของการน้ำดื่มเย็นๆ ดังที่เขาได้พูดว่า "ขณะที่กวางกระหายหาน้ำเสาะหาลำธาร จิตวิญญาณของข้ากระหายหาพระเจ้า โอ้ พระเจ้า" เห็นไหมครับ? เขาได้ร้องไห้ ได้อธิษฐาน

และวันหนึ่งเหตุฉุกเฉินได้เกิดขึ้น สิงโตตัวหนึ่งได้คาบแกะตัวหนึ่งของเขาไปและกัดกินเสีย เขาคิดว่า "พระเจ้าทรงกระทำให้ข้ายิ่งใหญ่กว่าสิงโต!" เห็นไหมครับ?  และเขาหยิบที่ยิงหนังสติ๊กและโค่นสิงโตลงด้วยก้อนหินก้อนเล็กๆ กับที่ยิงหนังสติ๊ก ตอนนี้ถ้าใครเคยเห็นสิงโตตัวหนึ่ง หนึ่งในพวกมันพวกสิงโตแอฟริกันที่มีแผงขนคอขนาดใหญ่อยู่ที่นั่นในประเทศปาเลสไตน์และทวีปเอเชีย พวกเขาคงจะรู้ว่าหนึ่งในพวกมันเป็นอะไร เมื่อตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มากจนกระสุนสามร้อยแม็กนั่มก็ยากที่จะโค่นมันลงได้ และเขาได้โค่นมันลงด้วยก้อนหินเพียงก้อนเดียว และเมื่อสิงโตตัวนั้นลุกขึ้นมาและไล่ล่าเขา เขาคว้าตัวมันไว้ด้วยหนวดเคราและฆ่ามันเสีย นั่นเป็นเหตุผลที่เขารู้ว่าเขากำลังพูดถึงสิ่งใด เขาเคยมีประสบการณ์ เขาได้ทดสอบพระเจ้าเกี่ยวกับพระวจนะของพระองค์

และเขาไม่กลัวยักษ์โกลิอัทเพราะมันไม่ได้เข้าสุหนัต นั่นไม่ใช่ผู้เชื่ออย่างแน่นอน และเมื่อยักษ์โกลิอัทได้ออกมาและสาปแช่งเขาในนามของพระต่างๆ ของมัน

และยักษ์โกลิอัทตัวใหญ่กว่าเขาหลายเท่า ตัวใหญ่มากจริงๆ นิ้วมือของมันยาวสิบสี่นิ้ว นิ้วมืออะไรจะยาวขนาดนั้น ดูเถิด นักรบผู้หนึ่งที่นิ้วมือยาวถึงสิบสี่นิ้ว และบางทีเปลือกเล็บที่เขามีอาจจะหนักถึงสามร้อยปอนด์หรือมากกว่า ดูเถิด สิ่งที่มันมี หมวกเหล็กใบหนึ่งที่หนาสักหนึ่งนิ้วครึ่ง ยักษ์ใหญ่มหึมาตนหนึ่งที่เดินด้วยเข็มทอผ้าซึ่งมีขนาดเกือบยี่สิบฟุต มันมีหอกขนาดยี่สิบฟุตในมือของมัน ตอนนี้วิธีที่จะทุกคน...ยักษ์ตนนั้นที่เพียงแค่ยืนและจับคนเป็นโหลและโยนพวกเขาอย่างนั้นเมื่อพวกเขามาถึง มันช่างตรงข้ามกันเสียจริง!

และเขายืนอยู่ที่นั่น คุยโม้โอ้อวดตัวเอง เมื่อ...ดูเหมือนว่ามันแปลก ดูเถิดครับ คุณเห็นไหมครับ เขากล่าวว่า "จงให้...ไม่ต้องไม่มีการหลั่งเลือด" กล่าวว่า "จงให้บางคนมาต่อสู้กับข้า และถ้าข้าชนะแล้วเจ้าทั้งหมดเพียงมาปรนนิบัติข้า และถ้าหากว่าเจ้าชนะเราจะปรนนิบัติเจ้า" ดูเถิด เมื่อมารร้ายคิดแปลกๆ กับคุณ ดูเถิดครับ นั่นเมื่อเขาชอบที่จะคุยโวโอ้อวด แต่เขาได้พบกับชายผู้ที่ไม่ใช่ เขาได้พบกับผู้ชายที่ตัวเล็กที่สุดคนหนึ่งในประเทศ ผู้ชายตัวจ้อยที่มีไหล่โก้งโค้งและหน้าแดงก่ำ

มันกล่าวว่า "เจ้าหมายความว่าจะบอกข้าว่า เจ้าเป็นกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ที่จะยืนอยู่ตรงนั้นและปล่อยให้ชาวฟิลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตต่อต้านกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่หรือ?" ทำไมมันจึงรู้สึกประหลาดใจ! ทำไม? ทำไม? เขาเป็นผู้เชื่อ คนอื่นๆ เป็นผู้แสร้งว่าเชื่อ เห็นไหมครับ?  ดูเถิด เขาเป็นผู้เชื่อแท้ เขากล่าวว่า "ถ้าเจ้ากลัว ข้าจะไปต่อสู้กับมัน" เห็นไหมครับ?  ช่างเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับเด็กหนุ่มตัวจ้อยเช่นนั้น! และดังนั้นเขาจึงเป็นผู้เชื่อ และเขาได้กระทำในสิ่งที่เขารู้ว่าพระเจ้าจะทรงกระทำ เขาเป็น.....

เมื่อชาวฟิลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นั้นสาปแช่งเขาในนามพระต่างๆ ของมัน มันกล่าวว่า "ข้าเป็นสุนัขตัวหนึ่ง ที่เด็กแคระจะออกมาสู้รบด้วยเช่นนั้นหรือ? ทำไม" กล่าวว่า "ข้าจะมารับที่ปลายหอกของข้าและข้าจะแขวนเจ้าขึ้นในต้นไม้และปล่อยให้นกจิกเนื้อของเจ้า" โอ้! โอ้ ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่น่าสะพรึงกลัวเสียจริง!

ดาวิดกล่าวว่า "เจ้ามาหาข้าด้วยดาบและด้วยหอกและด้วยเกราะ เจ้ามาหาข้าในนามของชาวฟิลิสเตีย แต่ข้ามาหาเจ้าโดยปราศจากดาบหรือหอกและอาวุธ แต่ข้าได้มาหาเจ้าในพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล"

นั่นคือผู้เชื่อ นั่นเป็นป้อมปราการของเขา นั่นเป็นโล่ของเขา นั่นเป็นเครื่องป้องกันของเขา อาเมน! นั่นจะเป็นเครื่องป้องกันของคริสตจักร ผู้เชื่อทุกคน นั่นเป็นเครื่องป้องกันของเขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ไม่ว่าโลกจะพูดอะไร สิ่งอื่นใดก็ตาม เครื่องป้องกันของคุณคือ พระเจ้าของอิสราเอล นั่นแหล่ะครับ "พระนามของพระเยซูคริสต์เป็นหอคอยอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ชอบธรรมวิ่งเข้าไปในนั้นและปลอดภัย" นั่นคือเครื่องป้องกันของเราคือ พระเยซูคริสต์

จงสังเกตและเมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว  พวกเรารู้ว่าสิ่งใดเคยเกิดขึ้นแล้ว ดาวิด ไม่มีที่ใดเลยที่จะยิงได้นอกจากที่เล็กๆ ที่หนึ่ง เมื่อมันทรุดตัวลงนั่งปกหน้าของมัน จุดเดียวที่จะยิงเป็นที่นี่ในหน้าผากของมัน และก่อนที่เขาจะกะระยะห่างไปยังยักษ์ได้ พระเจ้าทรงกำกับจุดตายนั้น และเขาฆ่ายักษ์ได้ เห็นไหมครับ?  พระเจ้าทรงกระทำมัน ตอนนี้เราสังเกตเห็นว่าเขาเป็นผู้เชื่อ

คราวนี้ผู้เชื่ออื่นอีกผู้หนึ่งคือ อับราฮัม และเขาเป็น...ชาวเคลเดียนแห่งเมืองเออร์ และเขาได้รับการทรงเรียกเพื่อที่จะทำอะไรบางอย่างที่เป็น...และเชื่อบางสิ่งบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้เลยในทางฝ่ายกายภาพ “แต่เขามิได้หวั่นไหวแคลงใจในพระสัญญาของพระเจ้าผ่านความไม่เชื่อ” กล่าวในพระธรรมโรมบทที่ 4 “แต่เข้มแข็ง ถวายการสรรเสริญพระเจ้า”

เมื่ออับราฮัมมีอายุเจ็ดสิบห้าปีและภรรยาของเขาอายุหกสิบห้าปี และได้ใช้ชีวิตร่วมกันมาตั้งแต่พวกเขายังเป็นหนุ่มสาว เธอเป็นน้องสาวห่างๆ ของเขา เด็กหนุ่มและเด็กสาว และนั่นคือ...พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยปราศจากเด็กๆ และพระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า "จงแยกตัวเองออกจากผู้ไม่เชื่อ" พระเจ้าทรงเรียกการแยกออกจากกันเสมอ "จงแยกตัวเองออกจากผู้ไม่เชื่อและเดินไปกับเรา และเราได้ให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย เราได้กระทำมันแล้ว”

และอับราฮัมได้เชื่อตามนั้น นั่นคือผู้เชื่อ "พระองค์จะทรงกระทำมันอย่างไร พระเจ้าข้า?" เขาไม่เคยถามคำถามนี้ พระเจ้าตรัสว่า พระองค์จะทรงกระทำมัน และกระทำมันให้สำเร็จ

เมื่อเดือนแรกผ่านไปและซาร่าห์ยังคง.....เธอเลยวัยหมดประจำเดือนแล้ว "สิ่งใดที่แตกต่างหรือ?"

"ไม่ใช่สิ่งเดียว"

แต่กระนั้นอับราฮัมยังคงเชื่อ ยี่สิบห้าปีต่อมาก็ยังไม่มีความแตกต่างแต่อับราฮัมยังคงเชื่อ นั่นคือผู้เชื่อ นั่นไม่ใช่ผู้แสร้งว่าเชื่อ นั่นคือผู้เชื่อ ยี่สิบห้าปีต่อมาอับราฮัมแข็งแรงกว่าที่เขาเคยเป็นในตอนแรก “เขาเชื่อพระเจ้า และเขาถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรม” เพราะว่าเขาเป็น...นั่นคือผู้เชื่อแท้

หลังจากนี้สักครู่หนึ่ง ผมจะให้คุณค้นหาและดูว่าคุณอยู่ในประเภทใด

คราวนี้อับราฮัมได้ทำอะไร? “มิได้หวั่นไหวแคลงใจในพระสัญญาของพระเจ้า” สิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ชายอายุเจ็ดสิบห้าปีคนหนึ่งกับภรรยาอายุหกสิบห้าปีคนหนึ่งจะทำอะไรได้ ถ้าพวกเขาไปพบแพทย์และบอกว่า "เราต้องการจองห้องที่โรงพยาบาล เรากำลังจะมีลูก"? และจากนั้นยี่สิบห้าปีต่อมา บอกว่า "คุณหมอครับ คุณยังคงจองห้องที่โรงพยาบาลให้อยู่ใช่ไหมครับ?" เห็นไหมครับ?  เห็นไหมครับ? 

มันทำให้คุณดูตลก การตัดสินใจของคุณแปลกไปจากโลก แต่นั่นคือผู้เชื่อ ไม่ว่ามันจะดูแปลกอย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้ว่า “เขาได้รับการดลใจอย่างเต็มที่ว่า  พระเจ้าทรงสามารถที่จะกระทำในสิ่งที่พระองค์ตรัสว่าพระองค์จะทรงกระทำ”

นั่นน่าจะเป็นผลสัมฤทธิ์ของผู้เชื่อทุกคุณในบ่ายวันนี้ พระเจ้าทรงสามารถที่จะรักษาถ้อยคำทุกคำที่พระองค์ตรัสไว้ว่าพระองค์จะทรงกระทำ ผมไม่สนใจว่าคณะนิกายต่างๆ พูดอะไร "วันของการอัศจรรย์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และทั้งหมดนี้เป็นโทรจิตและทั้งหมด มันเป็นการดูหมอ มันเป็น...." มันไม่สำคัญสำหรับผมว่าพวกเขาพูดอะไร ผมยังเชื่อว่าปืนที่เล็งเป้าศูนย์ที่เป้าหมายก็จะยิงที่เป้าหมาย และผมเชื่อว่า ถ้าผู้เชื่อเล็งเป้าศูนย์ที่พระวจนะของพระเจ้า มันก็จะยิงถูกสิ่งเดียวกัน ถ้าหากว่าพระวจนะของพระเจ้าได้สัญญาไว้แล้ว มันก็จะกระทำการอีกครั้งหนึ่ง ผมได้รับการดลใจอย่างมากว่า เมื่อเราเห็น เราอยู่ในยุคนี้เมื่อมันควรจะอยู่ที่นี่ มันควรจะเป็นที่นี่ สิ่งเหล่านี้สมควรจะเกิดขึ้น

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเชื่อจริงๆ ว่า เมื่อเจ้าสาวที่ถูกเลือกสรรแล้วและได้รับการทรงเรียกให้ออกมาและถูกจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตแล้วจะมีเสียงหนึ่งจากสวรรค์ที่จะนำการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปยังเจ้าสาวผู้นั้น ที่จะนำเธอไปจากโลกนี้ในพระคุณของการถูกรับขึ้นไป พระเจ้าทรงสัญญาไว้ ผมไม่สนใจว่ามีนักวิทยาศาสตร์กี่คน นักบินอวกาศกี่คนที่ได้เซ็นชื่อไว้ และทุกสิ่งทุกอย่างอื่นๆ และพวกเขาสามารถมองเห็นได้กี่หลายล้านไมล์ ผมไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นเลย มีสวรรค์ และมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ว่า พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาในรูปแบบพระกายเพื่อจะรับคริสตจักรของพระองค์ไปด้วยพระองค์เอง! ไม่ว่าเรื่องราวนี้ดูเหมือนจะเก่าแล้วก็ตาม มันยังคงเป็นความจริง พระเจ้าตรัสไว้ดังนั้น นั่นคือสิ่งที่บรรดาผู้เชื่อเชื่อ

พระเจ้าตรัสว่า "เราเป็นพระเจ้าผู้รักษาโรคทั้งหมดของท่าน เราเป็นพระเจ้าและเราไม่เปลี่ยนแปลง" อาเมน! และพระเจ้าทรงเป็นพระวจนะ และถ้าพระเจ้าทรงไม่เปลี่ยนแปลง พระวจนะจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร? เห็นไหมครับ?  "เราเป็นพระเจ้าและเราไม่เปลี่ยนแปลง" ข้อพระคัมภีร์กล่าวดังนั้น พระเจ้าตรัสด้วยพระองค์เอง และถ้าหากว่าพระองค์ทรงไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว ดังนั้นพระองค์ทรงเป็นพระวจนะ “ในตอนแรกนั้นพระวาทะและพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้าและพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า” ถ้อยคำที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้! “และพระวจนะได้สร้างมนุษย์และประทับอยู่ในท่ามกลางพวกเรา" อาเมน! ใช่ครับท่าน

พระเจ้าทรงชุบร่างกายต่างๆ ฟื้นขึ้นมา ทั้งหมดลงมาผ่าน โมเสส และเอเสเคียล และเยเรมีย์ และอิสยาห์ และเอลียาห์ ทั้งหมดลงมาในที่ซึ่งถ้อยคำของพระองค์ทรงมาปรากฏอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่กระนั้นถ้อยคำที่เต็มขนาดได้ปรากฏในพระเยซูคริสต์ผู้นี้ ผู้ที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าในพระเจ้าในความไพบูลย์ของพระกายพระเจ้า ที่นั่นพระองค์ทรงถูกสร้างเป็นเนื้อหนัง ผมเชื่อเช่นนั้นทุกถ้อยคำ

โยบ ผู้เชื่ออีกคนหนึ่ง

บางครั้งบรรดาผู้เชื่อก็ถูกทดสอบ ไม่ใช่บางครั้ง ทุกครั้ง! “สำหรับบุตรทุกคนที่มาหาพระเจ้าจะต้องถูกตีสอน ถูกทดสอบ ถูกฝึกฝนตั้งแต่เด็ก” จงจำไว้ว่า การทดสอบต่างๆ ถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่น ดวงอาทิตย์อันร้อนแรงของการข่มเหง แต่ความจงรักภักดีของหัวใจที่เต้นของคุณนั้นเป็นวัสดุจนกระทั่งเธอพร้อมที่จะลงไปในแม่พิมพ์ บุตรทั้งหลายของพระเจ้าถูกสร้างขึ้นอย่างถูกต้องบนพระวจนะของพระองค์ สำหรับพวกเขาที่กำลังดำเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่างและพระวจนะของพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ผ่านพวกเขา เห็นไหมครับ?  การทดสอบมาเพื่อเขย่าคุณ เพื่อที่จะนำคุณไปยังจุดต่ำมากๆ เพื่อดูว่าคุณจะยืนอยู่ที่ไหน พวกเขาได้ถูกทดสอบ ทดสอบบุตรทุกคนที่มาหาพระเจ้า

โยบได้ผ่านการทดสอบและการทดลองต่างๆ ที่บุตรทั้งหลายของพระองค์ได้เคยผ่านทุกสิ่งทุกอย่างมาแล้ว บรรดาสมาชิกของคริสตจักรได้มากล่าวโทษว่าเขาเป็นคนที่มีบาปลับๆ และพยายามที่จะพูดทุกอย่างที่ต่อต้านเขา แต่กระนั้นเขาก็ไม่ฟังสิ่งใดเลย เขารู้ว่าเขาเป็นผู้ที่ตรงตามคุณสมบัติที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ เขารู้ว่าไม่มีความจำเป็นที่ซาตานจะพยายามล่อลวงเขา เขารู้ว่ามันเป็นมารร้าย และตราบใดที่ซาตานสามารถทำให้เขาเชื่อว่า การเจ็บป่วยของเขาเป็นมาจากพระเจ้าของเขาผู้ทรงกระทำมัน มันก็ชนะโยบแล้ว แต่เมื่อครั้งหนึ่งที่โยบได้รับการเปิดเผยสำแดงว่า มันไม่ใช่พระเจ้า! เขาเพียงแค่กำลังที่จะผ่านการทดลองของมันจะทำให้เขาเป็นบางสิ่งบางอย่าง นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ! เขาเพียงกำลังผ่านการทดลองของมันเพื่อที่จะสร้างเขาเป็นบางสิ่งบางอย่าง นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ! มันเป็นซาตานที่กระทำมัน!

และสิ่งเดียวกันในปัจจุบันนี้ ซาตานจะทดสอบเพื่อที่จะบอกคุณว่าการทดลองและสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าของคุณกำลังพยายามที่จะนำการลงโทษมายังพวกคุณ มันไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่ครับท่าน มันเป็นการกระทำของซาตานที่พระเจ้าทรงอนุญาตเพื่อที่จะกดดันอารมณ์ของคุณ เพื่อที่จะทำให้คุณเห็นว่า ถ้าหากคุณยึดติดกับโลกนี้โดยความใส่ใจอย่างโลกหรือว่าทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ในสวรรค์ “ทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ที่ไหน ใจของคุณอยู่ที่นั่น” ใช่ครับ จิตใจของคุณอยู่ในที่ที่ๆ ทรัพย์สมบัติของคุณสะสมอยู่

โยบได้พยายาม เขายังกล่าวว่า "ผมรู้ว่า พระผู้ไถ่ของผมทรงพระชนม์อยู่ ในวันสุดท้ายพระองค์จะทรงยืนบนแผ่นดินโลก แม้ว่าหลังจากที่หนอนทำลายผิวหนังของผมร่างกายของผม....”

"คุณสังเกตไหม? หนอนผิวหนังอยู่ในตัวเขาแล้ว หนอนผิวหนังของคุณก็อยู่ในคุณ คุณอยู่ในโลงศพที่ปิดสนิทไม่มีอากาศใดๆ อยู่ในนั้น หรือแต่อย่างไรก็ตาม แต่กระนั้นหนอนผิวหนังก็อยู่ที่นั่นแล้ว พวกมันอยู่ในตัวคุณ และพวกมันก็พร้อมที่จะถูกเรียกไปปฏิบัติหน้าที่ได้ทุกเวลา จำซีซาร์ได้ไหม เขาเกิดแผลเน่าที่ถนน หนอนผิวหนังกัดกินเขาที่ถนน หนอนผิวหนังของตัวเขาเอง พวกมันพร้อมแล้วที่นั่น

"ถึงแม้ว่าหลังจากที่หนอนผิวหนังของผมทำลายร่างกายนี้ในเนื้อหนังของผม ผมก็จะยังได้เห็นพระเจ้า" อาเมน! คุณไม่สามารถทำลายมันได้ แม้หนอนผิวหนังกัดกินมันหมดไปแล้ว มันก็จะยังคงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง "ผู้ที่ผมจะเห็นตัวเองด้วยตัวของผมเอง ตาของผมจะจดจ่ออยู่ และไม่ใช่ที่สิ่งอื่น" โยบทำไมเขาพูดอย่างนั้น? เขาเป็นผู้เชื่อ ในการทดสอบเขาเป็นผู้เชื่อ ในการข่มเหงเขาเป็นผู้เชื่อ! เขาเป็นผู้เชื่อแท้

โยเซฟ ผู้เชื่ออีกผู้หนึ่ง เขาไม่สามารถจะเป็นในสิ่งที่เขาเป็น เขาเป็นผู้เผยพระวจนะ พระเจ้าทรงกระทำให้เขาเป็นผู้เผยพระวจนะ เขาไม่ได้ต้องการที่จะแตกต่างจากพี่น้องของเขา แต่เขาแตกต่าง พระเจ้าทรงกระทำให้เขาเป็นผู้นั้น ไม่มีใครสามารถแทนที่เขาได้

ไม่มีใครสามารถแทนที่ของคุณได้ ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงไรก็ตาม คุณพูดว่า "ผมเป็นแค่แม่บ้าน" ไม่มีใครสามารถแทนที่ของคุณได้ พระเจ้า ในทางเศรษฐศาสตร์มหภาคของพระองค์ได้ทรงกำหนดพระกายของพระคริสต์ไว้อย่างเป็นระเบียบจนกระทั่งไม่มีใครสามารถแทนที่ของคุณได้  ผมต้องการจะแทนที่ บิลลี่ เกรแฮม ได้อย่างไร มีใครบ้างในพวกเราพันธกรผู้รับใช้พระเจ้า แต่เราไม่สามารถกระทำได้ เพียงแต่จำไว้ว่า บิลลี่ก็ไม่สามารถมาแทนที่พวกเราได้ ดูเถิด พวกเราทุกคนมีหน้าที่ บางคนของพวกเราเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บ้างก็เป็นผู้เผยพระวจนะ บ้างก็เป็นครูอาจารย์ บ้างก็เป็นศิษยาภิบาล อะไรก็ตามที่พวกเราเป็น บ้างก็เป็นแม่บ้าน บ้างก็เป็นช่างกล บ้างก็เป็นชาวนาชาวไร่ อะไรก็ตามที่เป็น พระเจ้าทรงกำหนดคุณไว้ในหน้าที่ของคุณ เห็นไหมครับ?

โยเซฟเป็นผู้เผยพระวจนะ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะเขาสามารถแปลความฝันได้ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะเขาได้เห็นนิมิต จงดูว่าเขาถูกต้องอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้ามันทำให้เขาเสียการคบหาของเขากับพี่น้องของเขา เขาก็ถูก เพราะเขาเชื่อความฝันเหล่านั้น เขาเชื่อความฝันนั้น พี่น้องของเขาจะก้มกราบเขาเหมือนฟ่อนข้าวเหล่านั้น แล้วมันก็เป็นจริง เพราะเขาเชื่อ เขาเป็นผู้เชื่อแท้ อย่างไร...

ผมมีเวลาห้านาทีและสิบหน้ากระดาษ จงสังเกตตอนนี้ จงสังเกตข้อพระคัมภีร์ที่เขียนไว้ที่นี่ ผู้หญิง...

นาธานาเอล เขาเป็นผู้เชื่อ ถูกต้องไหมครับ? นาธานาเอล เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและมันทำงานในเขาว่า พระเยซูตรัสกับเขาว่า เขาเป็นใคร และตรัสว่า เขาเป็น “ชนอิสราเอลแท้” และในตัวเขา “ไม่มีอุบาย” และตรัสกับเขาอีกว่า เขาอยู่ที่ไหนเมื่อวันก่อนนั้น “กำลังอธิษฐานอยู่ที่ใต้ต้นไม้” พระองค์ทรงเห็นเขาตอนที่ฟิลิป เรียกเขา เขาเป็นผู้เชื่อ

มีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่ที่นั่นกล่าวว่า "นี่คือวิญญาณของมารร้าย มารร้ายทำการอัศจรรย์รักษาโรค" ปัจจุบันนี้มารร้ายตัวเดิมนั้นยังไม่ตาย พวกเขาเชื่อว่ามารร้ายทำการอัศจรรย์รักษาโรค

พระเยซูตรัสว่า "ถ้าซาตานขับซาตานออกแล้ว ดังนั้นอาณาจักรแตกแยก และอาณาจักรไม่สามารถตั้งอยู่ได้" เห็นไหมครับ?  ซาตานพูดว่า ใน....มันไม่สามารถกระทำอย่างนั้นได้ ดังนั้นซาตานไม่สามารถขับซาตานให้ออกได้

ดังนั้น นาธานาเอลจึงเป็นผู้เชื่อ และเมื่อเขาได้เห็นพระวจนะที่เป็นเนื้อหนัง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นผู้เชื่อ เขากล่าวว่า "ท่าน...รับบี พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล" เขาเชื่ออย่างนั้น

เมื่อหญิงที่บ่อน้ำเห็นเหตุการณ์นั้น นางเชื่อ นางเป็นผู้เชื่อ

เมื่อชายตาบอดบารทิเมอัส... เมื่อหญิงผู้หนึ่งมาโดย...

และทุกคนก็ร้องไห้ต่อไป บางคนในพวกเขาพูดว่า "มีทั้งเป็น...ผมได้ยินว่าพระองค์ทรงทำคนตายให้ฟื้นได้ มีสุสานหนึ่งที่เต็มไปด้วยพวกเขาอยู่ที่นี่ โปรดเสด็จมาและเรียกพวกเขาให้ฟื้นขึ้น ให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงทำได้" ดูเถิด นั่นคือมารร้ายผู้เดียวกันที่กล่าวว่า "ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้าจงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง" ผู้เดียวกันที่ใส่เศษผ้าขี้ริ้วรอบพระพักตร์ของพระองค์ ทุบตีพระองค์ที่พระเศียร พูดว่า...ส่งต่อไม้ให้กับคนอื่น พูดว่า "ตอนนี้ถ้าท่านบอกเราได้ว่าใครทุบตีท่าน เราจะเชื่อท่าน" พวกเขาเหล่าทหาร ดูเถิดครับ ทำการล้อเลียนพระองค์ มันดูเหมือนว่าพระองค์ทรงจนแต้มเสียแล้ว

เพียงแต่จดจำไว้ว่า พระเจ้าประทับอยู่ในฉากนั้นเสมอ เห็นไหมครับ?  พระองค์ประทับที่นั่นทรงพร้อมเสมอในทุกเวลา

คราวนี้พระเยซูตรัสว่า "เราจะทูลกับพระบิดาของเราและในบัดเดี๋ยวนี้พระองค์จะประทานทูตสวรรค์สิบสองกอง" โอ้ ทูตสวรรค์องค์หนึ่งจะทำอะไร? เห็นไหมครับ?  แต่คุณเห็นไหมครับ แต่กระนั้นพระองค์ทรงสามารถที่จะส่งสิบสองกองมาด้วยพระบัญชาของพระองค์ แต่พระองค์ทรงมีการงานอย่างหนึ่งที่ต้องกระทำ พระองค์ทรงมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องกระทำ พระองค์ทรงต้องผ่านสิ่งนั้นก่อน

คุณมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำ พระเจ้าทรงมีบางสิ่งบางอย่างสำหรับคุณที่จะต้องทำ คุณอาจจะมีจิตใจที่ชอกช้ำและปัญหาบางอย่าง คุณอาจจะมีความผิดหวังบางอย่าง แต่เราจะอธิษฐานขอที่จะหลบหลีกหรือ? ไม่ครับ “พระเจ้า ขอทรงนำพาข้าพระองค์ให้ผ่านพ้นพวกมันไปได้เถิด อะไรก็ตามที่พวกมันเป็น อะไรก็ตามที่มันเป็น ขออย่าให้ข้าพระองค์หลบหนีพวกมัน ถ้าหากพวกมันได้ถูกกำหนดไว้สำหรับข้าพระองค์ โปรดประทานพระคุณให้กับข้าพระองค์ที่จะผ่านพ้นพวกมันไปได้ทั้งหมด”

คราวนี้สังเกตไหมครับว่า ชายตาบอดบารทิเมอัส เขารู้ว่า พวกเขาได้ยินว่า "นี่คือผู้เผยพระวจนะผู้นั้นจากกาลิลี พระองค์ทรงเป็นบุตรดาวิด เราเชื่อเช่นนั้น" ผู้เชื่อบางคนต้องเคยบอกเขาอย่างนั้น "พวกเราผู้เชื่อรู้ว่าพระองค์ทรงเป็น... บุตรดาวิดผู้นั้น"

และเขารู้ว่า ถ้าพระองค์ทรงเป็น พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ และถ้าเขารู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระวจนะ เขาก็รู้ว่าพระองค์ทรงสามารถมองเห็นความคิดของจิตใจได้ ดังนั้นเขาจึงร้องว่า "บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด" พวกผู้ที่ไม่เชื่อก็ตะโกนทางนี้และทางนั้น สมาชิกต่างๆ ในคริสตจักรนั้น นั่นไม่ได้ทำให้ชายตาบอดบารทิเมอัสหยุดเลย เขากล่าวว่า "โอ้ ท่านเยซู บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด"

เป็นไปได้ว่า พระองค์ไม่สามารถได้ยินเสียงของเขา แต่พระองค์ทรงรู้ว่าเขากำลังร้อง และพระองค์ทรงหยุดประทับยืนอยู่และหันไปรอบๆ มีผู้เชื่อผู้หนึ่ง แล้วพระองค์ตรัสว่า "ความเชื่อของท่านได้กระทำให้เจ้าหายปกติแล้ว" อาเมน

พระองค์ตรัสกับหญิงโลหิตตกเช่นเดียวกันว่า "ความเชื่อของท่าน"

เพราะนางคิดในใจว่า "ถ้าข้าพเจ้าได้แตะต้องฉลองพระองค์เท่านั้น ข้าพเจ้าก็จะหายโรค"

"ความเชื่อของท่านได้รักษาท่านให้หายโรคแล้ว" ดูเถิดครับ นางเป็นผู้เชื่อ

นั่นเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ได้รักษาให้ วิลเลียม เดาช์ ที่นั่งอยู่ที่นั่นหายจากสภาวะหัวใจล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในวันก่อนๆ ชายผู้หนึ่งที่มีอายุ 91 ปี "ความเชื่อของท่านได้รักษาท่านให้หายโรคแล้ว" ทำไม? เขาเป็นผู้เชื่อ

ศาสนาจารย์ ทอม คิดด์ ที่นี่ กำลังจะย่างเข้าสู่วัยของเขา... เกือบๆ ผมคาดว่า ราวๆ เก้าสิบปีแล้วตอนนี้อายุใกล้เคียงกัน และเมื่อตอนที่เขาอายุ 79 ปี พวกเขาได้นำเขาส่งโรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แพทย์บอกว่า “เขาไม่มีโอกาสรอดแล้ว”

แต่เมื่อพวกเราได้เดินเข้าไปในเช้าวันนั้น ได้เห็นบาทหลวงตัวเล็กๆ ที่มีผ้าคลุมที่ไหล่ของเขาท่านนั้นนั่งอยู่ที่นั่น กำลังเคาะไม้เท้าเล็กๆ อยู่ เขาอยู่ข้างๆ ตัวของเขา เขาพูดกับหญิงชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่นั่น เขาเรียกนางว่าคุณยาย เขารู้ว่านางเป็นหนึ่งในสมาชิกของเขามานานหลายปี กล่าวว่า "ท่านขาวเหมือนหิมะ" เกินกว่าความคิดของเขา

กระนั้นแล้วเมื่อฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเทลงมาในห้องนั้น เขายังมีชีวิตอยู่ในคืนนี้! นั่นผ่านมาสี่ปีแล้ว ชายผู้หนึ่งที่อายุเกือบแปดสิบปี และที่นี่เขานั่งอยู่ในคืนนี้มีสุขภาพที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ และหายจากโรคมะเร็ง ดูเถิดครับ ไม่ใช่ผู้แสร้งว่าเชื่อ ผู้เชื่อ! นั่นแหล่ะครับ เชื่อ! เขาเชื่อพระเจ้าตามพระวจนะของพระองค์

เช่นเดียวกับชายตาบอดบารทิเมอัส เพียงเขาแค่รู้ว่า ถ้าเขาสามารถดึงดูดความสนใจของพระเยซูคริสต์ได้ เขาก็จะได้รับสิ่งที่เขาต้องการ

ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่า ถ้านางสามารถแตะชายฉลองพระองค์ นางก็จะได้รับสิ่งที่นางต้องการ

ทอมรู้ว่าเขามีความเชื่อว่า ถ้าผมได้อธิษฐานเผื่อเขา เขาก็จะได้รับสิ่งที่เขาต้องการ

นั่นไม่ใช่ความเชื่อเดียวกันกับที่มาร์ธาได้กล่าวไว้หรือ? "แม้กระทั่งตอนนี้ พระเจ้า สิ่งใดก็ตามที่ท่านทูลขอพระเจ้า พระเจ้าจะทรงกระทำเพื่อท่าน น้องชายของข้าพระองค์นอนตายที่โน่นสี่วันในหลุมฝังศพ แต่ท่านก็เพิ่งจะทูลขอพระเจ้าและพระเจ้าทรงจะกระทำเพื่อท่าน"

พระองค์ตรัสว่า “น้องชายของท่านจะฟื้นขึ้นมาอีก”

และนางทูลพระองค์ว่า “ใช่แล้ว พระองค์ ในวันสุดท้าย เมื่อคนทั้งปวงจะฟื้นขึ้นมา เขาจะฟื้นขึ้นมา เขาเป็นเด็กดี”

พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต!”

“พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อเช่นนั้นด้วย”

“พวกท่านเอาศพของเขาไปไว้ที่ไหน?” นั่นแหล่ะครับ มันจบแล้ว ใช่ครับท่าน

ราชินีแห่งทิศใต้จะลุกขึ้นในยุคของผู้ไม่เชื่อ ถูกต้องครับ และยืนอยู่ที่นั่น และเชื่อว่าสิ่งที่นางได้เห็นเป็นมาจากพระเจ้า ในพระคัมภีร์กล่าวว่า “นางจะลุกขึ้นในวันสุดท้ายพร้อมกับคนในยุคนั้นและจะกล่าวโทษคนในยุคนั้นด้วยว่าเพราะนางนั้นได้มาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลกเพื่อจะฟังสติปัญญาของซาโลมอน”

โมเสสเป็นผู้เชื่อ ถึงแม้ว่าเขาจะได้พยายามด้วยสติปัญญา เขาได้พยายามในทุกวิถีทางที่เขาสามารถ แต่มันไม่ได้ผล เขาได้พยายามที่จะนำชนชาติอิสราเอลออกมา เขารู้ว่าเขาได้รับการทรงเรียกเพื่อที่จะทำการนั้น เขาได้พยายามโดยวิธีทางคณิตศาสตร์ เขาได้พยายามโดยวิธีการทางทหาร เขาได้พยายามโดยวิธีทางการศึกษา เขาได้พยายามทุกวิถีทาง แต่มันไม่ได้ผล แต่แล้วเขาได้ใช้วิธีการของพระเจ้า

เกิดอะไรขึ้นเล่าครับ? มีกองไฟปรากฏขึ้นอยู่เหนือพุ่มไม้ในวันหนึ่งซึ่งจะไม่มอดดับ จากที่นั่นถ้อยคำที่พูดกับเขา! กล่าวว่า "เราเป็น ไม่ใช่ “เราเคยเป็น หรือเราจะเป็น” “เราเป็น" และพระองค์ทรงยังเป็น “เราเป็น” พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ นิรันดร์ พระวจนะที่เป็นนิรันดร์

โมเสสมิได้สงสัย ความยุ่งยากหลายประการต่อต้านเขา ธรรมชาติทุกอย่างต่อต้านเขา ทุกสิ่งทุกอย่างต่อต้านเขา แต่กระนั้นไม้เท้าที่คดเคี้ยวในมือของเขา เขาลงไปและนำชนชาตินั้นทั้งหมดไป จมลงในทะเลเกลือที่นั่น และได้นำชนชาติอิสราเอลไปสู่ดินแดนพันธสัญญา ทำไมเล่า? เขาเชื่อพระเจ้า ถูกต้อง เขามี...

นั่นคือผู้เชื่อ พวกเราสามารถอยู่...ครั้งนี้ผมได้ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงของผมอยู่กับบรรดาผู้เชื่อ

มีอีกสองชั้นเรียน พวกเราจะรีบผ่านพวกบทเรียนนี้ เพราะว่ามันไม่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ไม่ครับ

แล้วประการที่สองคือ ผู้ไม่เชื่อ ต่อไปขอพูดเกี่ยวกับผู้ไม่เชื่อ ผู้ไม่เชื่อทำอะไร?

พวกเราเห็นผู้เชื่อ (ทำอะไรหรือครับ?) ยอมรับพระวจนะ ทุกชนชาติทุกรุ่นนับตั้งแต่ตลอดทางจากโนอาห์ตลอดทางขึ้นไป พวกเราอาจจะใช้เวลาหกเดือนของการฟื้นฟู ณ ที่นั่นตรงนั้น ในการนำลักษณะต่างๆ พวกเขาที่เชื่อ ผู้เชื่อไม่ถาม ผู้เชื่อเชื่อพระวจนะ โดยไม่คำนึงถึงว่าพระวจนะจะกล่าวอะไรหรือคนอื่นได้พูดอะไรเกี่ยวกับพระวจนะ ดูเหมือนว่าพระวจนะจะเป็นไปไม่ได้

ผู้เชื่อเชื่อสิ่งนั้น เชื่อ (อะไร?) พระวจนะ ไม่ใช่ลัทธิ พระวจนะ! ไม่ใช่นิกาย พระวจนะ! ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นบอก สิ่งที่พระวจนะได้กล่าวไว้! คราวนี้จำไว้ว่า นั่นคือผู้เชื่อ! ผู้เชื่อไม่ถาม ผู้เชื่อไม่พูดว่า "สิ่งนั้นจะสามารถเป็นได้อย่างไร? ถ้าผมจะสามารถอธิบายสิ่งนั้นได้" นั่นคือ ผู้ไม่เชื่อ โอ นี่คือผู้เชื่อที่ว่าไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร “ถ้าสิ่งนั้นเป็นพระวจนะ สิ่งนั้นก็เป็นพระวจนะ! นั่นเป็นจริง” นั่นคือผู้เชื่อ

คราวนี้ ผู้ไม่เชื่อ ครั้งนี้เราเห็นอะไร... เราจะเห็นบรรดาผู้ไม่เชื่อ เราพบว่าพวกเขาทำทุกอย่างถูกต้องตราบเท่าที่พวกเขาได้รับการตบเบาๆ ที่ด้านหลัง และถูกเรียกว่าสาวก ตราบเท่าที่ (พวกเขา) ทุกอย่างไปได้สวย พวกเขาดี แต่เมื่อผู้เผยพระวจนะคุณนี้ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นผู้เผยพระวจนะและรู้ว่าเขาสามารถรักษาคนป่วยและอื่นๆ พระองค์ทรงได้กระทำอะไร? เมื่อความจริงที่แท้จริงและคำตักเตือนลงมา ตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกเขาเชื่อ พวกเขาไม่สามารถยอมรับพระวจนะได้

พวกเขาอาจจะใช้การอัศจรรย์และพวกเขาได้สำแดงสิ่งเหล่านั้น พวกเขาได้ออกไปและได้ขับผี เทศนาพระวจนะและยังคงเป็นผู้ไม่เชื่อ พระธรรมมัทธิว บทที่ 10 พระองค์ทรงส่งพวกเขาออกไปเป็นคู่ๆ สาวกเจ็ดสิบคน และพวกเขาได้ขับผีออกเป็นจำนวนมากจนพระเยซูทรงมีความยินดีและตรัสว่า "เราเห็นซาตานตกลงมาเหมือนแสงจากสวรรค์" ดูเถิดครับ พวกเขาขับผีออก ยูดาสอยู่กับพวกเขา นี่คือผู้ไม่เชื่อ

แต่ทันทีที่พระเยซูทรงเริ่มต้นที่จะตรัสว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด พระองค์ทรงเป็น “การฟื้นคืนชีพ” พระองค์ทรงเป็น “ชีวิต" “คุณจะพูดว่าอะไรเล่าครับ? ถ้าหากคุณได้เห็นบุตรมนุษย์เสด็จขึ้นไปจากที่พระองค์ได้เสด็จมา"

"ตอนนี้ ชายคนนี้พยายามที่จะบอกว่า พระองค์เสด็จมาจากสวรรค์ มันมากเกินไปสำหรับเรา! เราไม่สามารถเชื่อได้"

พระองค์ตรัสว่า "มันคืออะไร? เนื้อหนังที่ท่านกำลังพูดถึงไม่ได้กำไรอะไร สิ่งนั้นคือพระวิญญาณที่ทรงกระตุ้น"

นั่นแหล่ะครับ พระวิญญาณที่ทรงกระตุ้นพระวจนะ สิ่งนั้นคือพระวิญญาณ ไม่ใช่ลัทธิ พระวิญญาณของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงกระตุ้นพระวจนะเพื่อคุณและกลายเป็นชีวิต และนั่นแหล่ะครับ คุณเห็นมันไหมครับ โดยความเชื่อคุณเห็นมัน คุณรู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นเพราะพระวจนะกล่าวเช่นนั้น และพระวิญญาณทรงกระตุ้นพระวจนะเพื่อคุณ นั่นแหล่ะครับ

คราวนี้พระองค์ตรัสว่า "สิ่งใดจะ..." และทันทีที่เรากระทำสิ่งนี้ เราพบ ผู้ไม่เชื่อ เมื่อคุณพูดบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาไม่เห็นด้วย พวกเขาเดินออกไปจากคุณ "ผมเพียงจะไม่!" โอ้ นั่นกำลังจะหนาแน่นมากในโลกปัจจุบันนี้ เริ่มต้นและเพียงแค่พูดบางสิ่งบางอย่าง ...

พวกเขารวมตัวกัน ผมสังเกตเห็นว่า ในการประชุมต่างๆ ที่พวกเขาจะมาชุมนุมกันในฝูงชนจำนวนมาก และคุณยืนขึ้น เริ่มพูดอะไรบางอย่าง คราวนี้ ตราบใดที่... และเขาจะนั่งที่นั่นเพียงเพื่อการจับตามอง เพียงเพื่อการรอคอย และขณะที่คุณพูดว่า "คราวนี้ พระเยซูคริสต์ทรงได้สำแดงพระองค์เองว่าเป็นพระเมสสิยาห์ เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เผยพระวจนะ" เหยือกนั้นถูกเติมเต็ม บางคนจะไป... และพวกเขาไป มันคืออะไร? บรรดาผู้ไม่เชื่อ!

คราวนี้คุณพูดว่า "คุณกำลังแต่งเรื่องขึ้นมา" ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ผมกำลังพูดตามสิ่งที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ที่นี่

พวกเขาเป็นผู้ไม่เชื่อ และพวกเขาได้เดินออกไป แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสาวก แต่มันก็ตรงกันข้ามกับสิ่งที่...พวกเขาพูดไว้ "นี่ใครจะสามารถเชื่อในสิ่งที่เป็นอย่างนั้นได้?" เห็นไหมครับ?  พวกเขาเป็นพวกฟาริสีและพวกสะดูสีที่ได้ออกมาเข้าร่วมไปกับพระองค์

เพราะว่า ดูเถิดครับ เมื่อสิ่งที่เหนือธรรมชาติได้ปรากฏขึ้น มันจะผลิตสามประเภทที่แตกต่างกัน มันได้ลงไปในประเทศอียิปต์ มันผลิตผู้ไม่เชื่อ ผู้เชื่อ และผู้แสร้งว่าเชื่อ มันผลิตทั้งหมดสามประเภท เพียงจดลงที่นี่จนกระทั่งเราเพียงแค่ไปต่อและตลอดทั้งคืนนี้ อธิบายว่ามันเป็นอย่างไร ทุกที่คุณจะพบมัน คุณจะเห็นพวกเขาทั้งสามประเภททางนั้นเสมอ ดูเถิดครับ คุณจะพบพวกเขา

คราวนี้จงจับตามองสาวกเจ็ดสิบคนเหล่านี้ พวกเขาเดินออกไปเพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าถูกต้อง

เราไม่มีความคิดใดเข้ามา พระวจนะเป็นสิ่งที่พระองค์ตรัส! คุณปฏิเสธความคิดของคุณเอง คุณเพียงแค่พูดในสิ่งที่พระองค์ตรัส นั่นคือ คำสารภาพที่แท้จริง คำสารภาพ หมายถึง “การพูดในสิ่งเดียวกัน” ถ้าผมสารภาพถึงสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ผมพูดในสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นคือ การสารภาพที่แท้จริง “และพระองค์ทรงเป็นมหาปุโรหิตของคำสารภาพของเรา” เห็นไหมครับ?  การพูดในสิ่งเดียวกันกับที่พระเจ้าตรัส ดูเถิดครับ นั่นทำให้มันถูกต้อง เพราะคุณเพียงแค่พูดตามพระวจนะของพระเจ้า

คราวนี้สังเกตไหมครับว่า สาวกเจ็ดสิบคนเดินออกไปแล้ว พวกเขาได้ทำอะไรเล่าครับ? และพวกเขาออกไปเพียงเพราะการที่พวกเขาไม่เห็นด้วย ภูมิปัญญาของพวกเขา สังกัดคริสตจักรของพวกเขามันมากเกินไป นั่นมากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะคิดได้ว่า ชายผู้นี้ที่ยืนอยู่ที่นี่ นั่น.....ส่วนที่เหลือของผู้คนที่เชื่อว่า นั่นคือการกำเนิดนอกสมรส “พระองค์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกตัวพระองค์เองว่าพระเจ้า และพระองค์ทรงเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง” กล่าวว่า "เราจะไม่ขว้างหินใส่ท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เราขว้างหินใส่ท่านเพราะท่านเป็นมนุษย์แต่ตั้งตัวเองเป็นพระเจ้า"

และพระวจนะกล่าวว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า "จะเรียกพระนามของพระองค์ว่า ที่ปรึกษามหัศจรรย์, เจ้าชายแห่งสันติภาพ, พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์, พระบิดานิรันดร์" ข้อพระคัมภีร์จริงๆ ของพวกเขาที่พวกเขาอ่าน!

และในวันที่พวกเขาร้องเพลงสดุดี พระธรรมสดุดี บทที่ 22 “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย? กระดูกทั้งหลายของข้าพระองค์มันจ้องมองข้าพระองค์ ไม่มีกระดูกใดแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะหัก" บทเพลงสดุดีที่พวกเขาร้องซ้ำๆ ในพระวิหาร มันถูกแขวนไว้ด้วยคำกรีดร้องที่เสียสละเป็นถ้อยคำที่ดาวิดได้กล่าวไว้เมื่อแปดร้อยปีก่อน และตาบอดเกินไปที่จะเห็นมัน

และปัจจุบันนี้ พระเจ้าผู้ตรัสถึงยุคนี้ประทับอยู่ในฉากซึ่งได้กระทำสิ่งที่พระองค์ตรัสว่าพระองค์จะทรงกระทำ และพวกเขาตาบอดเกินไปที่จะเห็นมัน นั่นคือ บรรดาผู้ไม่เชื่อ พวกเขาเดินออกไปและพูดว่า " โอ้ ผมมิอาจจะเชื่อสิ่งนั้นได้ ผมไม่เคยได้ยินสิ่งนั้นในชีวิตของผม!" จงอย่าสร้างความแตกต่างในสิ่งที่คุณได้ยิน พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่าพระวจนะจะอยู่ที่นี่ สิ่งนั้นเป็นพระวจนะของพระองค์

พวกเขาไม่เคยได้ยินสิ่งนั้น แต่กระนั้นพระวจนะก็ยังเป็นเหมือนเดิม เห็นไหมครับ?  ถูกต้อง พวกเขาเป็นบรรดาผู้ไม่เชื่อ

เช่นเดียวกับเอวา นางเป็นคนที่เคร่งศาสนามาก แน่นอนครับ แต่กระนั้นนางก็ไม่เชื่อพระวจนะที่แท้จริง และนางได้ทำให้ตัวเองเป็นศาสนา ดังนั้นนางจึงทำใบมะเดื่อบางส่วน ดูเถิดครับ แต่มันไม่ได้ผล ศาสนา หมายถึง “เครื่องปกปิด”

คาอินได้ทำสิ่งเดียวกัน คาอินไม่เชื่อว่าสิ่งนั้นถูกต้อง เขาพูดว่า "พระเจ้าทรงศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าทรงบริสุทธิ์ และพระเจ้าทรงสวยงาม ดังนั้นข้าพระองค์จะไปนำดอกไม้บางอย่างมาและข้าพระองค์จะใช้ดอกไม้นั้น และข้าพระองค์จะทำแท่นบูชาที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม และข้าพระองค์จะแสดงความเคารพของข้าพระองค์แด่พระองค์ ข้าพระองค์จะตื่นขึ้นมาก่อนมัน และข้าพระองค์จะก้มลงต่อพระองค์และกราบนมัสการพระเจ้าองค์นั้น และข้าพระองค์จะวางดอกไม้บนแท่นบูชา เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าบิดาและมารดาของข้าพระองค์กินผลแอปเปิ้ล ผลไม้บางอย่างในสวนเอเดน และนั่นคือสิ่งที่ได้นำข้าพระองค์ออกมา และดังนั้นข้าพระองค์จะกลับไป เพราะข้าพระองค์จะทำให้มันสวยงาม พระเจ้า โปรดอย่าทรงกระทำให้วิหารหลังใหญ่ของข้าพระองค์โค่นลงมา ด้วยเหตุที่ข้าพระองค์จะมีขนาดใหญ่เกินไปกว่าวิหาร ข้าพระองค์จะทำให้มันสวยงาม จนกระทั่งมันจะดึงดูดความสนใจของพระเจ้า" ซาตานเป็นผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่ในความงาม นั่นคือสิ่งที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้

นั่นเป็นเหตุผลที่บางครั้ง ผู้หญิงสวยก็เป็นเหยื่อล่อสำหรับซาตาน ถ้ามันสามารถที่จะควบคุมเธอได้ มันก็สามารถเหวี่ยงผู้ชายมากมายหลายคนไปนรกได้มากกว่าที่เขาสามารถมีห้องบาร์ทั้งหมดในประเทศ ถูกต้อง เห็นไหมครับ?  หรือรูปหล่อ ชายรูปหล่อมากบางคนที่ไม่ได้ยืนอยู่ในความจริงของความเป็นลูกผู้ชายของเขา ดูเถิด อีกครั้งหนึ่งที่เขาสามารถโยนพวกเธอพวกผู้หญิงไปสู่พญามารและส่งพวกเธอไปนรก ใช่ครับท่าน

สังเกตไหมครับว่า ซาตานสถิตอยู่ในความงาม มันได้พยายามที่จะทำสิ่งใดในตอนเริ่มต้น? สร้างอาณาจักรที่สวยงามกว่าของอัครเทวทูตาธิบดีมิคาเอล ย้ายขึ้นไปอยู่ที่ภาคเหนือและนำสองในสามของทูตสวรรค์ไปกับมันด้วย

ดูเถิดครับ มันเป็นบุตรของใครที่มีธรรมชาตินั้นอยู่ในตัวมัน? บุตรของซาตาน แน่นอนครับว่ามันเป็น คราวนี้มันสร้างแท่นบูชาและมันคุกเข่าลงและมันนมัสการ มันได้ทำทุกอย่างที่ (คาอิน) อาเบลได้ทำ

แต่อาเบลรู้ว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขา.....มันเป็นโลหิตที่ได้นำพวกเขาออกมา เขารู้ว่ามันเป็นสิ่งนั้น มันเป็นเพศ โลหิต ดังนั้นเขาจึงนำสัตว์เล็กๆ และถวายมันบนศิลาและสับคอมัน

สังเกตไหมครับว่า คาอิน เขา....พระเจ้าตรัสกับเขา พระองค์ตรัสว่า "ทำไมเจ้าไม่นมัสการเหมือนกับน้องชายของเจ้า และถ้าเจ้าจะทำถูกต้องทั้งหมด เจ้าจะทำดี ถ้าเจ้าจะทำสิ่งนั้น" แต่ไม่ เขารู้มากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูเถิด เขาปฏิเสธสิ่งดั้งเดิม พระวจนะที่ถูกพิสูจน์แล้ว  นั่นไม่ใช่บุตรทั้งหลายของเขา ปัจจุบันนี้ เห็นไหมครับ?

คราวนี้ให้ดูว่า “พระเจ้าทรงเป็นพยาน” พระคัมภีร์กล่าวไว้ในพระธรรมฮีบรู บทที่ 4 หรือบทที่ 11 พระเจ้าทรงเป็นพยานเกี่ยวกับของขวัญของพระองค์ว่าเขาเป็นคนชอบธรรม พระเจ้าทรงพิสูจน์เครื่องบูชาของเขา พระเจ้าทรงสร้างหลักฐานว่านั่นคือ สิ่งที่พระองค์ทรงยอมรับ นั่นเป็นพระวจนะของพระองค์ แผนการณ์ของพระองค์

และตรัสกับคาอินว่า "จงทำสิ่งเดียวกันและมีชีวิตอยู่" แต่คุณคิดว่าเขาจะล้มเลิกความคิดของเขาหรือไม่? ไม่ครับท่าน เขาเป็นผู้ไม่เชื่อ และเขาเดินออกไปทันที ถูกต้อง คาอินได้ทำในสิ่งเดียวกัน นิมโรดได้ทำในสิ่งเดียวกัน ผู้ไม่เชื่อ! เขาไม่เชื่อ

เบลเทชัสซาร์ เช่นเดียวกัน แม้แต่ หรือ ...

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ แม้ว่าจะทรงมีดาเนียลที่เป็นเสมือนพระของพระองค์ เขาถูกตั้งชื่อว่า เบลเทชัสซาร์ ซึ่งเป็นชื่อของพระของพระองค์  ทอดพระเนตรเห็นดาเนียลกระทำการงานที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และแล้วพระองค์ทรงรู้ว่าเบลเทชัสซาร์เชื่อ หรือดาเนียลเป็นพระ ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำรูปปั้นของเขาและทรงตั้งมันไว้ที่นั่น และทรงให้ทุกคนนมัสการรูปปั้นนั้น ดูเถิด อาณาจักรของชาวต่างชาติเข้ามาด้วยการบังคับของการสักการะบูชารูปเคารพของผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และอาณาจักรของชาวต่างชาติก็ออกไปด้วยการบังคับของรูปเคารพของคนที่ศักดิ์สิทธิ์ ดูเถิดครับ วิธีเดียวกัน

และมีลายจารึกบนผนังด้วยภาษาต่างๆ ที่ไม่รู้จักในยุคเริ่มแรกของอาณาจักรของคนต่างชาติที่ไม่มีใครสามารถอ่านได้นอกจากผู้เผยพระวจนะเท่านั้น และมีลายจารึกบนผนังในปัจจุบันนี้ ถูกต้องครับ คำว่า “อีคาโบด” แปลว่า สง่าราศีของพระเจ้าพรากไปจากอิสราเอลแล้ว และลายจารึกบนผนังซึ่งสามารถอ่านได้ด้วยจิตวิญญาณที่เชื่อในฝ่ายวิญญาณที่ได้บังเกิดจากพระวิญญาณของพระเจ้า

เบลเทชัสซาร์คนเก่าออกไปและได้รับภาชนะเหล่านี้ของพระเจ้าสำหรับการดื่มไวน์ของพวกเขา ทำไม? เขาเป็นผู้ไม่เชื่อ เขาคิดว่าเขาเป็นผู้เชื่อ แต่เขาก็เป็นผู้ไม่เชื่อ ดูเถิดครับ นั่นแหล่ะครับ เขาไม่เชื่อพระวจนะ

อาหับ เขาเป็นผู้ไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าเขาได้กระทำราวกับว่าเขาไม่ได้เป็น ไม่ ไม่ เขาอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้เชื่อ แต่เขาเป็นผู้ไม่เชื่อ เขาได้ทำอะไรเล่าครับ? เขาได้แต่งงานกับรูปเคารพที่เป็นผู้หญิงและนำรูปเคารพนั้นเข้ามาในอิสราเอล เขาเป็นผู้ไม่เชื่อ เรารู้เรื่องนั้น

พวกเขาปฏิเสธพระวจนะของพระเจ้าทั้งหมดว่าเป็นจริง ผู้ไม่เชื่อเป็นเช่นนี้ ดูเถิด คราวนี้จำได้ว่า เขาเป็นคนปากว่าตาขยิบ และเขากระทำหน้าเช่นนั้น เขาบอกว่าเขาเชื่อพระวจนะ แต่เขาปฏิเสธพระวจนะ เขาพูดว่า "ส่วนมากของมันก็ดีนะ" แต่ถ้าทั้งหมดของมันไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงทำให้เขาเป็นผู้ไม่เชื่อ คุณต้องเชื่อในทุกหัวข้อและทุกจุดและทุกอย่างที่กล่าวไว้ในนั้น มันจะต้องเป็นจริง ถ้ามันไม่เป็นจริง ถ้าคุณพูดตอนนี้ว่า "ผมไม่เชื่ออย่างนั้น" ดังนั้นคุณจึงเป็นผู้ไม่เชื่อ

มีผู้ชายคนหนึ่งพูดกับผมครั้งหนึ่ง ผู้รับใช้พระเจ้าผู้หนึ่งพูดว่า "ผมไม่สนใจนายบรานฮาม มีกี่คนที่คุณสามารถทำให้ – ที่คุณกล่าวว่าหายโรค ผมไม่เชื่อสิ่งนั้น"

ผมตอบว่า "แน่นอนว่าไม่ คุณไม่สามารถเชื่อสิ่งนั้น คุณเป็นผู้ไม่เชื่อ มันไม่ใช่สำหรับคุณ มันเป็นสำหรับผู้เชื่อเท่านั้น"

คุณต้องเชื่อมัน เห็นไหมครับ?  และพวกเขาไม่เชื่อมัน ดังนั้นเมื่อคุณเห็นผู้หนึ่งในนั้น ดั่งที่เปาโลพูดถึงบรรดาผู้เผยพระวจนะ บอกว่า พวกเขาเป็น “คนมุทะลุ เป็นคนหัวสูง เป็นคนรักความสนุกสนานยิ่งกว่ารักพระเจ้า เขามีสภาพทางของพระเจ้าภายนอก แต่ฤทธิ์ของทางนั้นเขาปฏิเสธเสีย” จงสังเกตว่า พวกเขาปฏิเสธพระวจนะทั้งหมด นอกจากนั้นเคร่งศาสนามากในทุกรูปแบบ พวกเขาเป็นผู้ไม่เชื่อในพระวจนะที่แท้จริง แม้ว่ามันจะได้รับการพิสูจน์แล้ว

ตลอดทุกยุคทุกสมัยพระเจ้าทรงพิสูจน์ให้เห็นถึงพระวจนะด้วยผู้คนเหล่านี้ ผมเคยพูดเกี่ยวกับโนอาห์ และเรื่อยมาตลอดจนโมเสส และบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมดและอื่นๆ พระเจ้าตรัสผ่านพระวจนะที่เหนือธรรมชาติและซึ่งถูกพิสูจน์แล้ว และยังมีผู้คนเหล่านั้นที่เดินออกไปทันที

และนี่เป็นสาวกเหล่านี้ที่ยืนอยู่ที่นั่นพวกเขาสาวกเจ็ดสิบคน และกำลังมองดูพระเยซูทรงกระทำสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงได้กระทำแล้วและรู้ข้อพระคัมภีร์ และพระองค์ตรัสกับพวกเขาถึงยุคที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้น และจากนั้นเมื่อพระองค์ตรัสบางสิ่งบางอย่าง “บุตรมนุษย์ ท่านจะพูดอะไร....” เมื่อพระองค์ทรงเริ่มที่จะตรัสกับพวกเขาเกี่ยวกับการหักขนมปังและเรื่องอื่นๆ และเสด็จไปข้างหน้าทรงบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่และเกี่ยวกับฝ่ายวิญญาณ

และพวกเขากล่าวว่า "โอ้ ถ้อยคำเหล่านี้ยากนักในการพูด”

พระองค์ตรัสว่า “ท่านจะว่าอย่างไร ถ้าท่านจะได้เห็นบุตรมนุษย์เสด็จขึ้นไปยังที่ที่พระองค์ประทับอยู่แต่ก่อนนั้น?” ตรัสว่า “มันเป็นเนื้อหนังหรือเป็นวิญญาณที่ได้กระตุ้น" เห็นไหมครับ? 

แล้วพวกเขาจึงได้จากไป พูดว่า “โอ้ นั่น ไม่ ข้าพเจ้าไม่สามารถเชื่อสิ่งนั้นได้" เห็นไหมครับ?  พวกเขาเดินออกไปทันทีต่อพระวจนะนั้น พวกเขาจะไม่อยู่เพื่อจะดูสิ่งที่เกิดขึ้นเลย นั่นคือ ผู้ไม่เชื่อ

พวกเขา แล้วพวกเขาทำอะไรเล่าครับ? พวกเราพบว่า พวกเขาที่เป็นผู้คนหล่านี้ ผู้เชื่อเหล่านี้ที่เรียกว่า ผู้เชื่อ แต่ในรูปแบบของศาสนา และพวกเขาล้มเหลวในการเห็นความจริงที่ถูกระบุไว้ในพระวจนะของพระเจ้า เพราะมันต่อต้านกับสิ่งที่พวกเขาเชื่อ เห็นไหมครับ? 

มันไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆ กับสิ่งที่คุณเชื่อว่า คุณมีความจงรักภักดีเพียงใด  คุณเคร่งศาสนาเพียงใด หรือนั่นไม่ได้มีสักสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับมัน ความจริงใจ ทำไม นั่นไม่ได้มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับมัน ผมเคยเห็นผู้คนที่จริงใจมาก! ผมเห็นพวกคนนอกรีตเผาบุตรหลายคนของพวกเขา นำพวกเขาไปเป็นอาหารให้กับจระเข้ บรรดามารดากับทารกของพวกเขา นั่นเป็นสิ่งที่เกินกว่าคริสเตียนจะทำได้ เห็นไหมครับ? พวกเขาเชื่ออย่างจริงใจแต่พวกเขาจริงใจอย่างผิดๆ

พวกคนทั้งหลายกล่าวว่า "คริสตจักรแห่งนี้ได้ยืนหยัดอยู่!” นั่นคุณจริงใจอย่างผิดๆ ถ้ามันขัดแย้งกับพระวจนะ "ตอนนี้จงมองดู ผมไม่เชื่อในสิ่งนั้น!" เมื่อพระคัมภีร์ได้กล่าวไว้แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น แม้ว่า! เห็นไหมครับ?  "ผมไม่เชื่อว่าเราจะต้องทำเช่นนี้" ผมไม่สนใจสิ่งที่คุณคิด คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น พระเจ้าตรัสไว้แล้วมันจะต้องสำเร็จ

"หมายสำคัญเหล่านี้จะติดตามพวกเขา" ไกลเท่าไหร่? “ไปยังทั่วโลก” ใคร? “ไปยังทุกคน” ดูเถิดครับ มันจะเป็น! ไม่ “จะเป็นหรือ?” มันจะต้องเป็น!

และถ้อยคำของพระเจ้าสำหรับชั่วโมงนี้ที่เรากำลังเพลิดเพลินอยู่ในขณะนี้ การทรงสถิตของพระเจ้า วันต่อไปช่วงเวลาตอนเย็นเมื่อแสงสว่างของพระองค์ส่องแสง และสิ่งต่างๆ ได้ถูกเปิดเผย และพระวจนะได้ถูกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นความจริง ทั้งคำเผยพระวจนะที่เกิดขึ้นจริง ทั้งหมดโดยทางวิทยาศาสตร์และทุกอย่างได้พิสูจน์แล้วว่า “พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ วันนี้ และสืบๆ ไปเป็นนิตย์” และชายผู้หนึ่งเดินออกไปจากที่นั่น เขาคือผู้ไม่เชื่อ เขาเป็นผู้ที่อยู่นอกเหนือความหวัง เขามึนงงด้วยฤทธิ์อำนาจของซาตาน ดังนั้นจึงไม่มีความหวังสำหรับเขา เขาเป็นผู้ที่อยู่นอกเหนือความหวัง

คราวนี้นั่นคืออะไร? ผู้เชื่อ ครั้งนี้ผู้ที่ไม่เชื่อ ตอนนี้เราจะพูดเกี่ยวกับประเภทที่สามผู้แสร้งว่าเชื่อ นั่นคือเด็กชายผู้นั้น! ผู้แสร้งว่าเชื่อ ตอนนี้จำได้ไหมครับว่า ทั้งหมดสามประเภทได้ยืนอยู่ในที่นั่น คราวนี้พวกเราพบว่าตอนนี้พวกเขาทำเฉกเช่นเดียวกับที่ยูดาสบิดาของพวกเขาได้ทำ         

มีเปโตรและส่วนที่เหลือของพวกอัครสาวก ที่เป็นบรรดาผู้เชื่อ

มีสาวกเจ็ดสิบคน ที่เป็นบรรดาผู้ไม่เชื่อ

และมียูดาสอยู่ที่นั่นด้วย เขาเป็นผู้แสร้งว่าเชื่อ พวกเขาทำอะไร? นี่คือประเภทที่ยึดมั่นอยู่จนกระทั่งพวกเขาสามารถพบข้อบกพร่องบางสิ่งบางอย่างในนั้น พวกเขาจะคอยมองหาช่องโหว่ทุกครั้ง ดูว่ามันสำเร็จได้อย่างไร ดูว่าถ้ามันเป็นเล่ห์เหลี่ยม ถ้ามันเป็นกลอุบาย พวกเขารอคอยที่จะขายมันออก พวกเขามองหาสิ่งนั้น

ผู้ไม่เชื่อ เขาไม่แม้แต่จะรอคอยอยู่รอบๆ เขาได้กล่าวโทษมันและเดินออกไป

ผู้เชื่อ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาเชื่อมัน ถึงอย่างไรก็ตาม เพราะมันเป็นพระวจนะ!

มีสามประเภทของพวกคุณ

ผู้ไม่เชื่อเดิมๆ จะเดินออกไป นั่นเป็นสิ่งแรกที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ พี่น้องเขากำลังจะสาดสีของเขาโดยตรง ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ไม่เชื่อ อ. เปาโล กล่าวว่า "พวกเขาได้ออกไปจากพวกเรา เพราะพวกเขาไม่ใช่พวกเราตั้งแต่ตอนเริ่มแรก พวกเขาได้เริ่มต้นกับพวกเรา” “โอ้ ท่านทำการงานได้เป็นอย่างดี สิ่งใดได้ขัดขวางท่านอยู่หรือ?” เห็นไหมครับ?  “พวกเขาจากไปเพราะพวกเขาไม่ได้เป็นของพวกเรา” เมื่อพวกเขาเห็นพระวจนะที่สมบูรณ์กำลังเคลื่อนไหว ทำไมพวกเขาต้องการที่จะได้อุบายบางอย่างที่พวกเขาสามารถกระทำได้ เห็นไหมครับ?

แต่ผู้เชื่อแท้ไม่ถามอะไรเลย มันได้ถูกบันทึกไว้ในพระวจนะและพวกเขาเชื่อพระวจนะ และพวกเขาเพียงแค่เชื่อต่อไป นั่นเป็นเช่นนั้นเสมอ มันถูกบันทึกไว้ ถ้ามันไม่ได้ถูกบันทึกไว้ ทำไมคุณจึงอยู่ห่างจากมัน ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม มันจะต้องถูกบันทึก เห็นไหมครับ?  และพวกเขาเห็นพระวจนะที่ถูกบันทึกและพวกเขาเชื่อ และพวกเขาเห็นพระเจ้ากำลังเคลื่อนไหวในพระวจนะของพระองค์ เห็นชั่วโมงนี้,  ถ้อยคำของพระองค์, เวลานี้ และพวกเขากำลังเดินกับพระวจนะ

ดั่งที่ผมได้กล่าวไว้เมื่อเช้านี้ เป็นเวลานานเท่าไหร่ที่ปิลาตต้องเดินบนพื้นในเวลากลางคืนด้วยความรู้สึกวิตกกังวลของเขา พยายามที่จะชำระตัวของเขาเองให้สะอาด และเขาได้กล่าวไว้ โอ้ ไม่ต้องสงสัยเลยที่เขาได้เรียกตลอดทั้งคืน พูดว่า "ข้าพระองค์ได้ล้างมือของข้าพระองค์ตลอดทั้งคืน และข้าพระองค์ก็ยังไม่สามารถเข้าใจ" ดูเถิดครับ พวกเขาไม่สะอาด ข้าพระองค์ไม่สามารถไปพบพระองค์ได้เลย ข้าพระองค์มีโลหิตอยู่บนมือของข้าพระองค์" โอ้! ดูเถิดครับ จงอย่ารู้สึกผิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น เห็นไหมครับ? 

โลหิดอยู่บนมือของคุณ มีเพียงวิธีเดียวที่คุณจะสามารถกำจัดมันออกไปได้ นั่นคือยอมรับมัน ถูกต้องครับ จงกลายเป็นส่วนของมัน นั่นคือสิ่งที่โลหิตได้ถูกหลั่งออกมา

คราวนี้ผู้แสร้งว่าเชื่อวนเวียนอยู่รอบๆ และแสร้งทำเป็นเหมือนว่าเคร่งศาสนาเท่าที่เขาสามารถทำได้ แต่ลึกลงไปในจิตใจของเขา เขากำลังพยายามที่จะค้นหาสิ่งที่คุณ วิธีการที่คุณกระทำมัน โอ้ ถ้าประเทศนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยบรรดาคนหน้าซื่อใจคดส่วนนั้น! ใช่ นั่นคือยูดาส นั่นเหมือนมากๆ วนเวียนอยู่รอบๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนั้น เขาเป็นเหรัญญิก ดูเถิด เขายืนอยู่รอบๆ เขาได้ยื่นมือของเขาออกมาสำหรับเงินเสมอ คุณสามารถบอกได้ว่าสิ่งหนึ่งคือ เขากำลังหาเงินและยื่นมือของเขาออกมาสำหรับสิ่งนี้อยู่เสมอ และเขาเป็นผู้แสร้งว่าเชื่อ เขาแสร้งทำเป็นเหมือนผู้เชื่อ แต่ลึกลงในจิตใจของเขา....

คุณจำได้ไหมครับว่า เขาไม่เคยหลอกลวงพระเยซูหรือ หลังจากที่สาวกเจ็ดสิบคนได้จากไปแล้ว และบรรดาผู้เชื่อได้ยืนหยัดอยู่ในที่ของพวกเขา และพระองค์ทรงหันไปรอบๆ ที่บรรดาผู้เชื่อ พระองค์ตรัสว่า "ยังคงมีบางสิ่งบางอย่างในท่านทั้งหลาย" เพราะพระองค์ตรัสว่า "เราเลือกพวกท่านสิบสองคนมิใช่หรือ และคนหนึ่งในพวกท่านเป็นมารร้าย" พระเยซูทรงรู้ตั้งแต่เริ่มต้นเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระวจนะ พระองค์ทรงรู้ความลับของจิตใจ

มันเป็นการยากเพียงใด! ขอหยุดสักหนึ่งนาที จงคิดให้ลึก ยาว ตรง! ว่ามันยากเพียงไรสำหรับที่พระองค์ทรงเป็นเมื่อกำลังเสด็จตรงไปที่นั่นและชายผู้หนึ่งเรียกพระองค์ว่า "พี่น้อง" และทรงรู้ตลอดเวลาว่านั่นเป็นผู้หลอกลวงที่กำลังพยายามทำให้พระองค์ทรงเสียพระทัย และขายพระองค์เพื่อเหรียญเงินสามสิบเหรียญ มันยากเพียงไรที่จะเก็บไว้ในพระทรวงของพระองค์ และเพื่อนของพระองค์กำลังเดินไปด้วยกันที่นั่น แม้กระนั้นพระองค์ตรัสว่า "เพื่อน” ทรงเรียก ยูดาสว่าเพื่อนของพระองค์ “เรายังไม่ได้อยู่กับเจ้าตลอดเวลานี้หรือ?" ทรงรู้อยู่ในพระทัยของพระองค์และไม่สามารถตรัสได้ พระองค์ทรงรู้ตั้งแต่เริ่มต้นว่า ใครคือผู้ที่จะทรยศพระองค์

มีผู้แสร้งว่าเชื่อผู้นั้นที่กำลังรอคอยอยู่ เขาจะร้อง พูดว่า "โอ้ ผมเชื่อสิ่งนี้ และผมเชื่อสิ่งนี้ และผมเชื่อสิ่งนี้ แต่ โอ้ คุณรู้ไหมครับว่า ผมได้ยินใครบางคนพูดเหมือนๆ กันหลายครั้ง" โอ้ ดูเถิดครับ เพียงแค่ฟังหูไว้หู

ผู้เชื่อแท้ไม่ฟังสิ่งใดนอกจากพระคำ นั่นคือทั้งหมด เขาจับตามองพระวจนะ เขาไม่ได้มองหาช่องโหว่ใดๆ เขาไม่ได้เป็นมองหาอุบายใดๆ เขาเชื่อพระเจ้า และนั่นทำให้มันสงบ และเขาเพียงแค่รักษาความเชื่อต่อไป เห็นไหมครับว่ามีผู้เชื่อ

ผู้ไม่เชื่อเติมให้เต็มในหนึ่งนาที และเขาไม่สามารถอยู่เพื่อที่จะฟังถ้อยคำของพระองค์ได้ถึงสิบนาที เขาต้องลุกขึ้นและเดินไปออก มันต่อต้านกับความเชื่อของเขาและเขาไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับมัน ดังนั้นเขาจีงออกไป

แล้วผู้แสร้งว่าเชื่อก็ยังวนเวียนอยู่ นั่นแหล่ะครับ ยูดาส ดูเถิดครับ นั่นคือผู้หลอกลวง นั่นคือคนพาล ถ้าผมจะต้องกล่าวด้วยคำๆ หนึ่ง ยูดาส เขาวนเวียนอยู่รอบๆ นี่เป็นเวลานั้นบางครั้งบรรดาผู้แสร้งว่าเชื่อเหล่านี้เป็นที่นิยมมากในประชาชน นั่นเป็นจริงครับ บรรดาผู้แสร้งว่าเชื่อเหล่านี้ ดูเถิดครับ บางคนในพวกเขาเป็นผู้ที่มีอำนาจ, มีการศึกษา, มีปริญญาดุษฎีบัณฑิต, ได้รับค่าจ้างสูง, ทุกอย่าง บางคนในพวกเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่เฉลียวฉลาด เช่นเดียวกับที่บุตรของซาตานจะเป็นได้

จงมองวิธีการที่ซาตานมาตรงที่นั่นและเห็นด้วยกับทุกคำของถ้อยคำนั้นของพระเจ้า มันเพียงแค่รอคอยที่จะค้นหาจุดอ่อนนั้นในเอวา เพื่อที่มันจะได้สำแดงฤทธิ์อำนาจของมันที่จะหลอกลวงนาง เพื่อที่จะทรยศนาง! นั่นคือซาตาน และนี่คือซาตานที่อยู่ในรูปแบบของยูดาสในยุคนั้น นั่นคือซาตานในยุคแรก มันเป็นใคร? เห็นด้วยกับพระวจนะจนกระทั่งสิ่งหนึ่งเพียงเล็กๆ น้อยๆ เขาพยายามที่จะค้นหาที่ๆ เขาจะจับจุดอ่อน

และนั่นเหมือนกับสิ่งที่ยูดาสได้ค้นพบครั้งนี้ เขาจะมาร่วมด้วยในการประชุมและจับตามองอยู่รอบๆ จนกระทั่งเขาสามารถพบจุดเล็กๆ นั้น เขาพูดว่า "โอ้ นั่นไง! นั่นไง!” เห็นไหมครับ?  "โอ้ นั่นคือวิธีที่มันได้กระทำ!" เห็นไหมครับ?  นั่นเป็นอย่างนั้นจริงๆ

หลายคนในพวกคุณระลึกถึงที่นั่นในค่ำคืนนั้น เมื่อชายผู้นั้นมาบนเวที เขาคิดว่านั่นเป็นการใช้กระแสจิตที่จะอ่านบัตรคำอธิษฐาน และเขาคิดไว้อย่างไรเขาก็ได้รับมันแล้ว พี่น้อง เขาแน่ใจว่าเขาได้รับมัน และเขามารอบๆ เขาเป็นคนของคริสตจักรหนึ่งที่ไม่เชื่อในสิ่งเหล่านี้ในพระกิตติคุณ, พระกิตติคุณสมบูรณ์ และเขาขึ้นมาบนเวทีนั้น ผมรู้สึกเหนื่อยแล้ว พวกเขากำลังจัดเตรียมที่จะนำผมไป

นั่นคือที่เมืองวินด์เซอร์ รัฐออนตาริโอ ในที่นั่นอยู่ข้ามไปจากสหรัฐอเมริกา ที่นั่นข้ามไปจากรัฐดีทรอยต์ ที่หอประชุมใหญ่เมืองวินด์เซอร์

และผู้ชายคนนี้ขึ้นมากับชุดสูทสีเทาและเนคไทสีแดง ชายที่มีการพูดจาเฉลียวฉลาดมีสติปัญญา เขามาที่เวที และผม...เขาเดินขึ้นมาและผมพูดว่า "ขอให้ผมจับมือคุณด้วย" ผมพูดว่า "ผมรู้สึกเหนื่อยแล้ว ผมได้เห็นนิมิตมากมาย ผมขอเพียงจับมือกับคุณ" และผมไม่เคยได้สังเกตชายผู้นี้ เขาได้จับมือกับผม และผมกล่าวว่า "คุณครับ ไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับคุณ ให้ไปข้างหน้า"

เขากล่าวว่า "โอ้ มีอีกครับ"

และผมบอกว่า "ให้ผมดูที่นั่น" ผมบอกว่า "ไม่ครับท่าน ไม่มีสัญญาณใดเลยแม้แต่สิ่งเดียว ไม่มีครับท่าน คุณเป็นคนที่มีสุขภาพดี”

เขาบอกว่า "ไปดูบัตรคำอธิษฐานของผมเถิดครับ!"

ผมบอกว่า "ผมไม่สนใจสิ่งที่คุณได้เขียนไว้ในบัตรอธิษฐานของคุณ" ผมบอกว่า "ผมไม่ต้องทำอะไรกับบัตรอธิษฐานเลย" ไม่ใช่การคิด ดูเถิดครับท่าน ผมรู้สึกเหนื่อยและอ่อนล้าแล้ว และของผม... แต่ด้วยพระคุณของพระเจ้า ดูเถิดครับ คนที่อยู่ที่นั่นคงจำได้

ถ้าพระองค์ทรงใช้คุณมา มันเป็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่จะทรงดูแลคุณ มันไม่ได้เป็นของผม มันเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงส่งมา ผมเพียงแค่ยืนอยู่กับสิ่งที่เป็นความจริง

เมื่อโมเสสโยนไม้เท้าลงและมันก็กลายเป็นงู และพวกนักแสดงกลได้กระทำสิ่งเดียวกัน โมเสสสามารถทำอะไรได้ นอกจากยืนอยู่ตรงนั้นและรอคอยพระคุณของพระเจ้าใช่หรือไม่? นั่นคือทั้งหมด สิ่งเดียวกัน เขาเดินตามพระบัญญัติ และคุณรู้ว่าสิ่งใดได้เกิดขึ้นแล้วหรือคุณไม่รู้? เห็นไหมครับ?

ผู้ชายคนนี้พูดว่า "ตอนนี้" เขาบอกว่า "มีครับ ขอให้ดูที่บัตรอธิษฐานของผมเถิดครับ"

ผมบอกว่า "คุณอาจจะเคยมีความเชื่อมากและอาจจะได้ทำมันแล้ว" ไม่ใช่ความคิด คุณเห็นไหมครับ ผมได้ทำสำเร็จแล้ว... ไม่แม้แต่จะใส่ใจ

จากนั้นเขาปลดกระดุมเสื้อคลุมของเขาและถอดออกจากหน้าอกของเขา เขาบอกว่า "นั่นไง!" กับบรรดาผู้ชม

และผมได้ตริตรองว่า "กำลังเกิดอะไรขึ้นที่นี่หรือ?"

เขาได้มองไปรอบๆ และบอกว่า "นั่นไง!" บอกว่า "เห็นอุบายนั้นไหมครับ?" นั่นคือ ยูดาสของพวกคุณ ผู้เคร่งศาสนาคนหนึ่ง นักเทศน์ของนิกายอันยิ่งใหญ่คณะหนึ่ง บอกว่า "นั่นไง! ผมมี ”ความเชื่อมาก” ตอนนี้เขาอ่อนแอมาก เขาไม่สามารถอ่านกระแสจิตได้ ดูเถิดครับ มันไม่ได้มาหาเขาอีก" และนั่นเขาพูดว่า “มันใช่เพราะความเชื่อของผมที่ยิ่งใหญ่หรอกหรือ" บอกว่า "ผมได้เขียนสิ่งนั้นลงบนบัตรอธิษฐานนั้น และตอนนี้เขาไม่สามารถจับมันได้ พวกคุณเห็นไหมครับ" บอกว่า "นั่นเป็นอุบาย!"

ผมได้ตริตรองว่า "กำลังเกิดอะไรขึ้นหรือ?" จากนั้นพระคุณพระเจ้าก็เทลงมา

ผมบอกว่า "คุณครับ ทำไมมารร้ายจึงได้ใส่ไว้ในจิตใจของคุณเพื่อพยายามที่จะล่อลวงพระเจ้า?" ยูดาสในยุคสมัยใหม่! ผมบอกว่า "คุณอยู่ที่ เชิร์ช อ๊อฟ ไครส์ท..." ขออภัยครับ ผมพูดจบแล้ว "คุณเป็นนักเทศน์ผู้หนึ่งจาก เชิร์ช อ๊อฟ ไครส์ท คุณเป็นคนของ เชิร์ช อ๊อฟ ไครส์ท จากทั่วประเทศในสหรัฐอเมริกา และชายผู้ที่กำลังนั่งอยู่ที่นั่นสวมชุดสูทสีน้ำเงิน และภรรยาของคุณและภรรยาของเขาก็นั่งอยู่ที่นั่น และคุณได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเมื่อคืนนี้ที่มีสิ่งของสีเขียวชิ้นหนึ่งวางอยู่บนนั้นเหมือนกับสิ่งนี้ และคุณได้สร้างมันขึ้นว่านี่คือ “กระแสจิต” และคุณจะมาในคืนนี้"

ผู้ชายคนนั้นยืนขึ้น เขาพูดว่า "นั่นเป็นความสัตย์จริงครับ พระเจ้า โปรดเมตตาแก่ข้าพระองค์เถิด"

ผมบอกว่า "คุณครับ คุณได้เขียนว่า “วัณโรคและโรคมะเร็ง” ลงบนบัตรนั้น และตอนนี้คุณได้รับมัน มันเป็นของคุณแล้วในเวลานี้"

และเขาก็คว้าตัวผมไว้ด้วยขากางเกง เขาบอกว่า "ผมไม่ได้..."

ผมบอกว่า "ผมไม่สามารถช่วยได้....คุณจงดำเนินไปข้างหน้า นั่นขึ้นอยู่กับระหว่างคุณกับพระเจ้า คุณได้เขียนคำสาปแช่งของคุณไว้บนบัตรของคุณ" และนั่นคือสิ่งที่เขาได้รับ นั่นคือเรื่องราวทั้งหมด

ดูเถิดครับ บรรดาผู้แสร้งว่าเชื่อ บรรดาผู้หลอกลวง พยายามที่จะค้นหาข้อบกพร่องบางอย่างกับพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ นั่นคือพวกยูดาส นั่นคือพวกนั้น คุณเห็นวิธีการของยูดาสที่แสดงออกมาไหมครับ? เห็นวิธีการที่ชายผู้นั้นแสดงออกมาไหมครับ? นั่นคือ วิธีการที่ผู้แสร้งว่าเชื่อทำขึ้นมา ดูเถิดครับ บรรดาผู้แสร้งว่าเชื่อ โอ้ บางครั้งมีการศึกษาสูง และการแสดงที่ยิ่งใหญ่แสดงออกมาระหว่างพระวจนะและความเชื่อของพวกเขา และเมื่อมันเกิดขึ้นพวกเขาขายออกไปให้กับนิกายของพวกเขาเหมือนกับที่ยูดาสผู้บุกเบิกของพวกเขาได้กระทำ ยูดาสได้ขายให้กับนิกายของเขา ได้ขายพระเยซู พระวจนะ ให้กับนิกายของเขา และได้ทรยศพระเยซูคริสต์หลังจากที่เขาอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของผู้เชื่อ

บางครั้งพันธกรทั้งหลายอ้างว่าเป็นบรรดาผู้รับใช้ของพระคริสต์ และเมื่อพระวจนะได้ชี้ชัดถูกพิสูจน์สำหรับวันนั้น นั่นเป็นถ้อยคำของพระเจ้าของชั่วโมงนั้น และพวกเขาจะขายที่นั่น ออกไปเพื่อความเป็นที่นิยมสำหรับนิกายของพวกเขา เกือบจะเหมือนกับที่ยูดาสได้ทำการทรยศพระเยซูเพื่อพวกฟาริสีและพวกสะดูสี วิญญาณนั้นยังไม่ตาย ยังอยู่ในท่ามกลางบรรดาผู้เชื่อ ผู้แสร้งว่าเชื่อ และผู้ไม่เชื่อ ดูเถิดครับ นั่นเกือบจะเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นและขายพระเยซูเพื่อเหรียญเงินสามสิบเหรียญ และมีคนมากมายที่จะกระทำเช่นนั้นในปัจจุบันนี้สำหรับตั๋วอาหารหนึ่งมื้อ เพื่อหนึ่งร้อยดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นต่อสัปดาห์ แน่นอนครับ ปฏิเสธพระเจ้าผู้ที่ทรงยืนประทับอยู่ในท่ามกลางของพวกเขา ผู้ที่ทรงได้ซื้อชีวิตของพวกเขา และด้วยพระวจนะที่สมบูรณ์

และพวกเขาจะพูดว่า "โอ้ วันแห่งการอัศจรรย์ของพวกเขาได้ผ่านพ้นไปแล้ว!" หรือ "พระเจ้า ทรงไม่จำเป็นต้องให้สิ่งเช่นนั้นเกิดขึ้นในวันนี้" เห็นไหมครับ?  "โอ้ ผมเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า! "พระแม่มารีย์ พระมารดาของพระเจ้า สาธุการพระองค์ท่ามกลางบรรดาผู้หญิง" สิ่งอื่นๆ ทั้งหมดเหล่านี้ที่พวกเขาพูด! และบางคนในพวกเขาพูดว่า "ผมเชื่อในความเชื่อของเหล่าอัครสาวก ผมเชื่อในพระเจ้าพระบิดา ผู้ทรงฤทธานุภาพ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และผมเชื่อในคริสตจักรโรมันคาทอลิกศักดิ์สิทธิ์" และสิ่งต่างๆ นี้ทั้งหมด

ช่วยบอกผมว่า เมื่อใดที่อัครสาวกผู้หนึ่งเคยมีความเชื่อเช่นนั้น ถ้าเหล่าอัครสาวกได้มีความเชื่อหนึ่ง มันถูกบันทึกไว้ในพระธรรมกิจการ 2: 38 ว่า "จงกลับใจเสียใหม่และรับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์สิ้นทุกคน เพราะว่าพระเจ้าทรงยกความผิดบาปของท่านเสีย และท่านจะได้รับของประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์" มีคำสอนอื่นใดของพวกเขาหรือ นั่นคือเท่านั้น พวกเขาไม่มีคำสอน มันเป็นพระวจนะ นั่นเป็นความจริง มันยังคงเป็นเหมือนเดิม นั่นคือใบสั่งยาสำหรับการรักษาโรคของความบาป "และคุณจะได้รับของประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงกลับใจเสียใหม่และรับบัพติศมาเพื่อการยกโทษให้อภัยบาป ดูเถิดครับ และท่านจะได้รับของประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์"

แต่พวกเขาขายออกไปเช่นเดียวกับยูดาส นั่นคือผู้แสร้งว่าเชื่อ บางคนของพวกเขาเป็นพวกที่มีความสามารถสูง และผู้แสร้งว่าเชื่อนี้ จงระวังผู้นั้น นั่นคือผู้ที่ฉลาด คนตัวเล็กๆ นี้ที่เข้ามาอย่างรวดเร็วและกระโดดขึ้นและวิ่งออกไปตรงทุกถ้อยคำเล็กๆ ที่เขาไม่ชอบ คุณไม่ต้องใส่ใจกับเขา เขาเป็นเพียงผู้ไม่เชื่อที่เพิ่งจะเริ่มต้น แต่เมื่อคุณเห็นคนๆ นี้ผู้แสร้งว่าเชื่อที่วนเวียนอยู่ ดูเถิดครับ นั่นคือยูดาส นั่นคือเขา

เช่นเดียวกับผู้ที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ผมจะเอ่ยชื่อต่างๆ ที่นี่ ซึ่งผมไม่ควรจะทำเลยจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามผมจะเอ่ยถึงพวกเขาเพื่อให้พวกคุณทราบ เช่น เอลวิส เพรสลีย์, เรด โฟลี่ย์, เออร์นี่ ฟอร์ด, แพท บูน, เอลวิส เพรสลีย์, พวกเพนทาคอสท์; แพท บูน, คริสตจักรของพระคริสต์; เรด โฟลี่ย์, ผู้ปกครองใน เชิร์ช อ๊ออฟ ไครส์ท และผมคิดว่า เออร์เนส ฟอร์ด เป็นพวกเมธอดิสท์ และผู้คนเหล่านั้นทั้งหมดที่มีความสามารถพิเศษ ฉลาด ที่ออกในโทรทัศน์ และผู้คนพูดว่า "พวกเขาไม่ได้เคร่งศาสนาหรือ? พวกเขาร้องเพลงต่างๆ" นั่นไม่ได้หมายถึงสิ่งหนึ่ง ใช่ครับท่าน การหลอกลวงโลก!

พวกเขาได้รับอะไรจากมัน? ยูดาสได้รับเหรียญเงินสามสิบเหรียญ เอลวิส ขบวนรถคาดิแลค และ 100 หรือ 2, 150 ล้านดอลลาร์ หรือ 1 ล้านดอลลาร์ของการบันทึกเสียงและสิ่งต่างๆ เช่นนั้น แพ็ท บูน และส่วนที่เหลือของพวกเขา ผมไม่สนใจว่าคริสตจักรใดที่พวกเขาอยู่และทุกอย่าง มันเป็นความหน้าซื่อใจคด มันเป็นการแสร้งว่าเชื่อ มันเป็นด้านหน้าฉากที่ชีวิตของพวกเขาถูกพิสูจน์ให้เห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ใช่ไหม

จากนั้นมีผู้คนเหล่านั้นที่มีความสามารถพิเศษที่เป็นบรรดาผู้จัดงานที่ยิ่ง ใหญ่มีภูมิปัญญาทางโลก พวกเขาประกาศข่าวประเสริฐอ้างถึงผู้ที่ฉลาดปัญญา ชน จงฟัง ผู้ที่เคยผ่านการฝึกอบรมในสนามนั้น เขาไม่ได้เป็นนักเทศน์ เขาเป็นวิทยากร นั่นคือสิ่งที่เป็นปัญหาในปัจจุบันนี้ พวกเรามีพวกวิทยากร

พระเยซูมิเคยตรัสว่า "จงออกไปและอบรมเพื่อทำการงานนี้" พระองค์ตรัสว่า "จงออกไปเทศนาข่าวประเสริฐและหมายสำคัญเหล่านี้จะติดตามไปในการเทศนา" เห็นไหมครับ?  เห็นไหมครับ?

นั่นไม่ใช่เรียนรู้ที่จะเป็นวิทยากรผู้ซึ่งสามารถยืนและเพียงแค่ โอ้ ให้สิ่งที่สละสลวยกับพวกเขาที่ทำให้คุณรู้สึกราวกับว่า คุณกำลังนั่งอยู่ในการทรงสถิตของอัครเทวทูตาธิบดี นั่นไม่ใช่สิ่งนั้น "มีรูปแบบของความเคร่งศีลธรรม" ดูเถิดครับท่าน นั่นเป็นวิทยากร ไม่ใช่การงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์

ผู้เล็กน้อยบางคนซึ่งคงจะไม่รู้เอบีซีของเขาอาจจะรับรู้ด้วยฤทธิ์อำนาจของความเชื่อ กับพระวจนะ และทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์กระทำสิ่งต่างๆ ที่ผู้นั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพระองค์และปฏิเสธ เห็นไหมครับ? นั่นแหล่ะครับ

บรรดาผู้ยิ่งใหญ่! ใช่ครับท่าน จากนั้นบรรดาผู้จัดงาน พวกเขาเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จฉลาดในภูมิปัญญาทางโลก

เพียงแค่เหมือนกับซาตานที่ได้กระทำกับเอวา ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ทำอะไรไม่ถูก มันเดินตรงเข้ามาหานาง และพยายามที่จะขายความคิดให้กับนางที่ว่า นางจะฉลาดกว่าที่นางเคยเป็น และนั่นคือสิ่งที่นางกำลังมองหาอยู่ แทนที่การอยู่กับสิ่งที่พระวจนะได้กล่าวไว้ มันต้องการที่จะขายความคิดให้กับนางที่ว่านางจะฉลาดมากขึ้น และนางได้ซื้อผลิตภัณฑ์ของมัน และพวกมันยังคงกระทำสิ่งเดียวกันในปัจจุบันนี้ “ภูมิปัญญาของโลกนี้เป็นความโง่เขลาต่อพระเจ้า” ใช่ครับท่าน

ไม่ครับท่าน! โอ้ เพียงสิ่งเดียวกันที่พวกฟาริสีได้ขายออกไปและกระทำแล้ว ดูเถิดครับ ด้วยภูมิปัญญานั้นที่พวกเขารู้ แต่ปฏิเสธพระวจนะทั้งหมดของพระเจ้า

เมื่อมันได้รับการพิสูจน์อย่างถูกต้องแล้วและถูกปลดปล่อยให้พวกเขา พวกเขาพยายามที่จะค้นหาบางสิ่งบางอย่างอยู่และคิดว่ามันเป็นอุบายอย่างหนึ่ง พวกเขาไม่ได้สงบจิตใจของพวกเขาลง พวกเขาไม่สามารถเชื่อมัน คุณสามารถบอกพวกเขาทุกอย่างและพวกเขาก็จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง คุณสามารถบอกพวกเขาทุกอย่างและพวกเขาก็จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และพวกเขาเพียง... และไม่สามารถจุ่มมันลงได้ ดูเถิดคุณ และจับตามองพวกเขา พวกเขากำลังจับตามองครั้งหนึ่ง เพียงแค่ช่องโหว่หนึ่ง นั่นคือสิ่งทั้งหมดที่พวกเขาต้องการ

นั่นคือสิ่งที่ถ้ามันไม่ได้เป็นเพราะพระคุณของพระเจ้า ช่องโหว่ทั้งหมดของผมคงจะถูกเปิดเผย ถ้าผมมีสิ่งนั้น เห็นไหมครับ?  มันเป็นพระคุณของพระเจ้า เพราะไม่มีช่องโหว่ในพระวจนะของพระเจ้า พระกิตติคุณที่สมบูรณ์แน่นอน ผมพูดเสมอว่า ใครก็ตามถ้าคุณเห็นผมสอนหรือกระทำสิ่งใดที่ไม่ตรงกับพระวจนะของพระเจ้าจริงๆ คุณมาบอกผมได้ นี่คือสิ่งที่ปกคลุมช่องโหว่ที่คุณกำลังพยายามที่จะค้นหา เพียงแค่จับตาของคุณบนสิ่งนั้น และคุณจะเห็นว่าไม่มีช่องโหว่ใดๆ เพราะว่าไม่มีช่องโหว่เลย

คราวนี้จำได้ไหมครับว่า ยูดาสคิดว่าเขาได้พบสิ่งหนึ่ง ชายผู้นั้นคิดว่าเขาได้พบสิ่งหนึ่ง หลายครั้งที่พวกเขาคิดว่าพวกเขาได้พบมัน แต่มันได้พิสูจน์ให้เห็นว่านั่นไม่ใช่ นั่นคือผู้แสร้งว่าเชื่อ พวกหน้าซื่อใจคด พวกเขาอยู่ในพระวจนะเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ดังที่เอวาเป็น แต่เก้าสิบเก้าและเก้าในสิบ แต่มันเป็นหนึ่งในสิบที่ทำให้เกิดความตายและความเศร้าโศกทั้งหมด

นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่กล่าวโทษองค์กรและสิ่งต่างๆ เพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่บนพระวจนะของพระเจ้าทั้งหมด นั่นคือผู้แสร้งว่าเชื่อ พวกเราพบว่ามันเป็นเช่นนั้นเสมอ นอกจากนั้นปฏิเสธความจริงพระวจนะที่ถูกปลดปล่อย คนเหล่านี้อยู่ในแต่ละรุ่น พวกเราพบพวกเขาขณะที่พวกเราเดินไปด้วยกัน และเคร่งศาสนามากด้วย

ตอนนี้ผมกำลังจะกล่าวปิดเดี๋ยวนี้ เพราะผมได้จบในครึ่งชั่วโมงแล้วครับ

พระเยซู ข้าพระองค์ทั้งหลายพบว่าพระองค์ได้ทรงตักเตือนข้าพระองค์ทั้งหลายให้ต่อต้านคนเหล่านี้ในยุคสุดท้าย และประเภทเหล่านี้ของคนทั้งหลายที่พวกเขาจะเป็นเหมือนของจริงอย่างมาก ที่พวกเขาจะหลอกลวงบรรดาผู้ที่ถูกเลือกสรรแล้วอย่างแน่นอน นั่นคืออะไร? นั่นคือ พวกยูดาส ผู้ที่ไปไกลลิบ มองดูเถิด พวกเขายังสามารถร้องไห้ ตะโกน อ้างว่าได้ขับผีออก ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วจากนั้นก็หันหลังกลับไปและปฏิเสธพระวจนะ พวกเขามีรูปแบบเหมือนความเคร่งศาสนามาก พวกเขาเกือบจะเป็น

จงมองดูที่ซึ่งยูดาสได้จากมา วิญญาณของยูดาสได้ปีนเข้ามาในพระกิตติคุณ ขึ้นไปยังสถานที่ของเพนเทคอสต์ แต่เมื่อมันมาถึงเวลาสำหรับการรับบัพติศมาของเขาในพระนามของพระเยซูคริสต์และสิ่งอื่นๆ เหล่านี้ที่ไปกับการบัพติศมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาก็เดินจากไป เขาได้แสดงสีของเขา และวิญญาณนั้นสามารถอาศัยอยู่ในนิกายต่างๆ เหล่านั้นจนกว่าจะได้รับสิทธิในความจริง จากนั้นเธอจะปลดออกไป เช่นเดียวกับวิญญาณที่อยู่ในพวกเขาที่มาก่อนล่วงหน้าเพื่อการมาของพวกเขา เหมือนกับยอห์นที่มาก่อนล่วงหน้าเพื่อการเสด็จมาของพระเยซู

“ตอนนี้คุณกล่าวว่า "พระเยซูตรัสว่า พวกเขาคงจะใกล้มากแล้ว”

ตอนนี้ “ผู้ถูกเลือกสรร” นั่นคือประเภทที่ได้มีชื่อของพวกเขาในหนังสือตั้งแต่การวางรากฐานของชีวิตที่เชื่อ หรือการวางรากฐานของโลกที่เชื่อพระวจนะของชีวิตทั้งหมด นั่นคือผู้ที่ถูกเลือกสรร

คราวนี้ จงจับตามองพวกคนเหล่านี้ ครั้งนี้ผมพูดสิ่งนี้ด้วยความเคารพและนับถือด้วยความรักของพระเจ้า ถ้าผมไม่พูด ผมคือ... ผมต้องการให้แท่นบูชาเรียกตัวผม จงสังเกตที่พระเยซูตรัสว่า พวกเขาจะหลอกลวงแม้ผู้ที่ถูกเลือกสรร คราวนี้ นั่นคงจะไม่ใช่เมธอดิสท์ นั่นคงจะไม่ใช่แบ๊บติสต์ พวกเรารู้ว่าพวกเขาคือบรรดาผู้ไม่เชื่อที่จะเริ่มต้นด้วย แต่มันคือองค์กรของกลุ่มเพนเทคอสต์ที่ได้นำเข้าไปสู่นิกายนั้น ได้ขีดเส้นของพวกเขาโดยปราศจากพระวจนะ และได้ขีดเส้นหนึ่งและจัดวางลงในองค์กรของพวกเขา และทำรั้วกั้นพระวจนะ พวกเขาจะหลอกลวงแม้ผู้ที่ถูกเลือกสรร ดังนั้นเหมือนกันอย่างสมบูรณ์แบบ! พูดว่า "พวกเขาร้องไห้ พวกเขาตะโกน พวกเขากระโดดขึ้นและลง พวกเขาอ้างถึงการรักษาโรค" เหมือนกับที่ยูดาสได้กระทำ และเหมือนกับส่วนที่เหลือของพวกเขาทั้งหมดที่ได้กระทำ เมื่อพวกเขาออกไปแล้ว กลับมาด้วยความชื่นชมยินดีและทุกอย่าง และทั้งยังมีชื่อของพวกเขาจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดก

แต่กระนั้น จงจำไว้ว่า เจ้าสาวของพระคริสต์ไม่ได้มาในกลุ่มนั้น เธอเข้าไปในการถูกรับขึ้นไป

ในการพิพากษา การพิพากษานั้นได้ถูกกำหนดขึ้น และหนังสือก็ถูกเปิดออก คนชั่วร้ายและหนังสืออื่นๆ ที่เป็นหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกเปิด และมีเจ้าสาวอยู่ที่นั่นเพื่อจะทำการพิพากษามัน เห็นไหมครับ? เห็นไหมครับ?  “หนังสืออีกเล่มหนึ่งได้ถูกเปิดซึ่งเป็นหนังสือแห่งชีวิต” นั่นคือ พวกแกะอยู่บนด้านหนึ่ง และพวกแพะอยู่อีกด้านหนึ่ง ดูเถิดครับ พวกผู้คนที่เสียชีวิตไปแล้วที่โน่นที่ไม่เคยมีโอกาส พวกเขาจะเป็นพวกที่จะถูกแยกออก

แต่ตอนนี้ จงสังเกตว่า "หลอกลวง” แม้ผู้ที่ถูกเลือกสรรแล้ว จงจับตามองกลุ่มนั้น นั่นคือกลุ่มนั้นที่ติดตามไปตลอด “ใช่แล้วครับ พี่น้อง ฮาเลลูยา! ใช่แล้วครับ! ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้า!" และลึกลงไปในจิตใจของคุณ คุณเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำงานอยู่เพื่อคุณ คุณมีอยู่ในคริสตจักร (ทำไมเล่าครับ?) เพื่อที่จะดึงดูดฝูงชนเพื่อจะสูบเลือดของพวกเขาออกมาทุกเสี้ยวของเงินที่พวกเขาจะสามารถนำมันออกมาได้ พวกคุณคิดว่าผมไม่รู้เรื่องนั้นหรือครับ? พวกเขาอาจจะไม่คิดว่าผมรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้น แต่ผมรู้ครับ

พระเยซูทรงรู้ตั้งแต่เริ่มต้นว่าใครคือผู้หลอกลวง! เห็นไหมครับ?  เห็นไหมครับ?  นอกจากนั้นพระองค์ได้ทรงกระทำอะไรเล่าครับ? พระองค์เพียงแค่ทรงรอคอยจนถึงเวลานั้น นั่นคือสิ่งที่พวกเราจักต้องกระทำเสมอ จงรอคอยจนกระทั่งถึงเวลานั้น จงอย่าเคลื่อนเข้าไปด้วยตัวเอง จงรอคอยจนกระทั่งถึงนาทีนั้น

การมีรูปแบบหนึ่งและไปตามนั้น นั่นคือกลุ่มที่หลอกลวง จงจับตามองผู้หลอกลวงนั้นกลุ่มนั้นที่นั่น ไม่ใช่ผู้ไม่เชื่อ แต่นั่นคือผู้แสร้งว่าเชื่อ โอ้! พวกเขากำลังทำอะไร? เพียงแค่กำลังกำจัดวัชพืชไปจนกว่าพวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถหาบางสิ่งบางอย่าง การดึงเงินทุกๆ เพนนีที่พวกเขาสามารถนำออกมาจากพวกผู้คน ดูเถิดครับ และจากนั้นซ้อนมันขึ้นในองค์กรใหญ่ๆ เหล่านี้ ซึ่งจักต่อต้านอย่างแน่นอน และพวกเขารู้จักมัน ดูเถิดครับ พวกเขารู้จักมัน

มันไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆ ในสิ่งที่คุณพูด พวกเขาได้เตือนคนของพวกเขาเสมอก่อนที่คุณจะมาว่า "จงอย่าฟังสิ่งนั้น"

ผู้ชายคนหนึ่งที่มีความกล้าที่จะยืนอยู่ตรงนั้นในรัฐโอไฮโอ เพียงเมื่อบราเดอร์คิดด์ได้รับการเยียวยารักษาโรค ออกมาที่นั่นบนเวทีและกล่าวว่า "ตอนนี้ บราเดอร์บรานฮามเป็นผู้เผยพระวจนะ ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย เมื่อเขาอยู่ภายใต้การเจิม แต่ตอนนี้" พูดว่า "เมื่อการเจิมได้จากไปจากเขา" กล่าวว่า "คุณไม่เชื่อการสอนของเขาเพราะว่ามันผิด”

และเขาไม่ทราบว่ากำลังนั่งอยู่ในห้องของผม พระเจ้าได้ทรงเปิดเผยสำแดงมันให้กับผม และผมได้เดินลงไปที่นั่น และหลายคนในพวกคุณอยู่ที่นั่น ผมบอกว่า "ทำไมชายผู้หนึ่งจึงพูดสิ่งหนึ่งเหมือนอย่างนั้น เมื่อพระวจนะ..." คราวนี้ ดูเถิด ผมไม่เคยพูดว่าผมเป็นผู้เผยพระวจนะ เขาพูดว่าผมเป็นผู้เผยพระวจนะ!

และผู้เผยพระวจนะ คำว่า ผู้เผยพระวจนะ (prophet) “ผู้มองเห็น” (seer) พันธสัญญาเดิม... ตอนนี้ ภาคภาษาอังกฤษของ "ผู้เผยพระวจนะ" หมายถึง “นักเทศน์” แต่พันธสัญญาเดิม ผู้มองเห็น (seer) คือผู้ที่มี “การตีความหมายของพระวจนะจากพระเจ้า” และได้รับการพิสูจน์โดยพระวจนะที่มายังเขาและกิจพยากรณ์ นั่นคือสิ่งนั้น...

และผู้ชายคนหนึ่งบอกว่า ผู้ชายคนหนึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะ และจากนั้นบอกว่า การสอนของเขาผิดหรือ? ถ้าหากนั่นไม่ใช่การทำงานเพื่อเงินแล้วคืออะไรเล่าครับ? เวลานั้นที่ใกล้เข้ามา เมื่อสิ่งที่จะถูกดึงออกมาในฉากนั้น ใช่ครับ แต่นั่นเป็นชนิดที่ผู้แสร้งว่าเชื่อนั้น ตบเบาๆ ที่ด้านหลังของคุณ เรียกคุณว่า “พี่น้อง” เช่นเดียวกับยูดาส แต่จำได้ไหมครับว่า พระองค์ทรงรู้ตั้งแต่เริ่มต้น พระองค์ทรงรู้อยู่ ใช่ครับท่าน

โปรดจำไว้ครับว่า ผู้คนเหล่านี้ทั้งหมดที่กำลังฟังเทปนี้ด้วย ใช่แล้วครับ ท่านเป็นผู้หนึ่งในประเภทของพวกเขา นั่นถูกต้องอย่างแน่นอนครับ ตอนนี้เรากำลังจะปิด ทุกคนที่อยู่ที่นี่ในขณะนี้ ทุกคนที่ฟังเทปนี้ และถึงแม้ว่าในวันที่ผมต้องจากโลกนี้ไป เทปเหล่านี้จะยังคงอยู่ ใช่แล้วครับ เห็นไหมครับ?  และคุณเป็นผู้หนึ่งในประเภทของคนทั้งหลายเหล่านี้ คุณจะต้องผู้หนึ่งในพวกเขา มันแน่นอนว่าคุณไม่สามารถหลบหนีมันได้ คุณเป็นผู้หนึ่งในประเภทเหล่านี้

คราวนี้อะไรเล่าครับ? จงระบุตัวตนของคุณเองด้วยลักษณะของพระคัมภีร์ที่คุณเชื่อ ที่ไหนที่คุณเชื่อพระวจนะเมื่อมันได้ถูกพิสูจน์ให้เห็นเหมือนที่ผมได้พิสูจน์มันในคืนนี้ว่ามันเป็นพระวจนะที่ถูกพิสูจน์ได้เสมอ มักจะตรงกันข้ามกับความเชื่อที่เป็นที่นิยมเสมอ

ถ้าหากคุณได้อยู่ในยุคของโนอาห์ ตอนนี้แค่ขอให้ผมถาม ฝ่ายไหนที่คุณได้อยู่ด้วยเล่าครับ? ฝ่ายคริสตจักรหรือฝ่ายโนอาห์ ผู้เผยพระวจนะ? เห็นไหมครับ? 

ถ้าหากว่าคุณได้อยู่ในยุคของโมเสส คุณได้เชื่อโมเสสหรือไม่ครับ? ถ้อยคำหลังจากที่มันได้รับการพิสูจน์และถูกปลดปล่อยโดยพระเจ้าหรือไม่? แต่กระนั้นคุณจะไปกับโคราห์และ ดาธานและพวกเขาและพูดว่า "คุณไม่ได้เป็นผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์เพียงผู้เดียวเท่านั้น คนอื่นๆ สามารถกระทำสิ่งเหล่านี้ที่คุณกระทำด้วย"? เห็นไหมครับ?  คุณจะต้องเป็นพวกหนึ่ง และคุณเป็นคืนนี้

หรือคุณได้อยู่ฝ่ายเดียวกับดาเนียล หรือกับคริสตจักรนั้นที่งานเลี้ยงของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์? เห็นไหมครับ?  คุณได้อยู่ข้างนอก หรือคุณได้อยู่ที่งานเลี้ยงและเต้นรำ-งานใหญ่นี้ที่พวกเขากำลังมี?

หรือคุณได้อยู่กับเอลียาห์ ชายผู้นั้นที่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวถูกเรียกว่า “ชายแก่เจ้าอารมณ์ผู้หนึ่ง ชายเสียสติผู้หนึ่ง” และยืนอยู่บนยอดของเนินเขาลูกหนึ่ง และศีรษะของเขาส่องแสงกระทบกับดวงอาทิตย์กับไม้เท้าอันคดเคี้ยวที่อยู่ในมือของเขา นกให้อาหารเขา อ่ะอ้า เจ้าอารมณ์หรือ? หรือคุณได้อยู่กับพวกปุโรหิตและพวกเขาทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นกับเยเซเบล และส่วนที่เหลือของพวกเขาพวกผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัย? และเอลียาห์กำลังยืนอยู่ที่นั่นกำลังกระหนาบพวกเขาอย่างหนักเท่าที่เขาจะทำได้! คุณจะนำภรรยาของคุณไปไว้ที่ส่วนไหน? เพียงแค่คิด เพียงแค่มองภาพตัวคุณเองคืนนี้

ในยุคของพระเยซู คุณเคยอยู่กับเด็กคนนี้ที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงใดๆ หรือไม่? พระองค์ทรงไม่มีความเกี่ยวข้องกับนิกายใดๆ พวกเขากล่าวว่า "คุณมาจากโรงเรียนใดหรือ? พวกเราไม่มีคุณอยู่ในบันทึกของพวกเราที่นี่ คุณได้รับสติปัญญานี้มาได้อย่างไร? คุณได้เรียนรู้ได้อย่างไรถ้าพวกเราไม่ได้สอนคุณในสิ่งเหล่านี้ โรงเรียนใดเล่าที่คุณได้ผ่านมา? คุณเป็นเมธอดิสท์, เพรสไบทีเรียน หรือแบ๊บติสต์?" พระองค์ทรงไม่ได้เป็นพวกใดเลย ใช่แล้วครับ พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ ถูกต้องแน่นอนครับ พี่น้อง

หรือคุณได้อยู่ฝ่ายพวกฟาริสีของความเชื่อสมัยใหม่แห่งความถ่อมใจของปุโรหิตโบราณที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนและแสนดีมาก และองค์กรที่ยืนอยู่ตั้งแต่สภาไนซีอา หรือตั้งแต่คณะลูเทอร์ได้จัดตั้งขึ้น? หรือกลุ่มอะไรที่คุณได้เคยอยู่ด้วย? คุณเคยอยู่ที่.....กลุ่มอะไรที่คุณเคยอยู่ด้วย? คุณได้ยืนอยู่กับพระวจนะเมื่อคุณได้เห็นมันถูกพิสูจน์ให้เห็นถึงและพิสูจน์ให้คุณเห็นว่า มันเป็นถ้อยคำของวันนี้ หรือคุณได้ยืนอยู่ข้างคริสตจักร? ตอนนี้แค่มองภาพตัวของคุณเองในคืนนี้

คุณเคยอยู่ที่นั่นกับเหล่าอัครสาวกเมื่อพวกเขาเห็นพระเยซูและสิ่งที่ลึกลับเหล่านี้ทั้งหมด เมื่อพระองค์ทรงตำหนิพวกเขาบรรดานักเทศน์ และตรัสว่า "ท่านเป็นรังของงู" หรือ? พวกเขาสัตย์ซื่อ บรรดานักเทศน์เก่าที่ได้ศึกษา ดังที่พระวจนะตรัสว่า "ท่านไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากถ้ำของพวกโจร และท่านก็เต็มไปด้วยกระดูกของคนตาย ท่านไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากผนังสีขาว" เห็นไหมครับ?  "เจ้าชาติงูร้าย" ท่านเคยยืนอยู่กับพวกมุทะลุเช่นนั้นที่ยืนอยู่ที่นั่นและถูกกระหนาบและถูกดึงลง? ตรัสว่า "ใครในพวกท่านที่สามารถกล่าวโทษบาปชองเราได้? ถ้าเราไม่ได้กระทำในสิ่งที่พระบิดาตรัส..."

พวกเขากล่าวว่า "จงอย่าฟัง ชายผู้นั้นมีวิญญาณชั่วในตัวเขา เขาบ้า เขาวิกลจริต เขามีวิญญาณชั่วในตัวเขา" เห็นไหมครับ?  คราวนี้ พระองค์ทรงกระทำอย่างไร พระองค์... นั่นคือวิญญาณหมอดูในพระองค์หรือ พระองค์ทรงบอก....พระองค์คืออะไร? พระมารดาของพระองค์มีพระองค์ก่อนที่นางและสามีของนางจะแต่งงานกัน" เห็นไหมครับ?  เห็นไหมครับ?  "โรงเรียนใดที่พระองค์ทรงเคยศึกษา? พวกเราไม่มีแม้แต่บันทึกสักอันหนึ่งว่า พระองค์ทรงเคยศึกษาที่โรงเรียนมัธยม”

และเมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมายุสิบสองพรรษา พระองค์ทรงทำให้ปุโรหิตประหลาดใจและฉงนด้วยพระวจนะของพระเจ้า เห็นไหมครับ?  "โรงเรียนอะไรที่พระองค์ทรงจากมาเล่าครับ?" โรงเรียนจากเบื้องบน เห็นไหมครับ?  "เมื่อท่านได้เห็นบุตรมนุษย์นี้เสด็จลงมาจากที่พระองค์ทรงจากมา" ดูเถิดครับ นั่นคือโรงเรียนของพระองค์

แต่กระนั้นคุณจะยืนอยู่กับเหล่าอัครสาวกเพื่อชายผู้หนึ่งเช่นนั้นหรือไม่ เมื่อการเปิดไพ่ใบสุดท้ายมาถึง?

หรือแท้จริงแล้วคุณได้เดินออกไปกับสาวกเจ็ดสิบคนนั้นและพูดว่า "ดีล่ะ พวกเราจะกลับไปที่คริสตจักรของพวกเรา ถ้านั่นเป็นทางที่คุณจะสอน การกล่าวว่า ท่าน “บุตรมนุษย์” หรือ? หลังจากนั้นแล้ว ท่านเป็นผู้ใดเล่า? ท่านเป็นอะไร? ชายผู้หนี่งซึ่งเป็นเหมือนที่ข้าพเจ้าเป็น ข้าพเจ้ารับประทานอาหารกับท่าน และพยายามที่จะบอกว่า ท่านเป็นบางสิ่งบางอย่าง ข้าพเจ้าได้เฝ้ามองท่าน ข้าพเจ้าได้เห็นความอ่อนแอของท่าน ข้าพเจ้าได้เห็นท่านร้องไห้ ข้าพเจ้าได้เห็นท่านกระทำสิ่งนี้, สิ่งนั้น หรือสิ่งอื่นๆ ข้าพเจ้าได้เห็นท่านไปในถิ่นทุรกันดารกับพวกเราและทุกอย่างอื่นๆ อีกเช่นเดียวกันนั้น ตอนนี้ และท่านก็เป็นเพียงแค่คนๆ หนึ่งและบอกว่าท่านลงมาจากสวรรค์ นั่นมากเกินไปสำหรับข้าพเจ้า" คุณได้เดินขึ้นไปกับพวกเขาหรือครับ? หรือคุณได้เดินออกไปกับสาวกเจ็ดสิบคน? หรือคุณได้เดินต่อไปกับเหล่าอัครสาวกและพระคริสต์?

เมื่อนักบุญมาร์ตินได้พยายามที่จะจัดการให้บัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ ในคริสตจักรเมื่อตอนที่เขายังคงพยายามที่จะถือหมายสำคัญและการอัศจรรย์และสิ่งต่างๆ  และคริสตจักรคาทอลิกได้ประณามชายผู้นี้และไม่ได้จดจำเขาอีกเลยและได้ขับไล่เขาออกไป คุณได้อยู่ที่เดียวกับความเชื่อคาทอลิก หรือคุณได้ยืนอยู่กับนักบุญมาร์ติน? เมื่อเขาปฏิเสธที่จะนำภาพของคนที่ตายแล้วเหล่านี้ทั้งหมดและบูชาพวกมัน บูชารูปภาพและสิ่งต่างๆ ของพวกมันหรือไม่? เมื่อเขาปฏิเสธคำสอนที่ถูกเพิ่มเข้ามา เขากล่าวว่า "ขอให้พระวจนะเป็นความจริง!" และพระเจ้าทรงพิสูจน์ให้เขาเห็นด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ และสิ่งที่เขาได้ทำนายก็เกิดขึ้น และทุกอย่างซึ่งเขาได้กระทำ เขาได้ดำเนินตามพระวิญญาณของพระเจ้าและได้พิสูจน์มันแล้ว และไม่ใช่หนึ่งในพวกปุโรหิตหรือสิ่งใดๆ ที่จะสามารถกระทำสิ่งใดเกี่ยวกับมันได้ คุณได้อยู่ข้างเขาและไปกับนักบุญมาร์ตินหรือคุณได้อยู่กับความเชื่อคาทอลิก?

ตอนนี้พระวจนะของพระเจ้าหรือคำสอนของคริสตจักรที่อยู่ก่อนคุณ คุณสามารถใช้ ยอมรับในสิ่งที่เป็นคำสอนของคริสตจักร หรือคุณจะใช้สิ่งที่พระวจนะตรัสเล่าครับ?

จำได้ไหมครับว่า ในทุกยุคสมัยก็เคยเป็นเหมือนในขณะนี้ มีความเชื่อหนึ่งที่เป็นที่นิยมท่ามกลางคนทั้งหลายเสมอ และมันก็เป็นอยู่เสมอเพียงแค่ขัดแย้งกับพระวจนะที่แท้จริงเพียงเล็กน้อย จำได้ไหมครับว่า มันไม่เคยที่จะเพียงปฏิเสธพระวจนะอย่างสิ้นเชิง โอ้ ไม่ ผู้ต่อต้านพระคริสต์ไม่ได้ปฏิเสธพระวจนะ ไม่อย่างแน่นอนครับ เขา เขาพูดว่าเขาเชื่อมัน แต่เพียงไม่ใช่วิธีที่มันถูกเขียนขึ้นที่นี่ทั้งหมด เห็นไหมครับ?  เห็นไหมครับ? 

ซาตานบอกเอวา เอวาก็เชื่อมันทั้งหมด แต่นั่นเพียงเล็กน้อยที่มันได้บอกเธอ พวกเขาใช้เพียงทั้งหมดของมันแต่เพียงเล็กน้อย อาจจะเป็น “จงไปที่สระว่ายน้ำ” มันอาจจะเป็นอย่างอื่น คุณต้องได้รับมันทุกขณะเพียงวิธีการที่มันอยู่ที่นี่ ดูเถิดครับ เพียงวิธีการที่จะบอกที่นี่ อาจจะทำให้คุณกระทำการงานแรกบางอย่างอีกครั้งหนึ่ง แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่พระวจนะได้กล่าวไว้แล้ว นี่เป็นกลอุบายของซาตานตั้งแต่มันได้ทำงานเป็นครั้งแรกกับเอวา เพียงเพราะว่าไม่เชื่อส่วนเล็กน้อยของพระวจนะ

และมักจะแบ่งแยกผู้คนเหล่านี้ออกเป็นสามประเภทเสมอ พระวจนะแบ่งแยกผู้คนเหล่านี้ออกจากกัน ในทุกยุคทุกสมัยมันก็เป็นมาอย่างนั้น ทุกยุคสมัยที่เคยเป็นมา มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น เมื่อพระเจ้าทรงใช้บางสิ่งบางอย่างมาในเรื่องราวนั้นและทรงระบุพระวจนะของพระองค์อย่างชัดเจน

จากนั้นมีเหล่าผู้คนที่ติดตามซึ่งอ้างว่าเป็นบรรดาผู้เชื่อ และพวกเขาเป็น มีพวกเหล่านั้นที่จะไม่หันหลังกลับ พวกเขาเชื่อพระวจนะ ตราบใดที่คุณอยู่ในพระวจนะ พวกเขาเชื่อมัน

แต่กระนั้นเมื่อมันเกิดความขัดแย้งเล็กน้อย ไม่ว่าพระเจ้าทรงระบุมันไว้มากเพียงใดเพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อ พวกเขากล่าวว่า "ผมไม่ทราบเกี่ยวกับสิ่งนั้น" นั่นคือ ผู้ไม่เชื่อ

หรือคุณจะติดตามเพียงเพื่อดูจนกว่าคุณจะมีโอกาสที่จะพูดว่า "อ้าว นี่ไง!" ยูดาสผู้ที่จะแทงข้างหลังใครบางคนเหมือนที่เขาได้กระทำแล้ว "ผมรู้ว่ามันจะปรากฏไม่ช้าก็เร็ว! นั่นกระไร!" นั่นคือ ผู้แสร้งว่าเชื่อ ทุกส่วนของมัน เราเห็นมันในพระคัมภีร์ไบเบิล

ครั้งหนึ่งที่เด็กชายเล็กๆ คนหนึ่งที่นี่ในรัฐเคนตั๊กกี้ เดินทางขึ้นไปบนภูเขา เขาไม่เคยอยู่รอบๆ ที่ๆ มีกระจกเงา เขามีชิ้นส่วนเล็กๆ ที่แปะติดอยู่บนต้นไม้ แต่เขาไม่เคยเห็นตัวของเขาเอง เขามาที่นี่ที่เมืองหลุยส์วิลล์ เขาถูกบอกให้อยู่กับน้องสาวของแม่ของเขา และนางอาศัยอยู่ในบ้านที่ดีหลังหนึ่งเป็นบ้านสมัยเก่า เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในห้องนอนห้องหนึ่งที่มีประตูหนึ่งที่มีกระจกทั้งหมด ตลอดทางขึ้นและลงประตู เห็นไหมครับ? 

และเมื่อชายตัวเล็กๆ เริ่มที่จะวิ่งผ่านบ้านหลังนั้น เขาก็หยุด จอห์นนี่น้อยก็เห็นจอห์นนี่น้อย เห็นไหมครับ?  จากนั้นเขาก็เกาศีรษะของเขาและจอห์นนี่น้อยในกระจกก็เกาศีรษะของเขา เขาหัวเราะและจอห์นนี่น้อยในกระจกก็หัวเราะ เขากระโดดขึ้นและลงและจอห์นนี่น้อยก็กระโดดขึ้นและลงในกระจก เห็นไหมครับ?  เขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้น เขาคิดว่านั่นคือเด็กชายเล็กๆ ผู้หนึ่งที่เขาจะสามารถเล่นด้วยได้ ดังนั้นเขาจึงเดินตรงขึ้นไป เขาจิกบนกระจก เขาหมุนไปรอบๆ และคุณพ่อคุณแม่ของเขากำลังเฝ้ามองดูเขาอยู่ เขาพูดว่า "คุณแม่ครับ นั่นคือผมเอง"                คราวนี้คุณจงมองดูในสิ่งนี้ และคุณคือคนไหนเล่าครับ? อ่ะฮ่า อ่ะฮ่า คนหนึ่งในจอห์นนี่น้อยเหล่านี้ คนไหนที่คุณกำลังแสดงบทบาทเล่าครับ? คุณเป็นคนไหน คุณเห็นไหมครับ? คุณเป็นคนหนึ่งในพวกเขา

นั่นเป็นคนหนึ่งในพวกเขา ผู้หนึ่งที่จะหันหลังกลับ จุดบกพร่องอันแรกที่คุณพบ ที่คุณเรียกว่าจุดบกพร่อง เห็นไหมครับ? 

จงทดสอบมันด้วยพระวจนะและดูว่ามันถูกต้องไหม ถ้าพระวจนะพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่าง ดูเถิดครับ จงพิสูจน์ทุกสิ่งด้วยพระวจนะ พระเยซูตรัสดังนั้น ใช่ครับท่าน "จงยึดถือแต่สิ่งที่ดี" นั่นคือสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้อย่างแน่นอนครับ

คราวนี้จงมองเข้าไปในกระจกแห่งพระวจนะของพระเจ้าในยุคสมัยอื่นๆ และจงดูว่ากลุ่มไหนของสามประเภทเหล่านี้ที่คุณจะถูกระบุตัวตนได้ ตอนนี้เพียงแค่คิดว่าถ้าคุณได้อยู่ในยุคของโนอาห์ ถ้าคุณได้อยู่ในยุคของโมเสส ถ้าคุณได้อยู่ในยุคของพระเยซู หรือคนหนึ่งของพวกเขาหรืออะไรก็ตาม เพียงคิดว่ากลุ่มไหนที่คุณจะถูกระบุตัวตนด้วย จงคิดเกี่ยวกับมันในคืนนี้เถิดครับ

จากนั้นปัจจุบันของคุณ เพียงคิดเดี๋ยวนี้ ตอนนี้คือความล้ำลึก และจงอย่าเพียงฟังหูซ้ายทะลุหูขวา สภาพปัจจุบันของคุณตอนนี้พิสูจน์ให้คุณเห็นว่า กลุ่มไหนที่คุณเคยอยู่ด้วยที่นั่น ตอนนี้คุณคือผู้พิพากษาของตัวคุณเอง จงพิสูจน์ว่าคุณเป็นผู้ใด

ศาสนาจารย์, พันธกร, กลุ่มใดที่คุณเคยอยู่ด้วย เมื่อพระเยซูทรงยกตัวอย่างนั้นว่ามันยากที่จะเชื่อหรือ? อะไร? อะไร? หลังจากที่พระองค์ทรงได้รับการระบุตัวตนโดยตลอดแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ ดูเถิดครับ และยังคำแถลงนั้น คุณไม่เคยได้ยินอะไรอย่างนั้นมาก่อน “บุตรมนุษย์ ท่านจะว่าอย่างไร ถ้าพระองค์เสด็จขึ้นไปสู่สวรรค์ที่ซึ่งพระองค์ได้เสด็จจากมา?”

และคุณกล่าวว่า "ผมรู้ว่าพระองค์ประสูติที่ไหน ผมรู้จักบิดาของพระองค์ ผมรู้จักมารดาของพระองค์ และนี่พระองค์ตรัสว่า พระองค์กำลังจะเสด็จขึ้นไปยังที่ที่พระองค์ได้ทรงจากมา" นั่นอาจจะมากเกินไปหน่อยสำหรับคุณ หรือไม่ครับท่าน? อ่ะฮ้า  เป็นเพียงมากเกินไปสักหน่อยสำหรับคุณ คุณไม่สามารถมีอาการปั่นป่วนในท้องนั่น บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่เหมือนกันในวันนี้ จากนั้นมองในแก้วของพระวจนะของพระเจ้าและดูว่าที่ไหนที่คุณยืนอยู่ โอ้ มนุษย์ผู้หลอกลวง คุณไม่เคยกระทำอย่างนั้นหรือครับ

จงมองดูว่า คุณเป็นผู้หนึ่งในประเภทต่างๆ เหล่านี้ และสถานะปัจจุบันของคุณตอนนี้ สถานะปัจจุบันของจิตใจที่คุณสามารถมองเห็นได้ในผู้ชมที่นี่ และคุณผู้ฟังที่ไม่สามารถมองไม่เห็นได้ของเทปนี้ สถานะปัจจุบันของจิตใจของคุณ หลังจากฟังเทปนี้ จงพิสูจน์ว่าคุณอยู่ในประเภทไหน มันบอกคุณว่าคุณอยู่ที่ไหนจริงๆ ไม่ว่าคุณจะเชื่อในพระวจนะและจะอยู่กับมัน ไม่ว่าคุณจะเดินออกไป หรือปิดเทป ดูเถิดครับ นั่นบอกถึงสิ่งที่คุณกำลังทำ คุณไม่ต้องการที่จะฟังเทปและปิดมันเสียและกล่าวว่า "ผมไม่ต้องการที่จะฟังเทปนั้น" นั่นคือ ผู้ไม่เชื่อ ดูเถิดครับ คุณจะไม่หยุดที่จะทดสอบมันและดูว่าถ้าหากมันเป็นความจริงหรือไม่ เห็นไหมครับ?  หรือเพียงแค่วนเวียนอยู่รอบๆ และพยายามที่จะหาข้อผิดพลาดบางอย่างกับมัน จากนั้นคุณรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนด้วย มันบอกคุณได้

พระเจ้า โปรดทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายที่จะเชื่อและยืนหยัดอยู่บนพระวจนะ และสัตย์ซื่อ และเชื่อฟังพระวจนะ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระวจนะ พวกคุณเชื่อหรือไม่ครับ? (ที่ประชุมกล่าวว่า “อาเมน”)

ให้พวกเราอธิษฐาน

แด่พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ มันเป็นการยากเพียงใดในช่วงเวลาที่จะพูดถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ และรู้ว่าบางทีผู้คนนับแสนที่จะได้ยินเสียงจากเทปนี้ ขณะที่พวกเขาออกไปทั่วประเทศและทั่วโลก แต่กระนั้น พระเจ้าข้า มันเป็นจริง มันเป็นจริงดังนั้น ข้าพระองค์ขออธิษฐาน พระเจ้า ประการแรกขอทรงชำระจิตใจของข้าพระองค์ โอ้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอทรงตรวจสอบข้าพระองค์ ขอทรงพิจารณาข้าพระองค์

ขอทรงเพียงทอดพระเนตรลงมาเหนือข้าพระองค์ พระเจ้า ข้าพระองค์อ่อนแอ ข้าพระองค์รู้สึกเหนื่อย ข้าพระองค์หลุดเป็นชิ้นๆ แล้ว คอของข้าพระองค์แหบริมฝีปากของข้าพระองค์แห้งและร่างกายของข้าพระองค์กำลังถดถอย ข้าพระ องค์กำลังจะแก่ชรา และมันจะไม่เป็นบ่อยมากครั้งเกินไป พระเจ้า ดวงอาทิตย์อาจจะลับไปหลายครั้ง จนกระทั่งข้าพระองค์กำลังจะจากไป

และคราวนี้ ขอทรงโปรดตรวจสอบข้าพระองค์ในเวลานี้ พระบิดา และถ้ามีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าพระองค์กำลังทำผิด และไม่รู้ถึงสิ่งนั้น ขอพระองค์ทรงเพียงแต่เปิดเผยสำแดงสิ่งนั้นให้กับข้าพระองค์เถิด พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดแสดงให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์พร้อมแล้วในเวลานี้ที่จะทำให้มันถูกต้อง

ผมมองไปที่ตัวเองที่นั่นในกระจกของพระวจนะของพระเจ้า ผมยืนอยู่ที่ไหน? ผมเห็นภาพของผมที่สะท้อนให้เห็นถึงพระเยซูคริสต์หรือ? นั่นเป็นบุคคลที่ผมเห็นในกระจกหรือ? ผมเห็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้เชื่อของพันธสัญญาเดิม หรือบรรดาผู้เชื่อของพันธสัญญาใหม่หรือ? ผมเห็นผู้แสร้งว่าเชื่อหรือ? ผมเห็นตัวเองในฐานะของผู้ไม่เชื่อที่ไม่ยืนหยัดและฟังพระวจนะและใช้ความคิดของนิกายแทนหรือ? ผมเห็นตัวเองวนเวียนอยู่รอบๆ พยายามที่จะหาช่องโหว่เล็กๆ หรือ?

พระวิญญาณบริสุทธิ์ ถ้ามันเป็นเช่นนั้น ขอทรงโปรดชำระข้าพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอทรงให้จิตใจของข้าพระองค์สะอาดและบริสุทธิ์ เพราะว่านี่คือชีวิตของข้าพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพระองค์ต้องการให้มันถูกต้อง ไม่มีความจำเป็นที่จะกระทำมันเพียงแค่ครึ่งทาง ถ้าหากว่ามีทางหนึ่งที่จะกระทำให้มันสำเร็จจริงๆ ข้าพระองค์ต้องการที่จะให้มันถูกแก้ไขอย่างถูกต้อง พระบิดา ไม่เพียงแค่นั้น นอกจากนั้นข้าพระองค์อาจจะกำลังนำชายและหญิงไปในทางที่ผิด และผู้คนที่ข้าพระองค์รักและรักข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์อาจจะผิด

และพระบิดา ถ้าหากว่ามีสิ่งใด ถ้าข้าพระองค์ได้คิดในคืนนี้ว่า คริสตจักรของนิกายใดๆ นั้นถูกต้อง หรือสภาคริสตจักรนั้นถูกต้อง ถ้าเสียงส่วนใหญ่ของผู้คนนั้นถูกต้อง พระเจ้าพระบิดา ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์ที่จะเป็นผู้ชายเพียงพอและคริสเตียนเพียงพอที่จะยอมรับความผิดพลาดของข้าพระองค์และยืนอยู่ที่นี่และส่งผู้คนเหล่านี้ไปยังที่ๆ ข้าพระองค์คิดว่าถูกต้อง ขอทรงโปรดชำระข้าพระองค์ ขอทรงให้ข้าพระองค์มองและเห็น นอกจากนั้นเมื่อมันมาถึงสิ่งเหล่านั้น พระเจ้า ตราบเท่าที่ข้าพระองค์สามารถมองเห็นมันที่มีรูปแบบต่างๆ เหล่านั้นและปฏิเสธพระวจนะ คุณสามารถบอกมันให้กับพวกเขา และพวกเขาก็ยังพูดว่า "ดีล่ะ มันไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆ มัน ... พระเจ้า จงอย่าคาดหวังเช่นนั้นตอนนี้"

พระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพระองค์เชื่อว่า พระองค์ทรงเป็นเช่นเดียวกับพระเยซู พระองค์ทรงเป็นเช่นเดียวกับพระเจ้าที่พระองค์ทรงเคยเป็น พระองค์ทรงยังคงเป็นพระเจ้า และพระองค์ทรงไม่เปลี่ยนแปลง ข้าพระองค์เชื่อว่า พระคัมภีร์ไบเบิลนี้เป็นพระวจนะของพระองค์ และข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์และพระวจนะของพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกัน

และข้าพระองค์อธิษฐาน พระเจ้า ขอพระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ให้กับข้าพระองค์ทั้งหลาย เพื่อที่จะเร่งให้รับรู้พระวจนะ เพื่อทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายมีฤทธิ์อำนาจ ที่สักวันหนึ่งเมื่อชีวิตได้ยุติลง และพระองค์ทรงกระทำสำเร็จแล้วกับข้าพระองค์ทั้งหลาย ที่ข้าพระองค์ทั้งหลายจะมีชีวิตและขึ้นไปสู่สวรรค์ที่ข้าพระองค์ทั้งหลายเคยอยู่ ในพระดำริของพระเจ้าก่อนการทรงสร้างโลก พระเจ้า โปรดประทานด้วยเถิด

ขอทรงยกโทษอภัยบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระบิดา ถ้าหากว่ามีชายหรือหญิงที่นี่ ที่ยืนอยู่ในชั้นเรียนอื่นๆ นอกจากนั้นบรรดาผู้เชื่อแท้ในพระวจนะ พระเจ้า โปรดชำระจิตใจของพวกเขาเถิด ถ้าหากว่ามีใครก็ตามที่กำลังฟังเทปนี้อยู่หรือจะกำลังฟัง ข้าพระองค์ขออธิษฐานสำหรับการชำระจิตใจของพวกเขา ที่พระองค์จะทรงชำระพวกเขาให้สะอาด พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่ต้องการที่จะเห็นพวกเขาหลงหายไป พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐาน ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้เข้าใจว่า สิ่งผิดพลาดสิ่งหนึ่งจะไม่ทำให้เกิดสิ่งผิดพลาดสิ่งอื่นอีก มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะกระทำมัน นั่นคือ ขอทรงนำสิ่งที่ผิดพลาดทั้งสองสิ่งออกจากหนทางและขอทรงนำสิ่งที่ถูกต้อง และข้าพระองค์อธิษฐาน พระบิดา ขอพระองค์ประทานสิ่งนั้นให้กับข้าพระองค์ทั้งหลายในนามพระเยซูคริสต์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย

ด้วยศีรษะที่ก้มลงของพวกเรา จิตใจที่ก้มลงของพวกเรา ในเวลานี้ผมอยากจะให้พวกคุณที่จะสงบนิ่งสักสองสามนาที

เมื่อผมได้เห็นนิมิตของนรก ขณะที่เด็กชายเล็กๆ ผู้หนึ่ง ความน่าสะพรึงกลัวต่างๆ ของมันแล้วผมอาจจะผิดในเรื่องนี้ นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ความสังหรณ์ใจ มันอาจจะ ผมไม่ทราบครับ มันดูเหมือนว่าผมอยู่ในสถานที่บางแห่ง มันเป็นธรรมชาติมาก

จากนั้นไม่นานนักต่อมา ผมได้เห็นอาณาจักรของการอวยพร

เมื่อผมอยู่ในอาณาจักรของการสูญเสีย ผมได้ร้องเสียงดังว่า "โอ้ พระเจ้า ขอทรงอย่าปล่อยให้คนทั้งหลายมาที่นี่เลย!" คุณไม่สามารถ ไม่มีลิ้นใดเลยที่จะสามารถอธิบายให้คุณถึงความน่าสะพรึงกลัวของมัน ไม่มีทางใดที่ผมจะบอกคุณได้ ถ้าหากคุณเชื่อว่า มีนรกที่กำลังเผาไหม้อยู่เต็มไปด้วยไฟและกำมะถัน นั่นอาจจะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวอันร่มรื่นไปยังภาพของความน่าสะพรึงกลัวของสภาพที่สูญเสียไปที่เคยอยู่ และความทุกข์ยากลำบากที่เกี่ยวข้องกับสถานที่นั้น

และถ้าผมได้พยายามที่จะพูดกับคุณเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่จะอาจจะเกินความเข้าใจของมนุษย์ ผมก็ยังไม่สามารถอธิบายถึงสถานที่ของการอวยพรได้ว่ามีสันติสุขเพียงใด! ไม่เคยตาย ไม่เคยแก่ ไม่เคยป่วย เป็นหนุ่มสาวเสมอ มีสุขภาพที่ดีเสมอ และไม่เคยตาย ชีวิตนิรันดร์ในการอวยพรของวัยหนุ่มสาว และไม่มีบาปหรือสิ่งอื่นใดอีก! โอ้ ไม่มีวิธีใดที่จะอธิบายมันได้

แม้แต่นักบุญเปาโล เขากล่าวว่า "ตายังมิได้เห็น หูยังมิได้ได้ยิน หรือมิได้แม้แต่เข้ามาในจิตใจของมนุษย์" คุณไม่สามารถแม้แต่จะเข้าใจมัน ไม่มีทางที่จะอธิบายมันได้ "สิ่งที่พระเจ้าทรงได้จัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขาผู้ที่รักพระองค์"

และคราวนี้ เมื่อสิ่งนี้เป็นจริงอย่างแน่นอน ทั้งที่นี่และที่พวกผู้ชมซึ่งมองไม่เห็น พวกเรามี ภาพที่นี่คืนนี้ในหนึ่งของชั้นเรียนเหล่านี้ ถ้าหากพวกเราเป็นบรรดาผู้เชื่อแท้...จงทดสอบด้วยพระวจนะ ถ้าพระวจนะได้กล่าวถึงสิ่งนั้นแน่นอน และคริสตจักรได้กล่าวบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างกัน คุณจะเลือกสิ่งใดเล่าครับ? จงมองเข้าไปที่กระจกของพระวจนะของพระเจ้า และดูว่าประเภทไหนที่คุณกำลังยืนอยู่ และถ้าคืนนี้คุณไม่ได้อยู่ทั้งที่นี่และในผู้ชมที่มองไม่เห็น ถ้าคุณไม่ได้อยู่ ถ้าคุณไม่ได้อยู่กับประเภทของผู้เชื่อนั้น ขอให้ผมมอบเพียงคำอธิษฐานสำหรับคุณในเวลานี้ที่คุณจะเข้ามาในประเภทของผู้เชื่อนั้นได้ไหมครับ?

และคุณจะเห็นเช่นเดียวกันโดยพระเจ้า ด้วยศีรษะของคุณที่ก้มต่ำลง จิตใจของคุณที่ก้มต่ำลง หลับตาของคุณ และต่อพระพักตร์พระเจ้าได้ไหมครับ? บางครั้งผู้คนอาจจะรู้สึกกลัวบ้างเล็กน้อย คุณรู้ไหมครับ การที่พวกเขาจะยกมือขึ้นก็กลัวเพื่อนบ้านของพวกเขา...ซึ่งเขาอาจจะไม่ทำอย่างนั้น แต่พวกเขาอาจจะตั้งใจที่จะยกขึ้นและกล่าวว่า “ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ผิด ข้าพระองค์ผิด”

"ผู้ที่ปกปิดบาปของตนจะไม่จำเริญ แต่ผู้ที่สารภาพบาปของตนจะได้รับความเมตตา" เห็นไหมครับ?  บาปคืออะไร? “การไม่เชื่อ” การไม่เชื่อใน (อะไร?) พระวจนะ

ตอนนี้ถ้าหากคุณไม่ได้อยู่ในประเภทนั้นและมีสิ่งต่างๆ ที่คุณเห็นในพระคัมภีร์ไบเบิลที่คุณเพียงแค่... ในสติปัญญาของคุณ คุณไม่สามารถเห็นมัน คุณเพียงแค่...คุณรู้ไหมครับว่าพระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวไว้แล้วเช่นนั้น แต่คุณก็ยังไม่สามารถเข้าใจมัน และคุณยังต้องการที่จะเข้าใจ ขอให้คุณกล่าวว่า "พระเจ้า ขอประทานให้ข้าพระองค์มีความเข้าใจ ข้าพระองค์จะเชื่อฟังพระองค์"

คุณจะยกมือของคุณและกล่าวว่า "โปรดทรงจดจำข้าพระองค์ในขณะที่ข้าพระองค์ ทั้งหลายอธิษฐานเถิด” ไหมครับ? ขอพระเจ้าอวยพรคุณ ขอพระเจ้าอวยพรคุณ ดีแล้วครับ เห็นไหมครับ?

เพียงแค่คิดถึงมันจริงๆ ว่า "มีบางสิ่งบางอย่างในพระคัมภีร์ไบเบิลที่ผมอาจจะไม่รู้ได้? ผมเกรงว่า ผมจะพบว่าตัวเองอยู่ในหนึ่งของประเภทอื่นๆ บางทีผมอาจจะพบตัวเองในเหล่าสาวกเจ็ดสิบคนนั้นที่ผม ...มีเพียงบางสิ่งบางอย่างที่ผม...มันยากเกินไปสำหรับผมที่จะเข้าใจว่า พระเจ้าทรงกระทำสิ่งเหล่านี้อย่างไร พระองค์ทรงสามารถอย่างไร พระเยซูทรงสามารถเป็นเหมือนเดิมได้อย่างไร สิ่งต่างๆ เหล่านี้อย่างไร ผมไม่เข้าใจมัน ผมต้องการที่จะเข้าใจมัน ผมต้องการที่จะเชื่อมัน และพระเจ้า โปรดทรงช่วยความไม่เชื่อของข้าพระองค์เถิด ข้าพระองค์ต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของมัน ข้าพระองค์ต้องการที่จะเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมของพระวจนะ ข้าพระองค์ต้องการพระวจนะอยู่ภายในข้าพระองค์"

"ถ้าท่านเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดซึ่งท่านปรารถนา ท่านก็จะได้สิ่งนั้น" พระธรรมยอห์น บทที่ 15 พวกเรารู้ว่านั่นเป็นจริง จงมองดู "ถ้าท่านเข้าสนิท” ไม่ได้เข้าและออก เข้าและออก แต่ "ถ้าท่านเข้าสนิทอยู่ในเรา” และพระองค์ทรงเป็นพระวจนะ “และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดซึ่งท่านปรารถนา ท่านก็จะได้สิ่งนั้น" 

"ถ้าผู้ใดฟังคำของเราและเชื่อในพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา ก็ได้ผ่านความตายไปสู่ชีวิตแล้ว" แต่ว่าคุณจะสามารถรับพระคำเป็นอันดับแรกได้หรือไม่ครับ? คุณสามารถฟังพระวจนะ พระวจนะทั้งหมด ทั้งหมดของพระคริสต์ได้หรือไม่? พระคริสต์ทรงเป็นพระวจนะที่ได้รับการเจิม พระองค์ทรงเป็นพระวจนะที่ได้รับการเจิม

พระคริสต์ หมายถึง “ผู้ที่ได้รับการเจิม” พระวจนะที่ได้รับการเจิมสำหรับวันนั้นที่ทรงได้ปรากฏให้เห็น พระผู้ช่วยให้รอด พระผู้ไถ่ นั่นคือ เมื่อพระองค์ทรงเป็นที่จะมาและพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ได้รับการเจิมที่จะเข้ามาทำหน้าที่

ในเวลานี้คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ในยุคสุดท้าย ที่จะทรงส่องแสงออกมาในความสว่างของเวลาเย็น การรื้อฟื้นความเชื่อที่ถูกเหยียบย่ำลงไปโดยนิกายต่างๆ การประณามนิกายต่างๆ และการกลับไปสู่ความเชื่อดั้งเดิม ด้วยความเชื่อตามพระคัมภีร์ไบเบิลดั้งเดิม พระคัมภีร์ไบเบิลดั้งเดิม ความเชื่อในทุกคำพูดของพระวจนะที่ไม่มีการเพิ่มเติมและการสร้างขึ้น มันกล่าวแบบนี้ และมันกล่าวแบบนั้น เพียงแค่บอกว่า พระวจนะเป็นแบบนั้นที่ได้กล่าวไว้แล้ว และคุณต้องการที่จะเชื่อมันในแบบนั้น

มีใครบ้างที่ไม่เคยยกมือของพวกเขาขึ้น ต้องการที่จะยกมือของพวกเขาขึ้น และพูดว่า "พระเจ้า โปรดทรงจดจำข้าพระองค์เถิด?”

ขอพระเจ้าอวยพรคุณ สุภาพสตรี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ หญิงสาว ขอพระเจ้าอวยพรคุณ วิเศษ พระเจ้าอวยพรคุณผู้เล็กน้อย ขอพระเจ้าอวยพรคุณซิสเตอร์ของผม “ข้าพระองค์ต้องการพระองค์” และขอพระเจ้าอวยพรคุณซิสเตอร์ที่อยู่ด้านขวามือของผม และขออวยพรคุณที่อยู่ด้านหลัง “ข้าพระองค์ต้องการ...“ และขอพระเจ้าอวยพรคุณชายหนุ่ม และคุณ ซิสเตอร์ที่อยู่ที่นี่ คุณบราเดอร์ที่อยู่ด้านโน้น ขอพระเจ้าอวยพรคุณ ขอพระเจ้าอวยพรคุณที่อยู่ด้านหลัง "ขอพระองค์ทรงเพียงจดจำข้าพระองค์เถิด”

คราวนี้โปรดจำไว้ครับว่า คุณไม่ได้จับมือของคุณกับผม แต่กับพระองค์ผู้ทรงสถิตอยู่เบื้องหลังของผม ในเวลานี้พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นมือของคุณ แม้ว่าถ้าผมพลาดมัน พระองค์ก็ทอดพระเนตรเห็นมัน พระองค์ทรงทราบจิตใจของคุณ พระองค์ทรงทราบถึงสิ่งที่เร้าใจที่นั่น พระองค์ทรงทราบวัตถุประสงค์ของคุณ พระองค์ทรงทราบสิ่งที่เป็นแรงจูงใจของคุณที่ไปสู่วัตถุประสงค์นั้น ขอพระเจ้าอวยพรคุณพี่น้องชาย

บางคนบอกว่า "ผมต้องการที่จะเชื่อพระวจนะทั้งหมด" ขอพระเจ้าอวยพรคุณ ตกลง ขอพระเจ้าอวยพรคุณ "โปรดทรงช่วยข้าพระองค์เถิด พระเจ้า โปรดทรงช่วยข้าพระองค์เถิด" พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นมือของคุณ ใช่ครับท่าน นั่นไง "มีสิ่งต่างๆ ที่ผมไม่สามารถเข้าใจ ผมไม่ต้องการที่จะเป็นผู้ไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าผมไม่เข้าใจพวกเขา ผมต้องการที่จะเชื่อมัน อย่างไรก็ตาม ผมพร้อมที่จะกล่าวว่า “พระเจ้า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ข้าพระองค์ต้องการที่จะเชื่อ โปรดทรงช่วยความไม่เชื่อของข้าพระองค์เถิด" ขอพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับคุณ ขอพระเจ้าอวยพรคุณ มืออันมากมายที่ได้ยกขึ้นและที่กำลังจะยกขึ้น

คุณบอกว่า "บราเดอร์บรานฮาม นั่นจะช่วยได้หรือ?" ยกมือของคุณขึ้นมาครั้งหนึ่งด้วยวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องจริงๆ และค้นหาว่าคุณรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร

คุณได้ให้คำพยานว่า มีบางสิ่งบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตของคุณ คุณทราบว่า มีบางสิ่งบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณไม่ต้องการให้มันอยู่ที่นั่น แต่มันอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตาม คุณสงสัยว่ามันจะสามารถถูกกระทำให้สำเร็จได้อย่างไร “และพระเจ้า ขอทรงห้ามสิ่งนั้นที่ข้าพระองค์จะเป็นเช่นยูดาส ขอทรงห้ามสิ่งนั้น ขอให้ข้าพระองค์ที่จะกระทำตามถ้อยคำของพระองค์ อาจจะเพียงแค่พยายามที่จะคิดถึงสิ่งนั้นในบางวัน ข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างจะปรากฏขึ้น โอ้ พระเจ้า ไม่ใช่ข้าพระองค์ ขอทรงให้ข้าพระองค์อยู่ในพระวจนะของพระองค์ เห็นไหมครับ?  หรือบางทีที่ผมจะเป็นผู้ไม่เชื่อที่เพียงแค่คิดง่ายๆ ว่า "ดีล่ะ ถ้า-ถ้า...ดีล่ะ ทำไมพวกเขาที่เหลือจึงไม่พูดตามนั้นเล่า? เห็นไหม?  ข้าพระองค์ไม่ต้องการที่จะเป็นเหมือนเช่นนั้น ข้าพระองค์ต้องการที่จะเป็นผู้เชื่อ ข้าพระองค์ต้องการที่จะเป็น ข้าพระองค์เห็นพระวจนะของพระเจ้าในชั่วโมงนี้ ข้าพระองค์เห็นพระเจ้าในนั้น และพระเจ้า ขอทรงกระทำให้ข้าพระองค์เป็นส่วนหนึ่งของพระวจนะนั้น ขอทรงกระทำให้ข้าพระองค์เป็นส่วนหนึ่งของพระวจนะ ข้าพระองค์ต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของพระวจนะ” ขอพระเจ้าอวยพรคุณ

ในเวลานี้ ขอให้พวกเราอธิษฐาน และทุกคน ให้คุณอธิษฐานสำหรับตัวของคุณเอง และผมจะอธิษฐานเผื่อคุณ คุณทราบไหมครับว่า วันหนึ่งพวกเราจะไป...พวกเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันที่นี่ อาจจะสักครู่หนึ่ง บางคนในพวกเราจะถูกรับไป และพวกเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน มีพวกเราหลายคนที่นี่ซึ่งบางคนในพวกเราก็เริ่มจะชราภาพ บางคนในพวกเรา พวกเราไม่ทราบครับ แม้กระทั่งคนหนุ่มสาวก็ตาย พวกเราตายได้ในทุกๆ วัย พวกเราจะต้องถูกแบ่งแยกออกจากกัน และสิ่งนี้จะต้องถูกกระทำให้สำเร็จ และคุณไม่สามารถที่จะเข้ามาได้ตามอำเภอใจ คุณจะต้องเข้ามาในขณะที่คุณอยู่ในจิตใจที่ถูกต้องของคุณ

คุณบอกว่า "ดีล่ะ เพียงแค่ก่อนที่ผมจะตาย ถ้าผมจะสามารถเห็นมัน" ไม่ครับ จงอย่าทำอย่างนั้น คุณอาจจะไม่ได้อยู่ในจิตใจที่ถูกต้องของคุณแล้ว คุณอาจจะถูกฆ่าตายก่อนที่จะ ได้กลับบ้านในอุบัติเหตุ คุณอาจจะตายโดยหัวใจวาย พวกเราไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น พระเจ้าเพียงเท่านั้นที่ทรงควบคุมสิ่งนั้น ผมไม่เชื่อสิ่งอื่นใด

ผมกำลังจับตามองผู้คนที่อยู่ข้างนอก แม้แต่การจับมือกับพวกเขาในหน้าต่างนั้น เห็นไหมครับ? ใช่แล้วครับ ขอพระเจ้าอวยพร

“ข้าพระองค์ต้องการ ข้าพระองค์ต้องการที่จะถูกต้อง” และในเวลานี้ ขอกระทำให้มันถูกต้อง ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เพียงแค่คุณสามารถกระทำมันให้สำเร็จในครั้งเดียวจากก้นบึ้งของจิตใจของคุณ ถ้าหากคุณจะพูดอย่างจริงใจว่า "พระเยซูเจ้า ไม่ว่าสิ่งนั้นคืออะไร หรือสิ่งที่คนอื่นกล่าวว่าอย่างไร พระวจนะของพระองค์จะเป็นสิ่งแรกในชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ต้องการพระวจนะในชีวิตของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระวจนะ พระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวไว้เช่นนั้น และข้าพระองค์เชื่อว่าพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระวจนะของพระเจ้า และข้าพระองค์รู้ว่าลัทธิและความเชื่อต่างๆ ที่ถูกฉีดเข้าไปก็ทำให้มันเป็นแขนงของความเจ้าเล่ห์เพทุบาย พระเจ้า โปรดทรงชำระข้าพระองค์จากสิ่งดังกล่าวนั้นเถิด และขอทรงให้ข้าพระองค์เป็นของพระเจ้าทั้งหมด ข้าพระองค์ยกมือของข้าพระองค์แด่พระองค์ ข้าพระองค์ยกจิตใจของข้าพระองค์แด่พระองค์ เสียงของข้าพระองค์แด่พระองค์ คำอธิษฐานของข้าพระองค์แด่พระองค์ พระเจ้า ขอทรงโปรดเมตตาต่อข้าพระองค์เถิด"

และมือของข้าพระองค์ก็ยกขึ้นด้วย พระเจ้า ขอทรงโปรดชำระข้าพระองค์ โอ้ พระเจ้า จากความไม่เชื่อทั้งหมด

แม้ว่าพระองค์มิอาจประทานฤทธานุภาพในการดำเนินอย่างเอโนคได้ และไม่ต้องตาย แต่เพียงแค่ใช้เวลาดำเนินในตอนบ่ายและกลับบ้านบนสวรรค์กับพระองค์ แต่กระนั้น พระเจ้า ข้าพระองค์เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะข้าพระองค์ทราบว่าจะมีการถูกรับขึ้นไปในวันสุดท้าย และการงานนั้นก็จะถูกย่อให้สั้นลง

และพระบิดา เมื่อพูดถึงปฏิทินของพวกเรา มากกว่าสามสิบหกปีและการงานจะเสร็จสิ้น และพระองค์ทรงจะต้องเสด็จมาบางครั้งภายในเวลานั้น หรือไม่มีมนุษย์คนใดที่จะได้รับความรอด และแล้วพวกเราได้รับการบอกกล่าวโดยผู้ที่ลำดับเหตุการณ์และผู้คนที่ค้นหาสิ่งต่างๆ ดังกล่าว สิ่งที่พวกเราได้ก้าวหน้าขั้นสูงอย่างมากมายหลายๆ ปีที่ผ่านมา พวกเขาบอกพวกเราโดยปฏิทินที่ว่าพวกเราอยู่บนหนทางที่ขึ้นไปกว่านั้น อาจจะมีแค่สิบห้าหรือยี่สิบปีที่เหลืออยู่ ข้าพระองค์ไม่ทราบ พระบิดา แต่ข้าพระองค์ทราบว่า แม้แต่ตามปฏิทินของพวกเรา พวกเราก็เกือบจะถึงที่นั่นแล้ว

ข้าพระองค์เห็นที่ๆ นั่นไม่มีความหวังใดๆ เหลืออยู่เลย พระเจ้า กำลังมีการ... ถ้าพวกเขาเคยที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนการต่อสู้กันด้วยลูกระเบิดเหล่านั้น พระเจ้า จะไม่มีการต่อสู้กัน พวกเขาจะทำลายกันและกัน และ พระเจ้า มันกำลังแขวนอยู่ที่นั่น และพระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า ทั้งสวรรค์และโลกจะอยู่ในเพลิงเผาผลาญ พระเจ้า ข้าพระองค์เห็นปรากฏการณ์ของชั่วโมงนั้น

ข้าพระองค์รำลึกถึงการลอบสังหารของประธานาธิบดี และจากนั้นเห็นว่าคนชั่วร้ายอื่นๆ ที่เข้ามาโดยไม่ให้ชายผู้นั้นได้ถูกสอบสวน และยิงเขาลงในการฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น โอ้ พระเจ้า คนๆ หนึ่งซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการกระทำของผู้อื่น พวกเขาไม่มีสิทธิที่จะกระทำเช่นนั้น ความชั่วร้ายในประเทศชาติของพวกเราเอง ควรที่จะเป็นประเทศของคริสเตียนหรือ ช่างเป็นตัวอย่างที่ยอดแย่ของคริสเตียนที่พวกเราเป็น พระเจ้า ขอพระองค์ทรงยกโทษอภัยบาปของพวกเราเถิด

โปรดทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด โอ้ พระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริสตจักรของพระองค์ พวกเขาที่รับบัพติศมาในพระกายที่ลึกลับของพระคริสต์ซึ่ง “เป็นพระวิญญาณที่ทรงกระตุ้น" พระองค์ตรัสไว้แล้ว และในขณะที่บุตรมนุษย์เสด็จขึ้นไปแล้วพระกายของพระองค์ก็จะเสด็จขึ้นไป และพระองค์ทรงเป็นพระเศียร คริสตจักรของพระองค์เป็นพระกาย" โอ้ พระเจ้า พระเศียรทรงนำพระกาย และขอทรงเป็นผู้นำของพระวจนะที่จะทรงนำพระกายของพระคริสต์ และข้าพระองค์อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของพระกายนั้นด้วย พระเจ้า

ข้าพระองค์อธิษฐานสำหรับคนทั้งหลายเหล่านี้ที่ยกขึ้นมือของพวกเขาขึ้น และทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ และทั้งหมดที่ฟังเทปอยู่ พระบิดาเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานจากใจจริง โปรดทรงรับพวกเขาไว้เถิด พระบิดา ขอพระองค์ทอดพระเนตรที่จิตใจของพวกเขา พระองค์ทรงรู้ว่าพวกเขาเป็นอะไร นอกจากนั้นในฐานะที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานวิงวอนสำหรับคนทั้งหลายเหล่านี้ พระบิดา ข้าพระองค์รักพวกเขา ข้าพระองค์รักพวกเขา

และข้าพระองค์เพียงพยายามที่จะกระทำสิ่งนี้เท่านั้น เพราะข้าพระองค์สัมผัสว่าเป็นพระบัญชาของพระองค์สำหรับข้าพระองค์ที่จะกระทำมัน ดังนั้น พระบิดา ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ กำลังกระทำอย่างดีที่สุดที่ข้าพระองค์สามารถทำได้ ด้วยการ...ขอทรงยกโทษให้อภัยแก่ความผิดพลาดที่อ่อนแอของข้าพระองค์ พระบิดา ข้าพระองค์อธิษฐาน ขอพระองค์ประทานความแข็งแรงให้แก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์จะสามารถกระทำให้มันชัดเจนมากขึ้นกับคนทั้งหลายเหล่านี้เถิด

ในเวลานี้ ขอทรงสถิตอยู่กับข้าพระองค์ทั้งหลายในคริสตจักรแห่งนี้ที่นี่คืนนี้ ขอทอดพระเนตรลงมาบนพวกเขาเหล่านี้ พระเจ้า บรรดาผู้ที่ยกมือของพวกเขาขึ้นในคริสตจักร ขอทรงสำรวจข้าพระองค์ โอ้ พระเจ้า และขอทรงตรวจพิจารณาข้าพระองค์ และถ้าหากว่ามีสิ่งผิดพลาดประการใดในข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดชำระข้าพระองค์ให้สะอาด พระบิดา ขอประทานสิ่งนั้น ขอทรงชำระคริสตจักรแห่งนี้ให้สะอาดเถิด

โปรดทรงชำระข้าพระองค์ทั้งหลายทุกคนให้สะอาดเถิด พระเจ้า ด้วยพระวจนะจะบังเกิดขึ้นเป็นมนุษย์ท่ามกลางข้าพระองค์ทั้งหลายและจะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในวันนี้ โปรดประทานสิ่งนั้นเถิด พระบิดา สำหรับข้าพระองค์ขอมอบสิ่งนี้ด้วยตัวข้าพระองค์เอง และคำเทศนานี้ และด้วยบรรดาผู้ชมที่นี่ และด้วยพระวจนะของพระองค์ และพระสัญญาของพระองค์ เพื่อความรอดของจิตใจของข้าพระองค์ทั้งหลาย ในพระนามพระเยซูคริสต์ โปรดประทานสิ่งนั้นด้วยเถิดพระองค์

ขอพลังฤทธานุภาพของพระเจ้าลงมายังข้าพระองค์ทั้งหลายและขอทรงเจิมข้าพระองค์ทั้งหลาย ตลอดทางจากศิษยาภิบาลจนถึงนักการภารโรงและทุกคนอยู่ที่นี่ ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาและขอทรงเข้ามาประทับในจิตใจของพวกเรา และขอทรงนำพระสัญญาทุกอย่างของพระเจ้ามา และขอทรงเปิดเผยสำแดงให้แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายว่า พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง ข้าพระองค์อธิษฐานโดยพระนามพระเยซู

และในขณะที่พวกเราได้ก้มศีรษะลงนั้น “ผมอาจจะ...“ เพียงแค่ต้องการนักออร์แกน ถ้าเธอจะเล่นคอร์ดเพลงนี้ให้แก่พวกเราว่า "ข้าพระองค์ได้ยินเสียงเรียกจากพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ไปที่ใดข้าพระองค์จะตามไป” พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ไปที่ใดข้าพระองค์จะตามไป

... พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทรงเรียก (พระองค์คืออะไร? พระวจนะ!)

ข้าฯ ได้ยินเสียงเรียกจากพระผู้ช่วยให้รอดของข้าฯ

ข้าฯ ได้ยินพระผู้ช่วยให้รอดของข้าฯ (ในเวลานี้ จงปฏิเสธคำสอนและสิ่งต่างๆ ของคุณ)

จงแบกกางเขนของท่านเเและตาม...

“ผู้ที่ไม่ได้แบกกางเขนของตนและตามเรามา พระวจนะกล่าวว่า ไม่สมควรจะเป็นสาวกของเรา”

ด้วยพระองค์ทรงนำ (กลับไปสู่พระคัมภีร์ไบเบิล ที่พระองค์จะทรงนำคุณ) ...จะตามไป

ด้วยพระองค์ทรงนำข้าฯ ไปที่ใดข้าฯ จะตามไป

ด้วยพระองค์ทรงนำข้าฯ ไปที่ใดข้าฯ จะตามไป

ข้าฯ จะ...(ถ้าไปยังบ่อน้ำ ในพระนามของพระองค์ ถ้าไปยังแท่นบูชาเพื่อกำจัดความอัปยศของข้าฯ !)...ตลอดทาง

(บราเดอร์บรานฮามเริ่มฮัมเพลง พระองค์ทรงนำข้าฯ ไปที่ใดข้าฯ จะตามไป)

... พระองค์ โดยการพิพากษา (นั่นคือ เวลานี้)

ข้าฯ จะ ...

คุณอยู่ข้างไหนเล่าครับ? คุณเห็นอะไรในภาพสะท้อนของคุณในพระคัมภีร์ไบเบิล   กระจกเงาของพระเจ้า ถ้าหากว่าผมกำลังถูกตัดสินในเวลานี้ด้วยพระวจนะหรือไม่ครับ?

ข้าฯ จะดำเนินไปกับ...

“ข้าฯ จะดำเนินไปกับพระวจนะ ไม่ว่าจะเป็นราคาเท่าไหร่ ข้าฯ จะผ่านการพิพากษาของพระเจ้า ถ้าข้าฯ จะต้องใช้สถานที่สักแห่งหนึ่งที่ทำให้ข้าฯ เป็นผู้เชื่อ ที่นั่นคือ พระวจนะ”

...กับพระองค์ กับพระองค์ตลอดทาง

ด้วยพระองค์ทรงนำข้าฯ  ข้าฯ ...

ในเวลานี้จงตริตรอง การประชุมจบแล้วในตอนนี้  “ขอพระองค์ทรงนำ...“